หน้าหลัก ข่าวไซต์
OKX – บทรีวิว Crypto Exchange 2025: ค่าธรรมเนียมและความปลอดภัย
Updated: 06.05.2025

OKX – รีวิวแพลตฟอร์มคริปโตปี 2025: ค่าธรรมเนียม ฟีเจอร์ และความปลอดภัย

OKX เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุด โดยมอบบริการหลากหลายสำหรับเทรดเดอร์ในตลาดคริปโต รวมถึงผู้ที่คุ้นเคยกับ Forex ก่อตั้งในปี 2017 (เดิมใช้ชื่อ OKEx) และพัฒนาเป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่มีผู้ใช้หลายล้านคนภายในเวลาไม่กี่ปี



เว็บไซต์ทางการของ OKX Exchange

การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ตามสถิติต่าง ๆ มีเทรดเดอร์ประมาณ 70–90% ที่ขาดทุนในการเทรดมาร์จิ้น การทำกำไรอย่างต่อเนื่องต้องการความรู้เฉพาะด้าน ก่อนเริ่มเทรดจึงจำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของเครื่องมือเหล่านี้และเตรียมพร้อมสำหรับความสูญเสียทางการเงิน ควรหลีกเลี่ยงการใช้เงินที่หากสูญเสียแล้วจะกระทบต่อชีวิตประจำวัน

สารบัญ

OKX ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์คริปโตที่ต้องการความคล่องตัวสูง รวมถึงผู้ที่มาจากสาย Forex เพราะที่นี่มีสภาพคล่องสูง เครื่องมือเทรดครบครัน และตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอดคล้องกับนักเทรดที่คุ้นชินการซื้อขายตลอดทั้งวัน ด้านล่างนี้คือประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการใช้ OKX

ภาพรวมฟีเจอร์หลักบน OKX Exchange

OKX นำเสนอโครงสร้างการเทรดที่หลากหลาย ในแพลตฟอร์มเดียวมีทั้งการซื้อขายแบบสปอต อนุพันธ์ที่มีเลเวอเรจ ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้แบบพาสซีฟ (Earn) ไปจนถึงตลาด NFT และกระเป๋า Web3 ที่บูรณาการไว้ครบถ้วน ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมคริปโตสำหรับนักลงทุน เรามาดูฟังก์ชันและบริการหลักแบบเจาะลึก

โอกาสการซื้อขายใน OKX Exchange

การเทรดสปอต (Spot Trading)

ตลาดสปอตเป็นจุดเริ่มต้นหลักของทุกศูนย์ซื้อขายคริปโต และ OKX ก็ไม่ต่างกัน ที่นี่รองรับมากกว่า 350 สกุลเงินดิจิทัล พร้อมคู่เทรดกว่า 500+ คู่ รวมทั้งเหรียญหลัก (BTC, ETH, XRP ฯลฯ) เหรียญ Stablecoin (USDT, USDC) และอัลท์คอยน์จำนวนมาก ทำให้นักเทรดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้ตามราคาตลาดแบบเคลียร์ทันที ด้วยปริมาณการเทรดที่หนาแน่น OKX จึงติดอันดับท็อป 10 ของโลกในแง่ปริมาณสปอตทุกวัน

ส่วนแบ่งตลาดสปอตจากเว็บเทรดคริปโตชั้นนำ (ธันวาคม 2024) ข้อมูล CoinGecko ระบุว่า OKX ครองสัดส่วน ~6.2% ของปริมาณเทรดสปอตทั่วโลก ถือเป็นผู้นำรายหนึ่งของอุตสาหกรรม ขณะที่ Binance มีสัดส่วนประมาณ 34.7% ซึ่งมากกว่าผู้เล่นรายอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

แพลตฟอร์มการซื้อขาย Spot ของ OKX

อินเทอร์เฟซสปอตของ OKX จัดว่าครบเครื่อง ใช้กราฟ TradingView ระดับมืออาชีพ แสดง Order Book ฟีดรายการเทรด รวมถึงตั้งค่าประเภทคำสั่งได้ตามต้องการ ด้านล่างคือตัวอย่างหน้าจอเทรดสปอตของ OKX ซึ่งมีกราฟและฟอร์มการเปิดออร์เดอร์

ตัวอย่างภาพหน้าจอเทอร์มินัลเทรดสปอต (คู่ BTC/USDC) โดยทางซ้ายเป็นรายการตลาด ส่วนกลางเป็นกราฟแท่งเทียนพร้อมอินดิเคเตอร์ ทางขวาเป็น Order Book และรายการเทรดล่าสุด ส่วนด้านล่างเป็นฟอร์มสั่งซื้อขาย อินเทอร์เฟซอัดแน่นด้วยฟีเจอร์แต่ยังใช้งานง่ายสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์

สำหรับมือใหม่ที่ต้องการเทรดแบบง่าย OKX มีฟีเจอร์ “Convert” เพื่อแลกเหรียญหนึ่งเป็นอีกเหรียญทันทีตามอัตราตลาด โดยไม่ต้องตั้งออร์เดอร์ในกระดานซื้อขาย เรียกได้ว่าเป็นวิธีการทำ Market Order อย่างรวดเร็ว เหมาะกับการเปลี่ยน Stablecoin เป็น Bitcoin เป็นต้น

มาร์จิ้นเทรด (Margin Trading)

OKX รองรับการเทรดสปอตแบบมาร์จิ้น หมายถึงนักเทรดสามารถยืมเงินเพิ่มจากสินทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเปิดตำแหน่งใหญ่เกินกว่าทุนจริงที่มี เลเวอเรจบน OKX อาจสูงถึง 5×–10× แตกต่างกันตามคู่เทรด โดยคู่หลักบางคู่ให้ได้ถึง 10:1 เหมาะกับนักเทรดมากประสบการณ์ รวมถึงผู้ที่คุ้นชินจาก Forex ซึ่งมีระบบมาร์จิ้นเป็นปกติ

แพลตฟอร์มมาร์จิ้นใน OKX

แพลตฟอร์มมาร์จิ้นจะรวมอยู่ในอินเทอร์เฟซเดียว เพียงเปลี่ยนโหมดคำสั่งเป็น “margin” และเลือกเลเวอเรจที่ต้องการ ควรตระหนักว่าเลเวอเรจขยายทั้งโอกาสกำไรและความเสี่ยง OKX จึงมีระบบจัดการความเสี่ยง เช่น ตั้งราคาลิควิดation แบบอัตโนมัติหากมาร์จิ้นไม่พอและแจ้งเตือนล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีระบบค้ำประกันแบบแบ่งชั้น ช่วยจำกัดวงเงินกู้สูงสุดสำหรับผู้ที่เทรดขนาดใหญ่

การตั้งค่าการยกระดับใน OKX

ฟิวเจอร์สและเพอร์เพทชวลสวอป (Futures and Perpetual Swaps)

OKX เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มอนุพันธ์ด้านคริปโตชั้นนำ โดยมีทั้งสัญญาฟิวเจอร์สที่มีวันหมดอายุ และสวอปแบบไม่มีวันหมดอายุ (Perpetual Swap) สำหรับสินทรัพย์คริปโตยอดนิยม สวอปชนิดนี้ทำงานคล้ายฟิวเจอร์ส แต่ไม่มีวันหมดอายุ มีระบบ Funding Rate เพื่อช่วยให้ราคาตราสารใกล้เคียงกับตลาดสปอต

  • เลเวอเรจฟิวเจอร์ส: สูงสุด 100× สำหรับ BTC และ ETH ซึ่งดึงดูดนักเก็งกำไรสายคริปโตและ Forex ที่ต้องการโอกาสทำกำไรสูงจากเงินตั้งต้นน้อย เช่น หากใช้ 100× ใน BTC เพียง 0.01 BTC ก็ควบคุมสัญญาเทียบเท่า 1 BTC ได้ (Binance ให้สูงสุด 125× ขณะที่ Bybit ให้สูงสุด 100×)
  • ค่าธรรมเนียมอนุพันธ์: ต่ำมาก โดยทั่วไปประมาณ 0.02% สำหรับ Maker และ 0.05% สำหรับ Taker และลดได้อีกสำหรับเทรดเดอร์ที่มีปริมาณสูงหรือถือ OKB (รายละเอียดในส่วน “ค่าธรรมเนียม”)
  • ประเภทสัญญา: มีทั้งสวอปไม่มีวันหมดอายุ (ทุก 8 ชม. จะมีการชำระ Funding) และฟิวเจอร์สที่มีวันหมดอายุตามรอบ รายไตรมาสหรือแบบกำหนดเวลา เหมาะกับกลยุทธ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เก็งกำไรระยะสั้นจนถึงเฮดจิ้งระยะกลาง
  • สภาพคล่อง: OKX มีปริมาณเทรดสูงในตลาดอนุพันธ์คู่หลัก ใกล้เคียงกับ Binance และ Bybit นักเทรดมืออาชีพชื่นชมในสภาพคล่อง ทำให้ OKX ติดท็อป 3 ของโลกด้านอนุพันธ์เคียงข้าง Binance และ Bybit

BitMEX อดีตผู้นำตลาดอนุพันธ์คริปโตเคยได้รับความนิยมสูง แต่ตอนนี้ถูกแซงโดยแพลตฟอร์มอย่าง OKX และ Bybit แม้ BitMEX จะยังมีเลเวอเรจสูงถึง 100× และบุกเบิกแนวคิด Perpetual Swap แต่สภาพคล่องหลักอยู่แค่คู่ BTC/USD ขณะที่ OKX รองรับหลายสัญญา (BTC, ETH, XRP, SOL เป็นต้น) พร้อมปริมาณเทรดมหาศาล

ออปชัน (Options)

อีกฟีเจอร์ขั้นสูงบน OKX คือการเทรดออปชันสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่ซับซ้อนกว่า โดยให้สิทธิ์ (ไม่ใช่ข้อผูกมัด) ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาหนึ่ง ณ เวลาหนึ่ง เดิมทีตลาดออปชันกระจุกตัวที่แพลตฟอร์มเฉพาะทาง (เช่น Deribit) แต่ OKX สามารถผสานออปชันเข้ากับบริการตัวเองได้อย่างแข็งแกร่ง

  • สินทรัพย์ที่มี: BTC, ETH และ SOL ซึ่งเป็นคริปโตที่มีสภาพคล่องสูง สำหรับการซื้อขายออปชันบน OKX (เปรียบเทียบกับ Binance ที่มีแค่ BTC และ ETH บางส่วน)
  • ประเภทออปชัน: เป็นแบบ European-Style (ใช้สิทธิ์ได้เมื่อหมดอายุ) โดยมีทั้ง Call และ Put หลากหลายราคาและวันหมดอายุ
  • เครื่องมือวิเคราะห์: แพลตฟอร์มแสดงค่ากรีก (Delta, Gamma ฯลฯ) และความผันผวน เพื่อช่วยกลยุทธ์ขั้นสูง นอกจากนี้ OKX มีบอตและชุดกลยุทธ์อัตโนมัติ (เช่น Spread, Straddle) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้
  • สภาพคล่อง: แม้ปริมาณออปชันจะน้อยกว่าฟิวเจอร์ส แต่ OKX ดึงดูดผู้ดูแลสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง ทำให้คู่ BTC และ ETH มีรายการเทรดเพียงพอ ใกล้เคียงกับ Deribit จัดว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเว็บที่ไม่ได้โฟกัสแค่ตลาดออปชันโดยเฉพาะ

การซื้อขาย Options บน OKX Exchange

ออปชันช่วยป้องกันความเสี่ยงหรือสร้างกลยุทธ์ซับซ้อนได้ ดังนั้นการมีฟีเจอร์ออปชันใน OKX จึงเป็นข้อดีสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ อย่างไรก็ตาม มือใหม่ควรเรียนรู้ก่อนใช้งาน เพราะออปชันมีความซับซ้อนกว่าฟิวเจอร์ส

OKX Earn (การสร้างรายได้แบบพาสซีฟ)

นอกจากการเทรดแบบแอ็กทีฟ OKX ยังมีฟีเจอร์สำหรับรับผลตอบแทนแบบพาสซีฟในส่วน OKX Earn ซึ่งประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์หลากหลาย ตั้งแต่การ Stake ไปจนถึงบัญชีออมทรัพย์และฟาร์มสภาพคล่อง

  • การออมแบบยืดหยุ่น (Flexible Savings): คล้ายบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ย ผู้ใช้ฝากเหรียญ (BTC, ETH, USDT ฯลฯ) เพื่อรับดอกเบี้ยตามอัตราที่ปรับเปลี่ยนได้ และถอนเมื่อใดก็ได้
  • การสเตกแบบกำหนดระยะ (Fixed Staking): ล็อกเหรียญตามช่วงเวลาที่กำหนด (30 หรือ 90 วัน) เพื่อรับดอกเบี้ยสูงกว่าแบบยืดหยุ่น เหมือนฝากประจำ ยิ่งล็อกนาน ผลตอบแทนยิ่งสูง
  • DeFi Farming และพูลสภาพคล่อง: OKX Earn เชื่อมต่อโปรโตคอล DeFi ให้ผู้ใช้ฟาร์มผลตอบแทนและเพิ่มสภาพคล่องบนหลายบล็อกเชน ผ่านอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
  • การลงทุนคู่ (Dual Investment): ผลิตภัณฑ์เชิงโครงสร้างที่ให้ผู้ใช้กำหนดราคาซื้อหรือขายเหรียญล่วงหน้า พร้อมรับดอกเบี้ย คล้ายออปชันรูปแบบหนึ่ง เป็นที่นิยมบน Binance และ OKX ก็ให้บริการเช่นกัน

การสเตกใน OKX Exchange

OKX Earn เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทนจากการถือครองคริปโต มีรีวิวชื่นชมว่าแพลตฟอร์มให้ผลิตภัณฑ์หลากหลาย บางครั้งอัตราดอกเบี้ย Stablecoin ก็สูงกว่าแพลตฟอร์มใหญ่เจ้าอื่นอย่าง Binance Earn อีกด้วย นอกจากนี้ OKX ยังมี Launchpool (ส่วนหนึ่งของ Launchpad) สำหรับ Stake เหรียญเพื่อรับโทเคนใหม่

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ Earn ทั้งหมดมีความเสี่ยงของตลาด OKX ระบุว่าเลือกโปรโตคอล DeFi อย่างรอบคอบและเก็บสินทรัพย์ไว้อย่างปลอดภัย แต่ผู้ใช้ควรเข้าใจความผันผวนและความเสี่ยงของสมาร์ตคอนแทร็กต์

ตลาด NFT และกระเป๋าเงิน Web3

OKX พยายามพัฒนาเทคโนโลยี Web3 และ NFT อย่างจริงจัง โดยได้เปิดตัวกระเป๋าเงินแบบ Decentralized (OKX Wallet) และรวมตลาด NFT เข้าไว้ด้วยกัน

  • OKX Wallet (Web3 Wallet): เป็นกระเป๋าเงินแบบกระจายศูนย์ รองรับหลายบล็อกเชน (Ethereum, BSC, Polygon, Solana, OKTC ฯลฯ) ผู้ใช้เป็นผู้ควบคุม Private Key เอง กระเป๋านี้มีทั้งแอปมือถือและส่วนขยายเบราว์เซอร์

จุดเด่นคือการเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ของ OKX ทำให้ใช้งาน DeFi ได้จากในแพลตฟอร์มโดยตรง มีฟีเจอร์ X Routing รวมราคาที่ดีที่สุดจาก DEX หลายแห่ง (Uniswap, PancakeSwap ฯลฯ) OKX กล่าวว่าผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยโดย Slowmist และได้คะแนนด้าน Skynet Security จาก CertiK เป็นอันดับสองรองจาก MetaMask

  • ตลาด NFT (NFT Marketplace): OKX เปิดแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ครอบคลุมมากกว่า 10 บล็อกเชน (Ethereum, Solana, OKX Chain, Polygon ฯลฯ) และรวบรวมคอลเล็กชันจากเครือข่ายต่าง ๆ อีกทั้งไม่เก็บค่าคอมมิชชันจากผู้ขาย (0% บนตลาดรอง) ผู้ซื้อจ่ายแค่ค่าเครือข่ายเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมี OKX Drops หรือ NFT Launchpad เปิดตัวผลงานใหม่ของศิลปินหรือโปรเจกต์ชื่อดัง

ผ่าน OKX Wallet ผู้ใช้สามารถร่วมทำกิจกรรม DeFi เช่น การ Stake หรือการฟาร์มใน dApps ได้โดยตรง จึงเป็นสะพานเชื่อมระหว่างการซื้อขายแบบศูนย์กลาง (CEX) กับโลกการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของ OKX

Launchpad (Jumpstart) – เปิดตัวโปรเจกต์ใหม่

เช่นเดียวกับเว็บเทรดยักษ์ใหญ่ OKX มีแพลตฟอร์ม Launchpad เรียกว่า Jumpstart สำหรับโครงการคริปโตหน้าใหม่ทำ IEO (Initial Exchange Offering)

โดยทั่วไปการเข้าร่วม Launchpad ต้องผ่าน KYC และถือโทเคน OKB หรือโทเคนอื่นตามเกณฑ์ อาจต้อง Stake OKB ช่วงหนึ่งก่อนจะเข้าร่วม หลังจากนั้นโทเคนที่เปิดขายจะถูกกระจายตามสัดส่วนการถือครอง

OKX จะประกาศโปรเจกต์ใหม่ล่วงหน้า มีช่วง “warm-up” และแนวทางการเข้าร่วม โปรเจกต์ส่วนใหญ่ผ่านการคัดกรองขั้นต้นแล้ว (ต้องมีต้นแบบการทำงาน) สำหรับนักลงทุน นี่เป็นโอกาสซื้อโทเคนในราคาต่ำก่อนเข้าตลาด แต่ไม่รับประกันว่าจะได้กำไร ทั้งนี้การที่ OKX มี Launchpad ถือเป็นจุดเด่นสำหรับผู้ที่ชอบสนับสนุนโครงการใหม่และหวังผลตอบแทนในอนาคต

ฟีเจอร์อื่น ๆ: เดโมเทรด บอต และ API

OKX ขึ้นชื่อเรื่องเทคโนโลยีล้ำสมัย จึงมีฟังก์ชันเสริมที่น่าสนใจ:

  • Demo Trading: โหมดฝึกเทรดด้วยเงินจำลอง แต่รับข้อมูลราคาจริง เหมาะกับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการทดสอบกลยุทธ์ โดยไม่เสี่ยงเงินจริง มีน้อยแพลตฟอร์มที่ให้ฟังก์ชันนี้
  • Trading Bots: มีบอตให้เลือกใช้สำหรับกลยุทธ์อัตโนมัติ เช่น Grid Trading, Arbitrage หรือ DCA ผู้ใช้ตั้งค่าฟรี (จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมเทรดตามปกติ) ทำให้เทรดอัตโนมัติเป็นเรื่องง่าย
  • API และซอฟต์แวร์ภายนอก: รองรับ API ที่มีเรตจำกัดค่อนข้างสูงสำหรับผู้สร้างบอต หรือเชื่อมต่อเครื่องมืออื่น ๆ อย่าง TradingView นักเทรดมืออาชีพที่มาจาก Forex สามารถผสานระบบได้อย่างสะดวก
  • รองรับ Fiat Channel: แม้จะเน้นคริปโต แต่ OKX ก็มีช่องทางฝากถอนเงิน Fiat ผ่านพาร์ตเนอร์ รวมถึงตลาด P2P (รองรับกว่า 90 สกุลเงิน หลากหลายวิธีชำระ) และบริการของ MoonPay, Banxa, Simplex ฯลฯ สำหรับซื้อขายคริปโตด้วยบัตรหรือการโอนเงิน ในบางประเทศอาจถอนผ่านธนาคารได้โดยตรง (เช่น AED) แต่ส่วนใหญ่ต้องพึ่ง P2P เป็นหลัก

จะเห็นได้ว่า OKX มีฟีเจอร์ครบวงจร ตอบโจทย์เทรดเดอร์ยุคใหม่ที่สนใจ DeFi และ Web3 เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มอเนกประสงค์ ทั้งเทรด ลงทุน หรือใช้โซลูชันกระจายศูนย์ คราวนี้เรามาดูในส่วนค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขการเทรดของ OKX กันต่อ



ค่าธรรมเนียมและลิมิตบน OKX

ค่าธรรมเนียมเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเลือกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะนักเทรดที่ทำธุรกรรมบ่อย OKX โดดเด่นเรื่องค่าธรรมเนียมต่ำและแข่งขันได้ มักถูกกว่าหลายเว็บใหญ่ และยังมีส่วนลดสำหรับผู้เทรดปริมาณสูงหรือถือโทเคน OKB

โทเค็น OKB บนแพลตฟอร์ม OKX

ค่าธรรมเนียมสปอต (Spot Trading Fees)

OKX ใช้โมเดล Maker/Taker สำหรับสปอต อัตราเบื้องต้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไปคือ

  • Maker: 0.08% — คำสั่ง Limit ที่เติมสภาพคล่อง
  • Taker: 0.10% — คำสั่ง Market หรือคำสั่งที่จับคู่ทันที ดึงสภาพคล่องออก

ดังนั้นการเริ่มเทรดบน OKX จะมีค่าธรรมเนียมที่อาจถูกกว่า Binance (0.1%/0.1%) และ KuCoin (0.1%/0.1%) พอ ๆ กับ Bybit (ราว 0.1%) นอกจากนี้ยังลดได้อีกตามเงื่อนไขต่อไปนี้:

  • ส่วนลดจากการถือ OKB: OKB เป็นโทเคนยูทิลิตี้ของแพลตฟอร์ม หากถือ OKB จำนวนหนึ่งจะได้ระดับที่สูงขึ้น เช่น ≥100 OKB ค่าธรรมเนียมลดเหลือ 0.075%/0.09% ≥500 OKB ลดเหลือ 0.065%/0.07% และต่ำสุด 0.06%/0.06% เมื่อ ≥1000 OKB
  • VIP ตามปริมาณเทรด: หากมียอดเทรด 30 วัน หรือยอดสินทรัพย์ในบัญชีสูง จะได้รับสถานะ VIP 1, 2, 3 ฯลฯ ซึ่งจะลดค่าธรรมเนียมลงอีก เช่น เทรดเกิน 100 ล้านดอลลาร์อาจได้ค่าธรรมเนียมถูกลงมาก (ดูรายละเอียดในตารางของ OKX)

สรุปแล้วค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอาจลดเหลือ 0.06% หรือถูกกว่านั้นสำหรับผู้ถือ OKB ปริมาณมาก แม้ผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ได้ปริมาณสูงมาก ก็ยังลดค่าธรรมเนียมได้ง่าย ๆ จากการถือ OKB บ้าง ส่วน Binance ก็มีส่วนลดเมื่อถือ BNB เหลือ 0.075% เช่นกัน ในขณะที่ Bybit บางช่วงมีโปรโมชัน Maker 0% สำหรับ Spot อย่างไรก็ตาม OKX ยังถือว่าคุ้มและโครงสร้างค่าธรรมเนียมค่อนข้างชัดเจน

ผู้เทรดรายย่อยส่วนใหญ่คงยากจะลดต่ำกว่า 0.06% เว้นแต่จะมีปริมาณมากจริง ๆ แต่การเลื่อนระดับ VIP เล็กน้อยก็อาจได้ค่าธรรมเนียมประมาณ 0.05% ซึ่งต่ำมาก จุดเด่นคือค่าธรรมเนียมสปอตบน OKX นั้นแข่งขันได้ดีอยู่แล้ว และยิ่งจูงใจให้ถือ OKB เพิ่ม

ค่าธรรมเนียมฟิวเจอร์สและเพอร์เพทชวลสวอป (Futures and Swaps Fees)

OKX มีจุดแข็งเรื่องค่าธรรมเนียมอนุพันธ์ถูกกว่าสปอตอีก เพราะเป็นตลาดใหญ่:

  • Maker (ฟิวเจอร์ส): ~0.02% (อัตราพื้นฐาน)
  • Taker (ฟิวเจอร์ส): ~0.05% (อัตราพื้นฐาน)
  • Options: ประมาณ 0.03% ทั้งฝั่งซื้อและขาย

เช่น หากเทรดสัญญา BTCUSDT มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ ค่าธรรมเนียมจะเพียง 2–5 ดอลลาร์ ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่น หรือแม้แต่ Forex บางแห่งที่ค่าสเปรดอาจเทียบเป็น 0.01–0.03%

กลไกส่วนลดคล้ายสปอต คือถือ OKB หรือเป็น VIP ก็ลดเพิ่มขึ้น นักเทรดสถาบันอาจได้รับอัตราพิเศษถึงขั้น Maker 0% หรือเป็นค่าธรรมเนียมติดลบ (Rebate) ในบางระดับ VIP สะท้อนนโยบายดึงสภาพคล่อง ส่วนผู้ใช้งานทั่วไปอัตราประมาณ 0.02%/0.05% นับว่าต่ำกว่า Binance (0.02%/0.04% สำหรับฐานอนุพันธ์) หรือ Bybit ที่บางช่วงเคยมีค่าเท่ากับ 0.075%/0.075%

ค่าธรรมเนียมการฝากและถอน (Deposit and Withdrawal)

การฝาก (Deposit): OKX ไม่เก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการฝากคริปโต (เสียเฉพาะค่าเน็ตเวิร์กของบล็อกเชน) ส่วนการซื้อคริปโตด้วยบัตรหรือ P2P อาจมีค่าบริการของผู้ให้บริการบุคคลที่สาม แต่ OKX เองไม่คิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม

การถอน (Withdrawal): ค่าถอนขึ้นกับเครือข่ายบล็อกเชนเป็นหลัก OKX ไม่คิดบวกเพิ่ม ผู้ใช้จ่ายเฉพาะค่าธรรมเนียมขุด (miner/gas fee) เช่น BTC จะราว 0.0002 BTC ส่วนโทเคน ERC-20 ก็ขึ้นกับความแออัดของเครือข่าย

OKX ให้เลือกระดับความเร็วธุรกรรม (ปกติหรือเร่งด่วน) ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมต่างกัน โมเดลนี้เหมือนเว็บเทรดใหญ่ทั่วไป การถอน USDT ผ่าน TRC-20 อาจมีค่าใช้จ่ายไม่กี่เซนต์

ลิมิตการถอน: หลังผ่าน KYC OKX ให้ลิมิตถอนค่อนข้างสูง ระดับ 1 บางครั้งได้ถึง 200 BTC ต่อวัน (มูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์) ระดับสูงกว่านั้นถอนได้มากขึ้น คนส่วนใหญ่แทบไม่ชนลิมิตนี้ หากไม่ทำ KYC จะถอนเงินไม่ได้เพราะ OKX บังคับยืนยันตัวตน

In-Wallet Swaps: หากใช้ OKX Wallet ทำธุรกรรม DeFi หรือสวอปผ่าน X Routing จะเสียเฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่ายกับส่วนต่างราคาเล็กน้อย (~0.5%) โดย OKX ไม่คิดเพิ่ม

ส่วนลด OKB และโปรแกรม VIP

รายละเอียดสำคัญของการลดค่าธรรมเนียม:

  • OKB Token: เป็นโทเคนประจำระบบ OKX ที่มีจำนวนจำกัด การถือ OKB ไม่เพียงลดค่าธรรมเนียม แต่ยังใช้ใน Jumpstart (IEO) และรับโบนัสภักดีอื่น ๆ สำหรับค่าธรรมเนียม หากถือสัก 100 OKB (ราว 500 ดอลลาร์ในปี 2025) สำหรับสายเทรดหนักอาจคุ้มกับส่วนต่างค่าธรรมเนียม
  • VIP Levels: แบ่งเป็น VIP 1–8 (หรือสูงกว่าสำหรับปริมาณมากพิเศษ) เงื่อนไขเช่น VIP1 ต้องเทรดเกิน 10 ล้านดอลลาร์ใน 30 วัน หรือถือสินทรัพย์ > 100k ดอลลาร์ ยิ่ง VIP สูงยิ่งจ่ายค่าธรรมเนียมถูก อาจต่ำถึง 0% ฝั่ง Maker ในระดับสูงสุด พร้อมได้ผู้จัดการส่วนตัวและซัพพอร์ตเร็ว
  • Status Matching: บางครั้ง OKX มีโปร “ย้ายบ้าน” สำหรับผู้เทรดที่มีระดับ VIP บนแพลตฟอร์มอื่น หากยืนยันหลักฐานก็รับ VIP เทียบเท่าบน OKX ทันที เป็นกลยุทธ์ดึงผู้ใช้รายใหญ่

โครงสร้างค่าธรรมเนียมโปร่งใส: OKX เผยตารางค่าธรรมเนียมอย่างละเอียด และไม่ค่อยเปลี่ยนกะทันหัน บางรีวิวที่บ่นว่า “ค่าธรรมเนียมแพง” มักมาจากผู้ที่ไม่รู้ว่าการซื้อคริปโตด้วยบัตรมีค่าบริการของบุคคลที่สาม เว็บไม่ได้บวกเพิ่ม

สรุป OKX ออกแบบค่าธรรมเนียมให้ต่ำเป็นพิเศษ โดยเฉพาะคนเทรดบ่อย ค่าธรรมเนียมสปอตก็ติดอันดับต่ำ ขณะที่อนุพันธ์ยิ่งถูกกว่าหลายเว็บ และยิ่งจูงใจให้ถือ OKB หรือเทรดปริมาณมาก ผู้เริ่มใหม่ได้ประโยชน์จากอัตรามาตรฐานที่ไม่แพง แถมเครื่องมือพิเศษ (บอต เดโม) ใช้ฟรี ต่อไปเราจะไปดูมาตรการด้านความปลอดภัยและการรักษาเงินทุนของ OKX

ด้านล่างคือการวิเคราะห์ความปลอดภัยของ OKX ทั้งการปกป้องบัญชี การจัดเก็บสินทรัพย์ และประวัติการถูกแฮก



ความปลอดภัย: การปกป้องเงินทุนและบัญชีผู้ใช้

ความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกเว็บเทรดคริปโต ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเจอเหตุแฮกและสูญเสียเงินหลายครั้ง นักเทรดจึงต้องมั่นใจว่าเว็บมีวิธีจัดเก็บสินทรัพย์และระบบป้องกันอย่างไร สำหรับ OKX ถือว่ามีประวัติค่อนข้างดี ในปี 2025 นี้ยังไม่เคยเจอเหตุแฮกใหญ่หรือสูญเงินของผู้ใช้ เรามาดูรายละเอียดกัน

การจัดเก็บเงินทุน: Cold Wallet และ Proof of Reserves

OKX ระบุว่าเก็บส่วนใหญ่ของสินทรัพย์ผู้ใช้ในวอลเล็ตออฟไลน์ หรือ “Cold Wallet” เพื่อตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ต เหลือแค่ส่วนที่จำเป็นใน Hot Wallet เพื่อรองรับการถอนรายวัน หาก Hot Wallet ถูกโจมตี วงเงินเสียหายก็จะน้อยมากและเว็บยังมีเงินกองทุนประกันรองรับ

หลังเหตุ FTX ล่มในปี 2022 หลายเว็บเทรดเริ่มออก Proof of Reserves เพื่อเพิ่มความโปร่งใส OKX เป็นรายแรก ๆ ที่เผย Merkle-tree Proof-of-Reserves ทุกเดือนตั้งแต่ปลาย 2022 จนถึงสิ้น 2024 รวม 23 ครั้ง ยืนยันว่าถือคริปโตเทียบเท่ากับยอดผู้ใช้แบบ 1:1 ทุกเหรียญ (ไม่มีขาด) โดยผู้ใช้สามารถตรวจสอบด้วยวิธีเข้ารหัสได้ เพิ่มความเชื่อถือได้มาก

OKX ยังเน้นว่าเงินลูกค้าแยกบัญชีออกจากเงินทุนบริษัท ป้องกันไม่ให้นำเงินลูกค้าไปใช้จ่ายกิจการภายใน หากเกิดปัญหาทางการเงิน แพลตฟอร์มก็ไม่ยุ่งกับเหรียญของผู้ใช้

การปกป้องบัญชี: 2FA, Anti-Phishing, Whitelist

ฝั่งผู้ใช้มีมาตรการหลายอย่าง เช่น

  • การยืนยันตัวตนสองปัจจัย (2FA): แนะนำให้เปิดใช้ Google Authenticator, SMS หรืออีเมล เพื่อป้องกันการล็อกอิน แม้มีคนได้รหัสผ่านก็ยังเข้าบัญชีไม่ได้หากไม่มีโค้ด 2FA
  • รหัสป้องกันฟิชชิง: ผู้ใช้ตั้งโค้ดลับจะแสดงในอีเมลจาก OKX เพื่อแยกอีเมลจริงกับฟิชชิง
  • การอนุญาตที่อยู่ถอน (Whitelist): จำกัดให้ถอนเหรียญไปยังที่อยู่ที่อนุมัติไว้เท่านั้น หากแฮกเกอร์เจาะบัญชี ก็ยังเพิ่มที่อยู่ใหม่ไม่ได้หากเจ้าของไม่ยืนยัน
  • รหัสผ่านธุรกรรม: ตั้งรหัสสำหรับสั่งถอนที่ต่างจากรหัสเข้าใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยอีกชั้น
  • ติดตามอุปกรณ์และกิจกรรม: ดูประวัติการล็อกอิน IP อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ หากพบสิ่งผิดปกติให้เปลี่ยนรหัสผ่านหรือแจ้งซัพพอร์ต
  • การแช่แข็งบัญชี: หากสงสัยถูกเจาะ ผู้ใช้สามารถสั่งล็อกบัญชีชั่วคราวจนกว่าจะปลดล็อกกับฝ่ายสนับสนุน

เมื่อใช้ทุกมาตรการร่วมกัน โอกาสที่บัญชีจะถูกเจาะยากมาก ตราบใดที่ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านแข็งแกร่งและไม่เปิดเผยข้อมูล อินเทอร์เฟซที่เพิ่มขั้นตอนอาจทำให้ถอนเงินช้า แต่ภาพรวมก็เพื่อความปลอดภัยของทุน

ระบบรักษาความปลอดภัยภายในและการตรวจสอบ

OKX มีชุดระบบ OKX Protect ครอบคลุมตั้งแต่ไฟร์วอลล์ เฝ้าระวังความผิดปกติ การควบคุมสิทธิ์พนักงาน ไปจนถึงการประเมินจากบริษัทภายนอก เช่น Slowmist และ CertiK ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบล็อกเชน ซึ่งเคยทดสอบระบบ OKX และให้คะแนนสูง

นอกจากนี้ OKX ยังตั้ง Cyber Defense Unit และจ้างผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมการเงินดั้งเดิม มาดูแลโปรโตคอลความปลอดภัย หากมีสัญญาณแปลก ๆ จะแจ้งเตือนทันที จากสถิติที่ไม่เคยโดนแฮกครั้งใหญ่ในช่วง 2021–2024 แสดงให้เห็นว่ามาตรการได้ผลดี

OKX มีกองทุนประกัน (Insurance Fund) ซึ่งเดิมใช้สำหรับกรณีอนุพันธ์ หากตลาดผันผวนจนเกิดยอดค้างลบ แต่ส่วนหนึ่งก็จัดไว้เผื่อเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ หากเกิดปัญหาจะมีกองทุนชดเชย

ประวัติเหตุการณ์

OKX (OKEx) ยังไม่เคยโดนแฮกที่สำเร็จ ปัญหาหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นคือปี 2020 เมื่อเดือนตุลาคม OKEx ระงับการถอนราว 5 สัปดาห์ เนื่องจากผู้ถือ Private Key (Star Xu ผู้ก่อตั้ง) ถูกควบคุมตัวสอบสวนในจีน ทำให้ไม่สามารถเซ็นธุรกรรมเบิกจ่ายได้ ผู้ใช้กังวล แต่สุดท้ายไม่มีใครเสียเงิน พอคีย์กลับมา ทุกอย่างก็เป็นปกติ โดย OKX ชดเชยลูกค้าด้วยโปรแกรมความภักดี ถึงจะไม่ใช่เหตุแฮกแต่ก็เป็นบทเรียนเรื่องการกระจายการถือคีย์ ปัจจุบัน OKX ปรับปรุงกระบวนการแล้ว

นอกนั้นไม่ปรากฏเหตุการณ์เสียหายร้ายแรงอื่น ๆ เทียบกับ Binance ที่เคยโดนแฮกปี 2019 (สูญเงิน 40 ล้านดอลลาร์) และ KuCoin ในปี 2020 (280 ล้านดอลลาร์ แต่กู้คืนได้ส่วนใหญ่) OKX ถือว่าปลอดภัยมาก เป็นข้อได้เปรียบในการสร้างความเชื่อมั่น

ภาพลักษณ์ด้านความน่าเชื่อถือ

OKX มีประวัติความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่

  • ไม่เคยถูกแฮกจนสูญเงินของผู้ใช้
  • ออก Proof-of-Reserves สม่ำเสมอ แสดงหลักฐานถือสินทรัพย์ครบ 1:1
  • ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยโดย Slowmist และ CertiK
  • มีฟีเจอร์ป้องกันบัญชีหลายระดับ (2FA, Whitelist, Anti-Phishing)
  • มีกองทุนประกันและเตรียมพร้อมชดเชย
  • โปร่งใส เปิดเผยวิธีคำนวณ Proof-of-Reserves

ทั้งหมดนี้ทำให้ OKX ได้ฐานลูกค้ารายใหญ่และสถาบันมากมาย มีผู้ใช้กว่า 50 ล้านบัญชีและปริมาณเทรดสะสมกว่า 29 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ไม่มีระบบใดที่ปลอดภัย 100% แต่ OKX ก็จัดได้ว่าอยู่ระดับแนวหน้าเรื่องมาตรการป้องกัน

ต่อไป เราจะดูการปฏิบัติตามข้อบังคับในประเทศต่าง ๆ ของ OKX และขั้นตอน KYC สำหรับผู้ใช้งาน



กฎระเบียบและ KYC

ปัจจุบันหลายประเทศเริ่มมีกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจคริปโตอย่างเป็นทางการ ช่วงปี 2023–2025 หลายเขตอำนาจได้ออกใบอนุญาตให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อความชัดเจนด้านภาษีและการคุ้มครองผู้ใช้ OKX ก็พยายามดำเนินการตามกฎอย่างแข็งขันเพื่อเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก เรามาดูสถานะใบอนุญาตของ OKX ใน EU และ UAE รวมถึง KYC ของผู้ใช้

ใบอนุญาต MiCA ในสหภาพยุโรป

ปี 2024 สหภาพยุโรปได้อนุมัติกรอบกฎหมาย MiCA (Markets in Crypto-Assets) ครอบคลุมบริการคริปโตทุกด้าน โดยผู้ให้บริการต้องได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ OKX เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ขอและได้รับ “พรีอนุมัติ” จากหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของมอลตา (MFSA) ในเดือนมกราคม 2025

พรีอนุมัติแสดงว่า OKX มีคุณสมบัติตามมาตรฐานทุนสำรองและคุ้มครองผู้บริโภค เมื่อกฎหมาย MiCA มีผลสมบูรณ์ (คาดต้นปี 2025) OKX ตั้งเป้ารับใบอนุญาตเต็มรูปแบบ ทำให้ให้บริการใน 27 ประเทศสมาชิก EU ได้อย่างถูกต้อง สำหรับผู้เทรด นี่หมายถึงแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานระดับยุโรป

ใบอนุญาต VARA ในดูไบ (UAE)

ตะวันออกกลางเป็นอีกภูมิภาคที่ OKX ให้ความสำคัญ ในปี 2022 ดูไบตั้งหน่วยงาน Virtual Assets Regulatory Authority (VARA) เพื่อเป็นฮับคริปโตของภูมิภาค และภายในตุลาคม 2024 OKX เปิดตัวแพลตฟอร์มใน UAE ที่ได้รับใบอนุญาต VARA ครบถ้วน

OKX ระบุว่าเป็น “แพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกแรกที่ได้รับใบอนุญาตเต็มรูปแบบด้านบริการคริปโตทั้งสำหรับรายย่อยและสถาบันใน UAE” ทำให้ฝากและถอนเงินสกุล AED ผ่านธนาคารได้โดยตรง มีซัพพอร์ตภาษาอาหรับ และบริการเฉพาะภูมิภาค ขณะที่หลายเว็บเทรดยังไม่กล้าเชื่อมต่อธนาคารโดยตรง ถือเป็นข้อได้เปรียบอีกจุด

ภูมิภาคอื่น: สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง

OKX ยังขยายสู่พื้นที่อื่น ๆ:

  • สิงคโปร์: ในปี 2023 ได้รับใบอนุญาต Major Payment Institution (MPI) จาก Monetary Authority of Singapore (MAS) คล้ายกับที่ Crypto.com และ DBS Vickers ถืออยู่
  • ออสเตรเลีย: OKX จดทะเบียนกับ AUSTRAC ในฐานะผู้ให้บริการ Digital Currency ทำให้ดำเนินงานได้ถูกต้อง
  • ตุรกีและบราซิล: เปิดสำนักงานท้องถิ่นเพื่อรองรับตลาดที่กำลังเติบโต
  • ฮ่องกง: ปี 2023 ออกใบอนุญาต VASP สำหรับเว็บเทรดคริปโต OKX เคยยื่นแต่ถอนใบสมัครในพฤษภาคม 2024 และหยุดให้บริการลูกค้าฮ่องกง (ยกเว้นกระเป๋าเงินแบบกระจายศูนย์) เพราะมองว่าข้อจำกัดสำหรับรายย่อยมีเยอะ
  • สหรัฐอเมริกาและแคนาดา: ปัจจุบัน OKX ไม่ให้บริการเว็บเทรดใน 2 ประเทศนี้ เนื่องจากกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ผู้ใช้เข้าถึงได้เฉพาะ OKX Wallet แบบกระจายศูนย์

โดยรวม OKX เลือกเส้นทางปฏิบัติตามกฎหมาย แต่หากเจอข้อจำกัดที่ไม่เหมาะสมก็ยอมถอนตัว อย่างในฮ่องกง ถือเป็นกลยุทธ์การกระจายตลาดเชิงรุก ซึ่งต่างจาก Binance ที่ยังมีปัญหากับบางประเทศ

KYC: ขั้นตอนยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน

แบบฟอร์มลงทะเบียนบัญชี OKX

ด้วยกฎ AML/CTF ทำให้ OKX บังคับ KYC สำหรับฟังก์ชันหลัก การไม่ยืนยันตัวตนจะทำให้ใช้แค่บางส่วน (เช่น ดูข้อมูล แพลตฟอร์ม P2P หรือกระเป๋า Web3) แต่ถอนหรือเทรดไม่ได้

OKX แบ่งระดับ KYC ดังนี้:

  1. การยืนยันตัวตนพื้นฐาน (ระดับ 1): กรอกชื่อ สัญชาติ และประเภท/เลขเอกสาร (พาสปอร์ต บัตรประชาชน ใบขับขี่) จากนั้นอัปโหลดสแกนเอกสารพร้อมเซลฟี่ ระบบจะตรวจอัตโนมัติภายในไม่กี่นาที ทำให้ได้วงเงินถอนเบื้องต้นและเริ่มเทรดได้
  2. การยืนยันตัวตนขั้นสูง (ระดับ 2): ถ่ายรูปเอกสารให้ชัดและบันทึกวิดีโอเซลฟี่ (ขยับศีรษะ กะพริบตา ฯลฯ) รวมถึงอาจต้องอัปโหลดหลักฐานที่อยู่ (บิลค่าน้ำ-ค่าไฟ) เพื่อขยายวงเงินและเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
  3. การยืนยันที่อยู่ (ระดับ 3 ในบางประเทศ): ยืนยันถิ่นที่อยู่อย่างละเอียดเพิ่มเติม
  4. KYC สำหรับองค์กร: สำหรับนิติบุคคล ส่งเอกสารจดทะเบียนและข้อมูลผู้มีอำนาจลงนาม ฯลฯ

การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมใน OKX

OKX ออกแบบให้ขั้นตอน KYC ง่ายที่สุด สามารถใช้มือถือถ่ายรูปและอัปโหลดผ่านแอป บางรายงานบอกว่าเสร็จใน 5 นาที ผู้ใช้บางส่วนไม่ชอบที่ต้อง KYC เพราะอดีต OKEx เคยปล่อยให้เทรดโดยไม่ยืนยันตัวตน แต่ยุคนี้เกือบทุกเว็บใหญ่ (Binance, Bybit, KuCoin) ก็บังคับแล้ว ใครต้องการนิรนามจริง ๆ อาจต้องใช้ DEX หรือแพลตฟอร์มเล็ก

ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: OKX ย้ำว่าข้อมูล KYC เก็บไว้อย่างปลอดภัยเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย AML เท่านั้น ยังไม่มีรายงานข้อมูลรั่วไหลเหมือนบางเหตุการณ์บนเว็บอื่น ซึ่งการได้ใบอนุญาตจาก EU และดูไบก็ยิ่งเข้มงวดเรื่องการคุ้มครองข้อมูล

สำหรับเทรดเดอร์ Forex อาจคุ้นเคยขั้นตอนนี้อยู่แล้ว เพราะโบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ก็มีขั้นตอนยืนยันตัวตนและหลักฐานที่อยู่คล้ายกัน

การปฏิบัติตามกฎหมาย AML และการร่วมมือกับทางการ

ในฐานะผู้ถือใบอนุญาต OKX บังคับใช้มาตรการตรวจสอบการทำธุรกรรม หากพบการฝาก/ถอนผิดปกติอาจขอหลักฐานที่มาของเงิน และเว็บบล็อกบัญชีที่เกี่ยวกับเครือข่ายผิดกฎหมายหรือที่อยู่ซึ่งถูกคว่ำบาตร เช่น จาก Darknet หรือบริการ Mixer นอกจากนี้ยังร่วมมือกับ Chainalysis, Elliptic เพื่อติดตามเส้นทางเงิน

OKX เคยระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการแฮกหรือใช้โปรโตคอลที่เจตนาอำพราง ซึ่งผู้ใช้บางรายไม่พอใจ แต่เป็นไปตามกฎหมาย AML ส่วนใหญ่ผู้ใช้สุจริตจะไม่เจอปัญหานี้

OKX ยังปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรประเทศต่าง ๆ เช่น ไม่ให้บริการแก่ผู้ใช้ในอิหร่าน เกาหลีเหนือ ฯลฯ เช่นเดียวกับ Kraken หรือ Crypto.com ถือเป็นแนวทางเดียวกับผู้เล่นใหญ่ที่ต้องการดำเนินธุรกิจทั่วโลก

หลังจากทราบสถานะด้านกฎระเบียบและ KYC แล้ว ต่อไปเราจะดูกันว่าประสบการณ์ใช้งาน OKX เป็นอย่างไร ทั้งอินเทอร์เฟซ แอปมือถือ และการสนับสนุนลูกค้า เพราะแม้ฟีเจอร์จะครบครัน แต่ถ้าใช้งานยากก็ไม่ตอบโจทย์

Igor Lementov
Igor Lementov - ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิเคราะห์ที่ Best-Binary.com


บทความที่อาจช่วยคุณได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด: 0
avatar