เทคนิค Gann Swings: กลยุทธ์เทรดและรูปแบบกราฟ (2025)
Updated: 06.05.2025
William Delbert Gann: Gann Swings (2025)
William Delbert Gann เป็นบุคคลที่น่าสนใจและชวนสงสัยอย่างมาก เขาเกิดที่รัฐเท็กซัสในปี ค.ศ. 1878 ไม่มีใครรู้จริง ๆ ว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่ แต่หากคุณได้เห็นผลงานของเขา แม้แต่คนจิตใจมั่นคงก็อาจรู้สึกไม่ค่อยดี:
มันดูน่ากลัวมาก ปิดไปเลยได้ไหม! ใครจะเข้าใจอะไรได้จากนี่กัน? แล้วทำไมเราต้องมานั่งเรียนรู้สิ่งพวกนี้? ภาพด้านบนนี้ดูเหมือนผลงานของคนเสียสติ มากกว่าจะเป็นของเทรดเดอร์เสียอีก ในขณะเดียวกัน “คนเสียสติ” คนนี้กลับสามารถทำเงินมหาศาลจากตลาดหลักทรัพย์ได้จริง ๆ
Gann สามารถเปลี่ยนเงิน $100 เป็นมากกว่า $33,000 ได้ นี่แหละคนสุดพิลึกพร้อมวงกลมและเส้นมุมของเขา... ต้องบอกว่าผลงานของ Gann ยังมีอีกมากมาย เช่น เกี่ยวกับวัฏจักรของดวงจันทร์และอื่น ๆ แต่เราไม่สนใจ เพราะ... มันไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดเท่าไรนัก
จนถึงวันนี้ก็ยังมีคนสนใจความสำเร็จของ Gann อยู่เสมอ เพราะมีเทรดเดอร์บางกลุ่มที่คิดอย่างมีเหตุผลว่า “ถ้าเขาทำได้ ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน!” เป็นความคิดที่ดี และมีข้อมูลเกี่ยวกับ Gann Swings อยู่พอสมควรในอินเทอร์เน็ต (เราจะพูดถึงเรื่อง Swings กันในบทความนี้) แต่ก็มีปัญหาหนึ่ง — ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาเข้าใจได้ง่าย ๆ
พูดจริง ๆ เลย! หากจะเข้าใจผลงานของ Gann ให้ลึกซึ้ง คุณต้องเป็นอัจฉริยะหรือไม่ก็คนคลั่งไปเลย คนทั่วไปอาจนำมาใช้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น — เพราะขาดทั้งความอดทนและความเข้าใจที่มากพอ แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายสิบปีก็ใช่ว่าจะอยากเจาะลึกเรื่องนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจอะไรไหม แล้วถ้าเข้าใจ จะเอาความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ในตลาดได้หรือเปล่า (การปฏิบัติมักยากกว่าทฤษฎี) และนั่นต้องใช้เวลามหาศาล... มากจริง ๆ!
นอกจากนี้ เวลาหาแท่งราคาที่ใช้สร้าง two-bar swings จะสนใจเฉพาะแท่งที่ปรับ high หรือ low เท่านั้น (คือไม่สนใจ inside bar เลย) ส่วน outside bar จะต้องสูงกว่า (หรือ ต่ำกว่า) แท่งก่อนหน้า: ในภาพตัวอย่างด้านบน หลักการก็ยังเหมือนเดิม:
ตัวเลข “1” (ที่ไม่มี “2”) จะแสดงจังหวะดีดตัวเล็ก ๆ สวนแนวโน้มหลัก นี่เป็นข้อดีของ two-bar swings ที่ช่วยกรอง “เสียงรบกวน” ของตลาดออก เหลือแต่การเคลื่อนไหวที่สำคัญ (หากเทียบกับ one-bar Gann swings): ลองเปรียบเทียบกราฟ two-bar swing กับ one-bar swing แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน
ส่วน inside bar นั้นอาจเป็นแค่แท่งเดียว หรือเป็นชุดแท่งที่อยู่ในกรอบเดียวกันก็ได้ แต่สุดท้ายประเภทของสวิงที่ได้จะไม่ต่างกันมาก:
เมื่อมองหา three-bar swings ก็จะไม่เอา inside bar มาคำนวณเหมือนเดิม — จะโฟกัสแค่ 3 แท่งที่ปรับ high หรือ low ขึ้น/ลงเท่านั้น: นอกจากนี้ outside bar จะมีการปรับ high และ low ทั้งขึ้นและลง ในตัวอย่างข้างบน การนับ three-bar swings อาจเริ่มได้แม้จาก inside bar ที่อัปเดต high หรือ low ต่อเนื่อง และยังคงแนวโน้มขาลง โดยเลื่อนไปยังสวิงต่อไป
ลองจัดกราฟให้เรียบร้อย — เชื่อมแต่ละสวิงเข้าด้วยกันเพื่อให้อ่านง่ายในรูปแบบ Manhattan chart: สิ่งที่เห็นในกราฟนี้คือลักษณะของขาขึ้น: เราจะสังเกตได้ว่า จุดสูงสุดของราคา (high) สูงขึ้นเรื่อย ๆ และจุดต่ำสุด (low) ก็สูงขึ้นเช่นกัน นี่บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นพร้อมการย่อตัวสวนเทรนด์เล็กน้อย แต่หลังจากจุดสูงสุดที่สองแล้ว ราคาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาลง — เพราะราคาลดลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า:
เราควรใช้ Gann Swings หรือไม่? ในมุมมองของผม “ควร” มากกว่า “ไม่ควร” เพราะกราฟแบบ Manhattan นั้นเรียบง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก อีกทั้งมีอินดิเคเตอร์หลายตัวที่ช่วยวาดสวิงให้โดยอัตโนมัติ — คุณแค่ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่อินดิเคเตอร์ระบุหมายถึงอะไร แล้วนำไปใช้อย่างถูกต้อง
Gann สามารถเปลี่ยนเงิน $100 เป็นมากกว่า $33,000 ได้ นี่แหละคนสุดพิลึกพร้อมวงกลมและเส้นมุมของเขา... ต้องบอกว่าผลงานของ Gann ยังมีอีกมากมาย เช่น เกี่ยวกับวัฏจักรของดวงจันทร์และอื่น ๆ แต่เราไม่สนใจ เพราะ... มันไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดเท่าไรนัก
จนถึงวันนี้ก็ยังมีคนสนใจความสำเร็จของ Gann อยู่เสมอ เพราะมีเทรดเดอร์บางกลุ่มที่คิดอย่างมีเหตุผลว่า “ถ้าเขาทำได้ ฉันก็ต้องทำได้เหมือนกัน!” เป็นความคิดที่ดี และมีข้อมูลเกี่ยวกับ Gann Swings อยู่พอสมควรในอินเทอร์เน็ต (เราจะพูดถึงเรื่อง Swings กันในบทความนี้) แต่ก็มีปัญหาหนึ่ง — ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาเข้าใจได้ง่าย ๆ
พูดจริง ๆ เลย! หากจะเข้าใจผลงานของ Gann ให้ลึกซึ้ง คุณต้องเป็นอัจฉริยะหรือไม่ก็คนคลั่งไปเลย คนทั่วไปอาจนำมาใช้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น — เพราะขาดทั้งความอดทนและความเข้าใจที่มากพอ แม้แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์หลายสิบปีก็ใช่ว่าจะอยากเจาะลึกเรื่องนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะเข้าใจอะไรไหม แล้วถ้าเข้าใจ จะเอาความรู้นั้นไปประยุกต์ใช้ในตลาดได้หรือเปล่า (การปฏิบัติมักยากกว่าทฤษฎี) และนั่นต้องใช้เวลามหาศาล... มากจริง ๆ!
เนื้อหา
Gann swing classification
Swings คือรูปแบบของแท่งเทียนที่ก่อตัวบริเวณจุดเปลี่ยนแนวโน้มของราคา ในบทความก่อนหน้านี้ ผมได้อธิบายเกี่ยวกับ Swings ที่ใช้ในการระบุจุดกลับตัวของราคา (บทความเกี่ยวกับ Fibonacci levels) โดย Gann เองได้เสนอประเภทของ Swings ไว้ 3 แบบ ได้แก่:- One-bar swings
- Two-bar swings
- Three-bar swings
One-bar Gann swings
เรามาดู One-bar Gann swings กันก่อน หลักการค่อนข้างเข้าใจง่าย:- ถ้าแท่งราคาปัจจุบันมีจุดสูงสุด (high) และจุดต่ำสุด (low) สูงกว่าแท่งก่อนหน้าในช่วงขาขึ้น นั่นคือ one-bar swing ขาขึ้น
- ถ้าแท่งราคาปัจจุบันมีจุดสูงสุด (high) และจุดต่ำสุด (low) ต่ำกว่าแท่งก่อนหน้าในช่วงขาลง นั่นคือ one-bar swing ขาลง
- Bar สีเขียว – มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น
- Bar สีแดง – มีจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ต่ำลง
- Bar สีดำ – เป็น inside bar
- Bar สีน้ำเงิน – เป็น outside bar
Two-bar Gann swings
ต่อมาเป็น Two-bar Gann swings ซึ่งคล้ายกับ One-bar Swings แต่จะแตกต่างตรงที่ต้องมีแท่งราคาต่อเนื่องกันอย่างน้อยสองแท่งที่ปรับจุดสูงสุดหรือต่ำสุดขึ้นหรือลง เพื่อบ่งบอกการเปลี่ยนแปลงของราคานอกจากนี้ เวลาหาแท่งราคาที่ใช้สร้าง two-bar swings จะสนใจเฉพาะแท่งที่ปรับ high หรือ low เท่านั้น (คือไม่สนใจ inside bar เลย) ส่วน outside bar จะต้องสูงกว่า (หรือ ต่ำกว่า) แท่งก่อนหน้า: ในภาพตัวอย่างด้านบน หลักการก็ยังเหมือนเดิม:
- Bar สีเขียว หมายถึงมี high และ low สูงขึ้น
- Bar สีแดง หมายถึงมี high และ low ต่ำลง
- Bar สีน้ำเงิน คือ outside bar
- Bar สีดำ คือ inside bar (ไม่เอามาคิดตอนหา two-bar swings)
ตัวเลข “1” (ที่ไม่มี “2”) จะแสดงจังหวะดีดตัวเล็ก ๆ สวนแนวโน้มหลัก นี่เป็นข้อดีของ two-bar swings ที่ช่วยกรอง “เสียงรบกวน” ของตลาดออก เหลือแต่การเคลื่อนไหวที่สำคัญ (หากเทียบกับ one-bar Gann swings): ลองเปรียบเทียบกราฟ two-bar swing กับ one-bar swing แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน
ส่วน inside bar นั้นอาจเป็นแค่แท่งเดียว หรือเป็นชุดแท่งที่อยู่ในกรอบเดียวกันก็ได้ แต่สุดท้ายประเภทของสวิงที่ได้จะไม่ต่างกันมาก:
Three-bar Gann swings
Three-bar Gann swings ตามชื่อก็คือ สวิงที่จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีแท่งราคา 3 แท่งต่อเนื่องกันที่ปรับจุดสูงสุด (high) หรือต่ำสุด (low) สูงขึ้นหรือต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งจะกรองสัญญาณรบกวนในตลาดได้มากกว่าเดิม และมีการใช้งานบ่อยที่สุดเมื่อมองหา three-bar swings ก็จะไม่เอา inside bar มาคำนวณเหมือนเดิม — จะโฟกัสแค่ 3 แท่งที่ปรับ high หรือ low ขึ้น/ลงเท่านั้น: นอกจากนี้ outside bar จะมีการปรับ high และ low ทั้งขึ้นและลง ในตัวอย่างข้างบน การนับ three-bar swings อาจเริ่มได้แม้จาก inside bar ที่อัปเดต high หรือ low ต่อเนื่อง และยังคงแนวโน้มขาลง โดยเลื่อนไปยังสวิงต่อไป
ลองจัดกราฟให้เรียบร้อย — เชื่อมแต่ละสวิงเข้าด้วยกันเพื่อให้อ่านง่ายในรูปแบบ Manhattan chart: สิ่งที่เห็นในกราฟนี้คือลักษณะของขาขึ้น: เราจะสังเกตได้ว่า จุดสูงสุดของราคา (high) สูงขึ้นเรื่อย ๆ และจุดต่ำสุด (low) ก็สูงขึ้นเช่นกัน นี่บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นพร้อมการย่อตัวสวนเทรนด์เล็กน้อย แต่หลังจากจุดสูงสุดที่สองแล้ว ราคาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเทรนด์ขาลง — เพราะราคาลดลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้า:
How to use three-bar Gann swings in trading (practice)
Gann Swings และกราฟ Manhattan ช่วยให้เรามองตลาดได้ง่ายขึ้น — มันเน้นให้เห็นโซนแนวรับและแนวต้านที่ชัดเจน รวมทั้งบอกทิศทางแนวโน้มหลัก โดยไม่ใส่ข้อมูลส่วนเกินที่อาจรบกวนการวิเคราะห์: สวิงยังชี้ให้เห็น แนวรับและแนวต้าน ได้ดีมาก: นอกจากนี้ บนกราฟยังอาจมองเห็นรูปแบบกลับตัวอย่าง Head and Shoulders ซึ่งสวิงของ Gann ก็แสดงส่วนประกอบหลักของรูปแบบนี้ได้เด่นชัด เพียงแค่สังเกตให้ดี: แม้รูปแบบจะไม่สมมาตรนัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา — Gann Swings ชี้จุดสำคัญของรูปแบบทางเทคนิคได้ดี ตั้งแต่:- ไหล่ซ้าย (Left shoulder)
- ศีรษะ (Head)
- ไหล่ขวา (Right shoulder)
Gann Swings: Summary
หวังว่าบทความนี้จะอธิบายได้ค่อนข้างชัดเจน สำหรับ Gann Swings ถือเป็นระบบเทรดที่ไม่ใช้อินดิเคเตอร์ และสามารถนำไปเสริมการวิเคราะห์แบบ Price Action หรือ รูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Chart Patterns) ได้เป็นอย่างดี แล้วจะนำระบบนี้ไปใช้ในการเทรดออปชั่นไบนารีได้อย่างไร? ก็ใช้เป็นเครื่องมือเสริมในการอ่านตลาด — หาโซนแนวรับ/แนวต้าน, ระบุเทรนด์, และตรวจจับรูปแบบทางเทคนิคได้ง่ายขึ้น เมื่อเข้าใจทั้งหมดแล้ว การหาจุดเข้าออเดอร์ก็จะไม่ยาก — แค่เทรดไปตามแนวโน้มนั่นเองเราควรใช้ Gann Swings หรือไม่? ในมุมมองของผม “ควร” มากกว่า “ไม่ควร” เพราะกราฟแบบ Manhattan นั้นเรียบง่ายและเข้าใจได้ไม่ยาก อีกทั้งมีอินดิเคเตอร์หลายตัวที่ช่วยวาดสวิงให้โดยอัตโนมัติ — คุณแค่ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่อินดิเคเตอร์ระบุหมายถึงอะไร แล้วนำไปใช้อย่างถูกต้อง
บทวิจารณ์และความคิดเห็น