หน้าหลัก ข่าวไซต์
Finteria – รีวิวปี 2025 ของโบรกเกอร์ Binary Options และ CFD
Updated: 06.05.2025

Finteria – รีวิวเชิงลึกของโบรกเกอร์ Binary Options และ Forex/CFD (2025)

Finteria เป็นโบรกเกอร์นานาชาติหน้าใหม่ที่ให้บริการเทรด Binary Options และตลาด Forex/CFD ผ่านแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นเอง ในรีวิวนี้ เราจะสำรวจทุกแง่มุมของการทำงานกับ Finteria: เงื่อนไขการเทรด, สินทรัพย์ที่มี, ความสามารถของแพลตฟอร์ม, ข้อดี-ข้อเสีย, ความเห็นจากผู้ใช้ และการเปรียบเทียบกับคู่แข่ง (เช่น Pocket Option, Olymp Trade, Quotex, Binomo)



เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโบรกเกอร์ไบนารี่ออฟชั่น Finteria

การเทรด Forex และ Binary Options มีความเสี่ยงสูง ตามสถิติ ประมาณ 70–90% ของผู้เทรดสูญเสียเงินลงทุนระหว่างเทรด การจะได้กำไรอย่างสม่ำเสมอต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะทาง ก่อนเริ่มต้น ควรศึกษาเครื่องมือให้ถ่องแท้ และเตรียมพร้อมสำหรับการขาดทุนทางการเงิน อย่าลงทุนด้วยเงินที่จะกระทบต่อมาตรฐานการใช้ชีวิตหากสูญเสีย

Finteria คืออะไร? ข้อมูลทั่วไปของโบรกเกอร์

Finteria คือโบรกเกอร์ Binary Options และ CFD ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2020 บริษัทจดทะเบียนในชื่อ Finteria Markets LLC และตั้งอยู่ในเขต Offshore โดยมีที่อยู่ที่เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ และหมู่เกาะมาร์แชล

สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า Finteria ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับจากหน่วยงานการเงินใหญ่ แพลตฟอร์มไม่มีใบอนุญาตจากผู้กำกับหลัก (เช่น CySEC, FCA, ASIC เป็นต้น) บางสื่อโปรโมตเคยกล่าวว่า Finteria เป็น “โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและชื่อเสียงดี” แต่ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญอิสระชี้ว่าไม่มีการกำกับดูแล ทำให้ความน่าเชื่อถือตกอยู่ในข้อสงสัย

ยิ่งกว่านั้น ในปี 2024 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของยูเครนได้ใส่ Finteria ในรายชื่อโครงการลงทุนที่น่าสงสัยร่วมกับโบรกเกอร์ Offshore เจ้าอื่น

แม้จะขาดใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ Finteria ยังพยายามดึงดูดเทรดเดอร์ทั่วโลก (ยกเว้นในประเทศที่ห้าม Binary Options เช่น สหรัฐ, UK, บางส่วนของ EU เป็นต้น) โดยชูจุดเด่นเรื่องการเทรดเร็วและผลตอบแทนสูง: โฆษณาอ้างอิงได้กำไรสูงสุด 90% ภายใน 30 วินาที มีเทรดตลอด 24/7 ซึ่งเหมาะกับ Crypto Options เพราะตลาดคริปโตไม่ปิด

ลักษณะสำคัญของ Finteria:

  • ปีที่ก่อตั้ง: 2020
  • เขตงาน: Offshore (SVG, Marshall Islands); ไม่มีใบอนุญาตกำกับ
  • บริการ: Binary Options (Fixed Time Trades) บนสินทรัพย์ต่างๆ + CFD/Forex มีเลเวอเรจสูงถึง 1:500
  • แพลตฟอร์ม: ระบบเว็บ Finteria Trader (ผสาน TradingView) และ MetaTrader 5 (สำหรับ Forex/CFD)
  • ฝากขั้นต่ำ: 100 USD (หรือเทียบเท่าในคริปโต)
  • เทรดขั้นต่ำ: 1 USD – เข้าถึงง่ายสำหรับมือใหม่
  • บัญชีเดโม่: ฟรี มีเงินเสมือน $10,000 เปิดใช้งานทันที
  • อัตราได้รับผลตอบแทน (Binary Options): สูงสุด 90% หากทำนายถูกตรงเวลาหมดอายุ (ต่างกันตามสินทรัพย์และเวลา)
  • รองรับลูกค้า: ทั่วโลก (มีหลายภาษา) ยกเว้นภูมิภาคที่ถูกห้ามเช่น EU, US, UK ฯลฯ

ข้อดีของโบรกเกอร์ไบนารี่ออฟชั่น Finteria

โดยรวม Finteria สร้างภาพว่าเป็นแพลตฟอร์มทันสมัยสำหรับเทรดเร็ว ประกอบด้วย Binary Options และตลาดทั่วไป ต่อไปเราจะพูดถึงแพลตฟอร์ม Finteria แบบละเอียด และประเมินว่าตอบโจทย์เทรดเดอร์ได้ดีแค่ไหน

แพลตฟอร์ม Finteria และหน้าตาอินเทอร์เฟซ

หนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของ Finteria คือแพลตฟอร์ม Finteria Trader แบบเว็บ ที่ไม่ต้องติดตั้ง (เปิดผ่านเบราว์เซอร์) พัฒนาภายใน เน้นดีไซน์ให้ชัดเจนและใช้ง่าย รีวิวหลายแห่งบอกว่าแพลตฟอร์มดูทันสมัย ปรับแต่งได้ และรองรับหลายภาษา (เช่น อังกฤษ) จึงตอบสนองผู้ใช้ทั่วโลก

ไบนารี่ออปชั่น โบรกเกอร์ แพลตฟอร์มการซื้อขาย Finteria

จุดเด่นหลักของแพลตฟอร์ม Finteria:

  • กราฟ TradingView: ผสานเครื่องมือวิเคราะห์ TradingView ซึ่งขึ้นชื่อด้านกราฟและอินดิเคเตอร์ในวงการ เทรดเดอร์สามารถดูกราฟแบบเรียลไทม์ พร้อมเครื่องมือเทคนิคครบ (เช่น Trend line, รูปแบบกราฟ, อินดิเคเตอร์, Oscillator) มี Timeframe หลากหลาย (เส้น, แท่งเทียน, บาร์ ฯลฯ) รวมถึงอินดิเคเตอร์มากกว่า 80 ชนิด ตั้งแต่ Moving Average ทั่วไป จนถึง Oscillator ขั้นสูง (Stochastic RSI, Williams %R, ATR ฯลฯ) เทียบเท่า MetaTrader เพียงพอสำหรับสายวิเคราะห์เชิงเทคนิค
  • เพิ่มตัวบ่งชี้ในกราฟราคาของโบรกเกอร์ Finteria

  • การส่งคำสั่งที่ใช้ง่าย: การวางออเดอร์แบบ Binary Options ใช้เพียงไม่กี่คลิก แค่เลือกสินทรัพย์ ใส่จำนวนเงิน (เริ่มที่ $1) กำหนดเวลาหมดอายุ แล้วกดปุ่ม CALL (ขึ้น) หรือ PUT (ลง) หากคาดการณ์ถูกตอนหมดอายุ จะได้กำไรคงที่ (ทุน + ผลตอบแทน) ถ้าผิดจะเสียเงินที่ลง แผงคำสั่งออกแบบให้มือใหม่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
  • ตอบสนองไว: โบรกเกอร์เคลมว่าแพลตฟอร์มประมวลผลคำสั่งได้ทันที แทบไม่มีดีเลย์หรือ Slippage ซึ่งสำคัญสำหรับออปชันระยะสั้น (30–60 วินาที) มีหน้าต่างประวัติเทรด, ออเดอร์ที่เปิดอยู่, และยอดคงเหลือให้ดูในแพลตฟอร์ม
  • ติ๊กแผนภูมิจากนายหน้า Finteria

  • ปรับแต่งได้หลากหลาย: ผู้ใช้สามารถย้ายตำแหน่งหน้าต่าง ซูมเข้า/ออก ปิด/เปิดแผงต่างๆ เช่น ดูหลายกราฟพร้อมกัน เหมาะถ้าคุณติดตามหลายตลาดหรือเทรดหลายตราสารพร้อมกัน
  • โหมด Forex/CFD: นอกจาก Binary Options แพลตฟอร์มยังรองรับการเทรด CFD/Forex แบบมาตรฐานพร้อมเลเวอเรจ แค่สลับโหมด (อาจในแท็บอื่น) แล้วเปิดออเดอร์ Buy/Sell คู่เงิน คริปโต ทองคำ ฯลฯ ได้โดยมี P/L แบบลอยตัว โบรกเกอร์บอกว่าสเปรดคงที่ และไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยรายได้อาจมาจากสเปรดหรือโมเดลออปชัน เลเวอเรจถึง 1:500 ซึ่งมืออาชีพบางคนใช้เพื่อเก็งกำไร บริษัทยังมี MetaTrader 5 สำหรับเทรด Forex อีกทาง
  • แอปมือถือ: สำหรับคนที่ต้องการเทรดระหว่างเดินทาง Finteria ก็มีแอปบน iOS/Android มีฟีเจอร์หลักครบ: ดูกราฟ, อินดิเคเตอร์, เปิด/ปิดออเดอร์, จัดการฝาก/ถอน ฯลฯ อินเทอร์เฟซย่อส่วนให้เหมาะกับจอมือถือ และมีการแจ้งเตือน (push notification) เช่น แจ้งผลออเดอร์ ช่วยให้เทรดเดอร์ตอบสนองตลาดได้ทุกที่

สรุป แพลตฟอร์ม Finteria ได้รับคำชมว่าใช้งานง่ายและรองรับฟีเจอร์ขั้นสูงที่เพียงพอ มือใหม่เริ่มต้นได้ไม่ยาก ขณะที่เทรดเดอร์สายวิเคราะห์ลึกก็มีอินดิเคเตอร์และเครื่องมือครบเทียบเท่ามาตรฐานอุตสาหกรรม



ตราสารและสินทรัพย์ที่มีให้เทรด

Finteria เปิดโอกาสให้เทรดบนสินทรัพย์หลายชนิด โดยระบุว่ามีสินทรัพย์กว่า 50 รายการในตลาดหลัก:

  • คู่เงิน (Forex): มีคู่เงิน Major/Minor เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY ฯลฯ เพื่อเทรดเป็น Binary Options (เก็งทิศทางระยะสั้น) หรือในรูป CFD มีเลเวอเรจ เทรด 24/5 ตามตลาดฟอเร็กซ์
  • คริปโตเคอเรนซี: เพื่อให้ทันกระแส Finteria มีหลากหลายเหรียญ เช่น Bitcoin, Ethereum, Litecoin, Ripple และอื่นๆ เทรดในรูป Options ได้แม้วันหยุด (ตลาดคริปโตไม่ปิด) ความผันผวนสูงช่วยทำกำไรระยะสั้น แต่อันตรายหากขาดประสบการณ์
  • สินค้าโภคภัณฑ์: เช่น ทองคำ (XAU/USD), เงิน, น้ำมัน (Brent/WTI) และอาจมีสินค้าอื่น ๆ เหมาะสำหรับเทรดบนข่าวหรือช่วงแนวโน้มแข็งแรง (ทองคำมักเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ราคาน้ำมันตอบสนองข่าว OPEC เป็นต้น)
  • ดัชนีและหุ้น: แม้ Finteria จะเน้นค่าเงินและคริปโตเป็นหลัก แต่คาดว่ามีดัชนีใหญ่ๆ (S&P 500, NASDAQ, Dow Jones) และหุ้นบริษัทใหญ่ในรูป CFD หรือ Binary Options บางส่วน คู่แข่งหลายเจ้าก็มีสินทรัพย์จำนวนจำกัดในส่วนนี้ Finteria ก็อาจไม่ต่างกันมาก

หน้าต่างการเลือกสินทรัพย์ที่โบรกเกอร์ Finteria

สำหรับ Binary Options สินทรัพย์ยอดนิยม (คู่เงินหลัก ทองคำ) มักให้ผลตอบแทนสูง ~80–90% ส่วนสินทรัพย์แปลกๆ อาจต่ำกว่านี้ การปรับเปลี่ยนขึ้นกับสภาพตลาดและความผันผวน

ระยะเวลาหมดอายุ (Expiry) ของออปชันมีตั้งแต่ 30 วินาทีถึงหลายชั่วโมง ตัวเลือกสั้นๆ (Turbo) เช่น 15, 30, 60 วินาที ถูกใจสายเสี่ยงสูง แต่ก็มีช่วง 5, 15, 30 นาที หรือนานกว่านั้นสำหรับเทรดตามข่าวหรือแนวโน้ม

โหมด CFD/Forex: เทรดเดอร์ที่ใช้ MT5 หรือโหมด CFD ในแพลตฟอร์มจะเจอสเปรดคงที่ (แต่ไม่มีการเผยแพร่ข้อมูลสเปรดชัดเจน) อาจไม่มีค่าคอมมิชชั่น บริษัทรายได้คงมาจากสเปรดหรือส่วนแบ่งออปชัน เลเวอเรจถึง 1:500 แต่ควรระวังเพราะยิ่งเลเวอเรจสูงก็ยิ่งเสี่ยงพอร์ทพังหากไม่มีการจัดการดี

ขนาดการเทรด:
ส่วนใหญ่ Forex น่าจะขั้นต่ำ 0.01 ล็อต (มาตรฐาน MT5) และ Binary Options เริ่มเทรดครั้งละ $1 ส่วนเพดานสูงสุดต่อออเดอร์ อาจจำกัด (เช่น $1,000–5,000 ต่อออเดอร์) จำนวนออเดอร์พร้อมกันขึ้นอยู่กับเงินในบัญชี ส่วนมากเปิดกี่ดีลก็ได้ตราบใดที่มาร์จิ้นพอ

สรุป Finteria มีสินทรัพย์หลากหลายพอใช้ ตอบโจทย์คนอยากเทรดตลาดหลายแนว ทั้งตลาดคริปโต หุ้น ดัชนี ค่าเงิน สินค้าครบในแพลตฟอร์มเดียว เทียบกับ Olymp Trade, Binomo ที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า และเน้นบางหมวด คริปโตของ Finteria ยังน่าสนใจกว่าเพราะเทรดได้ตลอด 7 วัน บนแพลตฟอร์มเดียวกัน

การลงทะเบียนบัญชีและประเภทบัญชี

การเริ่มใช้งาน Finteria ต้องเปิดบัญชีผ่านเว็บไซต์ตามขั้นตอนทั่วไป:

  1. กรอกฟอร์มสมัคร: เข้า finteria.com หรือ finteria.pro (ลิงก์มิเรอร์) ระบุอีเมล ตั้งรหัสผ่าน เลือกสกุลเงินบัญชี (USD หรือ USDT) อาจสมัครผ่านบัญชีโซเชียลหรือ Google ได้ โบรกเกอร์ขอข้อมูลน้อยๆ ก่อน
  2. การลงทะเบียนบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ Finteria

  3. ยืนยันอีเมล: ระบบจะส่งลิงก์ไปทางอีเมล ให้คลิกเพื่อเปิดใช้งานบัญชี
  4. ยืนยันตัวตน (KYC): เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มทั่วไป ต้อง KYC ก่อนถอนเงิน โดยอัปโหลดสำเนาบัตร (พาสปอร์ต/บัตรประชาชน) และหลักฐานที่อยู่ (บิลค่าน้ำไฟ) การตรวจสอบใช้ 1–3 วัน แม้คุณจะเทรดได้ก่อน แต่ถ้าจะถอนต้องผ่าน KYC เสียก่อน
  5. การตรวจสอบบัญชีซื้อขายกับโบรกเกอร์ Finteria

  6. เลือกประเภทบัญชี: ปัจจุบัน Finteria มีโครงสร้างบัญชีไม่ซับซ้อน: มีบัญชีเดโม่ กับบัญชีจริง (Standard) ไม่มีการแบ่งเลเวล Silver, Gold, VIP แบบบางเจ้ากล่าวถึง ยังไม่ปรากฏว่ามี VIP พิเศษหรือไม่ แต่หากมีเงินมาก อาจสอบถามซัพพอร์ตได้
  7. บัญชีเดโม่: หลังสมัครจะได้รับบัญชีเดโม่ $10,000 เทรดได้ครบทุกฟีเจอร์ในโหมดจำลอง มือใหม่ฝึกได้ไม่จำกัด เซียนใช้ทดสอบระบบ ก็ไม่มีหมดอายุหรือเวลาจำกัด ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะบางโบรกเกอร์จำกัดเวลา
  8. สลับระหว่างบัญชีทดลองและบัญชีจริงกับโบรกเกอร์ Finteria

  9. บัญชีจริง: ต้องฝากขั้นต่ำ $100 จากนั้นจึงเทรดเงินจริงได้ สลับระหว่างบัญชีจริงกับเดโม่ได้ในแดชบอร์ด การเทรดเงินจริงทำให้เข้าร่วมโปรโมชัน การแข่งขัน และสามารถถอนกำไรได้

โดยรวม ขั้นตอนสมัครใน Finteria ค่อนข้างตรงไปตรงมา ฝากขั้นต่ำ $100 ถือว่าปานกลาง (Olymp Trade และ Quotex, Binomo กำหนดไว้ $10, Pocket Option $50) บัญชีเดโม $10,000 ช่วยให้ฝึกเทรดเสมือนก่อนจะใช้เงินจริง และการเทรดขั้นต่ำ $1 ทำให้แบ่งทุนเล่นได้เป็นไม้เล็กๆ

ซื้อขายกับนายหน้าตัวเลือกไบนารี Finteria

หลังสมัคร จะเข้าถึง “Personal Cabinet” (พื้นที่ลูกค้า) ซึ่งแบ่งเมนู Profile (ยืนยันตัวตน), Finance (ฝาก/ถอน), Trade (เทอร์มินัล), Copy Trading (ติดตามเทรดเดอร์ดัง), Trading Contest (แข่งขันเทรด), และ Help Center (FAQ) ใช้งานง่าย ไม่ต้องถามซัพพอร์ตในเรื่องปกติ

โบนัส โปรโมชั่น และการแข่งขัน

เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่และกระตุ้นลูกค้าเก่า Finteria จัดโปรโมชั่นและแคมเปญโบนัสหลายอย่าง ดังนี้:

  • โบนัสเงินฝาก: เช่นเดียวกับโบรกเกอร์ Binary หลายเจ้า Finteria ให้โบนัสฝาก โดยขึ้นกับจำนวนเงินและอาจมากถึง 500% (ค่อนข้างสูง) ตัวอย่าง ฝาก $100 อาจได้เพิ่ม $500 เป็นเครดิตโบนัส แต่โบนัสสูงมากมักมีเงื่อนไขเทิร์นโอเวอร์ที่เข้ม (เช่น ต้องเทรด 50–100 เท่าของโบนัส) ส่วนน้อยจะอยู่ราว 50–100% โบนัสไปยังยอดแยก ไม่สามารถถอนก่อนทำเทิร์นครบ
  • โบนัสไม่ต้องฝาก: Finteria เคยมีโปร $50 แบบไม่มีเงินฝาก เพื่อโปรโมต ให้ทดลองจริงโดยไม่ใช้ทุนส่วนตัว อย่างไรก็ตาม อาจต้องเทรดถึงปริมาณหรือฝากเงินน้อยๆ ก่อนจึงถอนกำไรได้ ถือเป็นการตลาดที่ดึงดูดเพราะโบนัสไม่ต้องฝากค่อนข้างหายาก
  • โค้ดโปรโมชั่นและส่วนลด: ในบางเทศกาลอาจมีโค้ดต่างๆ เพิ่มโบนัส เช่น รับโบนัสสูงพิเศษหากฝากช่วงนั้น หรือลดค่าธรรมเนียม หากมองหาโค้ด ควรติดตามประกาศทางการหรือตามคอมมูนิตี้เทรด
  • การแข่งขันเทรด (Tournaments): โบรกเกอร์จัดแข่งแบบเดโม่หรือบัญชีพิเศษ โดยมักไม่เสียค่าสมัคร ให้ผู้ร่วมแข่งเทรดแข่งกันภายในเวลา (อาจเป็นสัปดาห์) ใครได้กำไรมากสุดจะได้รางวัลเงินจริงหรือเครดิตเข้าบัญชีจริง นับเป็นวิธีฝึกมือและลุ้นรางวัลจริงโดยไม่เสี่ยงเงินตัวเอง
  • VIP/Loyalty Program: Finteria ไม่ได้โปรโมตชัดเจน แต่เทรดเดอร์ที่ฝากมากอาจขอสิทธิพิเศษ เช่น อัตราจ่ายเพิ่ม, ผู้จัดการส่วนตัว, ถอนเงินเร็ว ฯลฯ หากคุณตั้งใจลงทุนใหญ่ อาจติดต่อซัพพอร์ตเรื่องเงื่อนไขพิเศษ
  • โปรแกรมอ้างอิง (Referral): ปกติเบี้ยเลี้ยงคู่ค้าแนะนำคนมาเทรด แบ่งค่าคอมมิชชั่น หรือจ่ายเป็นรายหัว Finteria อาจมีเช่นกัน สามารถสอบถามซัพพอร์ต

ควรเข้าใจว่าโบนัสไม่ใช่ “เงินฟรี” แต่มีเงื่อนไขเสมอ เช่น ต้องเทรดครบยอด และอาจดีกว่าไม่รับถ้าเงื่อนไขยากเกินไป บางเว็บคู่แข่งให้โบนัสราว 30–50% แต่ Finteria เคลมสูงถึง 500% ถือว่าฉูดฉาด อย่างไรก็ดีต้องคำนึงถึงความเสี่ยง

Copy Trading และ Social Trading บน Finteria

อีกจุดเด่นของ Finteria คือระบบ Copy Trading และ Social Trading ในตัว ช่วยเชื่อมโยงเทรดเดอร์มือโปรกับมือใหม่ เปิดโอกาสให้ก๊อปปี้กลยุทธ์ได้

คัดลอกการซื้อขายกับโบรกเกอร์ ตัวเลือกไบนารี Finteria

วิธี Copy Trading: แพลตฟอร์มมีแท็บ “leaders” จัดอันดับเทรดเดอร์ที่ผลงานดี (ตาม ROI, อัตราขาดทุน, จำนวนผู้ติดตาม) มือใหม่สามารถเปิดดูโปรไฟล์แต่ละคน เพื่อดูกราฟผลตอบแทน และหากพอใจก็กดติดตามเพื่อ “คัดลอก” ดีลแบบเรียลไทม์ กำหนดสัดส่วน (เช่น ก๊อปปี้ 10% ของขนาด) หรือกำหนด Stop Loss ได้ ผู้นำจะได้ค่าตอบแทน (ส่วนแบ่งจากกำไรของผู้ติดตาม) ยิ่งทำกำไรมากก็ยิ่งได้คอมมิชชั่น ถือเป็นแรงจูงใจให้ผู้ที่มีฝีมือสร้างผลลัพธ์

คัดลอกธุรกรรมของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์ม Finteria

Social Trading: นอกจากคัดลอก ยังมีฟีเจอร์ชุมชน เช่น ดูดีลล่าสุดและโปรไฟล์สายทำกำไรสูง พูดคุยแลกเปลี่ยน หรือคัดลอกด้วยตนเอง ฟังก์ชันนี้คล้าย Pocket Option ที่โชว์ดีลเรียลไทม์ ผู้ใช้บางรายกล่าวว่าสะดวกสำหรับมือใหม่ แต่อย่าลืมว่า “ผลลัพธ์ในอดีตไม่การันตีอนาคต” และผู้ตามสามารถขาดทุนได้ถ้าผู้นำตัดสินใจผิดพลาด

สำหรับเทรดเดอร์เก๋า Copy Trading ยังเปิดทางให้หารายได้เพิ่ม จากค่าคอมมิชชั่นเมื่อลูกค้าทำกำไร สร้าง ecosystem ที่คนเก่งได้ผลตอบแทนเพิ่ม ส่วนมือใหม่ก็มีโอกาสเดินตามเทรดเดอร์ชำนาญ

สื่อการสอนและบทวิเคราะห์

Finteria มีเครื่องมือด้านการศึกษาและการวิเคราะห์เพื่อยกระดับความรู้ลูกค้า:

  • Knowledge Base (Help Center): ใน Personal Cabinet มี FAQ/Help ตอบคำถามเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม ฝาก/ถอน เงื่อนไขการเทรด ฯลฯ รวมถึงบทสรุปคำศัพท์ Binary Options การใช้งานระบบ เหมาะให้มือใหม่ศึกษาเบื้องต้น
  • บทความและวิดีโอสอน: ในเว็บไซต์หรือบล็อกอาจมีบทความกลยุทธ์, มุมมองตลาด และเนื้อหาสำหรับมือใหม่ เช่น “วิธีเทรดออปชัน 30 วินาที” “กลยุทธ์ RSI สำหรับ Binary” โบรกเกอร์อาจมีช่อง YouTube สอนการเทรดหรือจัดเว็บบินาร์
  • บทวิเคราะห์ตลาด: แม้จะเน้นออปชัน แต่ Finteria อาจมีปฏิทินเศรษฐกิจ ข่าวสั้น หรือบทวิเคราะห์รายวันช่วยเทรดเดอร์ บางโบรกเกอร์ส่งบทวิเคราะห์ให้ลูกค้า Finteria อาจมีหรือไม่ก็ได้ แต่ถ้ามีก็นับเป็นข้อดี
  • เดโม่แข่งขันเพื่อการเรียนรู้: การแข่งขันเดโม่นอกจากสนุก ยังสอนให้วางแผนและบริหารเงิน เสี่ยงน้อย และได้เห็นกลยุทธ์คนอื่น
  • ทัวร์นาเมนต์ที่โบรกเกอร์ไบนารี่ออฟชั่น Finteria

  • ชุมชนและการติว: ฟีเจอร์โซเชียล (สนทนา ติดตาม) ก็ช่วยเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ อาจถามตรง ถ้าแพลตฟอร์มมีแชตกลุ่ม อาจได้คำแนะนำด่วน

เทียบกับ Olymp Trade ที่มีคอร์สครบถ้วน Finteria ยังใหม่กว่าแต่ก็พยายามใส่เนื้อหาบางส่วนให้ลูกค้า ซึ่งเป็นแง่บวก



การฝากและถอนเงิน (ช่องทางชำระ)

ช่องทางฝาก/ถอนเป็นปัจจัยสำคัญ เราจะดูว่าที่ Finteria มีวิธีอะไรบ้างและเงื่อนไขอย่างไร

การฝาก

การเติมเต็มบัญชีซื้อขายกับนายหน้า Finteria

Finteria รองรับหลายช่องทาง โดยหลักๆ มี:

  • คริปโตเคอเรนซี: โบรกเกอร์เน้นมาก USDT (ERC-20, TRC-20), Bitcoin (BTC), และ TRON (TRX) คุณส่ง USDT/BTC/TRX เข้าบัญชีได้ (ต้องรอยืนยันบล็อกเชน) USDT บนเครือข่าย TRC-20 ค่าธรรมเนียมต่ำ เวลาดำเนินการสั้น BTC อาจช้าหน่อย
  • บัตรธนาคาร (ผ่านคนกลาง): จริงๆ Finteria ไม่รับ Visa/MasterCard ตรงๆ แต่จะลิงก์ไปยังบริการแลกเปลี่ยน (เช่น Paybis) เพื่อแลกเงินจากบัตรเป็น USDT แล้วโอนเข้าบัญชี Finteria แน่นอน ผู้ให้บริการแลกอาจคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม
  • วิธีอื่นๆ: ไม่พบข้อมูลการโอนธนาคาร (SWIFT/SEPA) หรือ e-wallet (Skrill, Neteller) ชัดเจน Finteria ดูเหมือนเน้นคริปโตเป็นหลัก อาจเพิ่มช่องทางอื่นในอนาคต

วิธีเติมเงินในบัญชีซื้อขายของคุณกับโบรกเกอร์ Finteria

การถอน

ตามกฎ Finteria จะถอนผ่านคริปโตเหมือนกัน (USDT, BTC, TRX) ใครฝาก USDT ผ่านบัตร ก็ต้องถอนเป็นคริปโตเข้าวอลเล็ตส่วนตัว ไม่มีช่องทางถอนเข้าบัตรธนาคาร

ความเร็วในการดำเนินการ

Finteria อ้างว่าอนุมัติถอนใน 1 ชั่วโมง แต่บางรีวิวบอกว่าอาจรอนานเป็นวัน ขึ้นกับการตรวจสอบ เรายังเห็นเคสร้องเรียนที่รอนานนับเดือนเพื่อถอน $89 ด้วย ทำให้ควรระวัง อาจลองถอนน้อยๆ ก่อน คริปโตโดยปกติถ้าระบบ OK ก็เร็ว แต่ถ้าโบรกเกอร์หน่วงก็แก้ไม่ได้

ค่าธรรมเนียม

โบรกเกอร์ไม่คิดค่าธรรมเนียมภายใน แต่ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมบล็อกเชน (Gas Fee) เช่น USDT TRC-20 ถูกมาก (~1 USDT) BTC อาจ $5–10 ขึ้นกับสภาพเครือข่าย

การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน

ถ้าบัญชีตั้งเป็น USDT แต่ฝาก BTC ระบบจะแลกอัตโนมัติ อาจมีสเปรดบ้าง เพื่อความง่าย ควรฝาก-ถอนด้วยเหรียญเดียวกัน

ขีดจำกัด

ฝากขั้นต่ำ $100 ส่วนถอนขั้นต่ำอาจ ~$50–$100 (ไม่พบประกาศชัด) อาจมีเพดานรายวันบ้าง หลายคนมักถอนเป็นงวดๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

สรุป Finteria ใช้ระบบ “คริปโตเป็นหลัก” คล้ายกับ Pocket Option/Quotex บางราย ส่วน Olymp Trade/Binomo เน้นมากกับ e-wallet/bank card ตามประเทศ ดังนั้นถ้าคุณสะดวกใช้คริปโต Finteria ก็เป็นตัวเลือกที่ง่าย

ความปลอดภัยของเงินทุนและข้อมูล การกำกับดูแล

ประเด็นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสำคัญมาก เราจะมองดูการป้องกันด้านเทคนิค สถานะการกำกับ และชื่อเสียงของ Finteria:

ความปลอดภัยทางเทคนิค

โบรกเกอร์ระบุว่าใช้มาตรการเข้ารหัสสมัยใหม่ (SSL/HTTPS) ป้องกันข้อมูลลับ (เช่น รหัสผ่าน) ระหว่างส่งและเก็บ มีการตรวจสอบช่องโหว่ภายในเป็นระยะตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

การปกป้องเงินลูกค้า

ทาง Finteria เคลมว่าจัดเก็บเงินลูกค้าในบัญชีแยก (Segregated) แยกจากทุนบริษัท เพื่อไม่ให้บริษัทนำเงินของลูกค้าไปใช้ เหมาะสมในหลักการ แต่การตรวจสอบจริงทำได้ยากหากไม่มีหน่วยงานกำกับมา Audit ต่างจากโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การกำกับจริง

สถานะการกำกับ

ตามที่กล่าว Finteria ไม่มีใบอนุญาตทางการจากหน่วยงานใหญ่ จดทะเบียน Offshore ในเซนต์วินเซนต์ฯ ซึ่งไม่มีการกำกับโบรกเกอร์จริงจัง หลายเจ้าที่เทรด Binary ก็เป็นเช่นนี้ (Pocket Option, Quotex, Binomo ต่างไม่มีใบอนุญาตเช่นกัน) บางโบรกเกอร์สมัครการรับรองภาคเอกชน (IFMRRC, Finacom) แต่ Finteria ก็ไม่ปรากฏว่ามีเช่นกัน จึงไม่มีตัวกลางผู้ไกล่เกลี่ยภายนอก

รีวิวต่างๆ:

  • TrustPilot ให้คะแนนเฉลี่ยราว 2.6/5 (มีรีวิวน้อย ~9 ราย) แต่เนื้อหารีวิวติงถอนเงินยากหรือการปรับราคา
  • BrokerChooser กล่าวสั้นๆ: “Finteria ไม่เชื่อถือได้เพราะไร้การกำกับ...” มีผู้แนะนำให้เทรดเฉพาะโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตเข้มงวด Offshore มองว่าเสี่ยง
  • ทางยูเครนเองก็ใส่ Finteria ในลิสต์โครงการน่าสงสัย ส่วน WikiFX ระบุ Finteria ไม่ถูกกำกับ ให้คะแนนความน่าเชื่อถือค่อนข้างต่ำ

อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงคือ Binary Options ถูกจำกัดหรือห้ามในหลายประเทศ ดังนั้นโบรกเกอร์เกือบทุกรายก็ไปจด Offshore โดนมองเสี่ยงแบบเดียวกัน: Pocket Option จดที่ Marshall Islands, Quotex ที่ Seychelles, Binomo ที่ St. Vincent ไม่มีใครมีใบอนุญาตใหญ่เช่นกัน

ความเสี่ยงของการเทรดกับโบรกเกอร์ที่ไม่ถูกกำกับ:

  • ไม่มีประกันเงินทุน: ถ้าบริษัทปิดตัวหรือเชิดเงิน หนทางเรียกคืนยากมาก เพราะไม่มีข้อบังคับให้ชดเชย
  • ข้อพิพาทใดๆ จะตัดสินภายใน: ไม่มีหน่วยงานกลางมาบังคับ
  • มีโอกาสเจอการปรับราคา: หากโบรกเกอร์ไม่สุจริต อาจปฏิเสธจ่ายเงินอ้างเงื่อนไข คลาสสิกในวงการ Binary Offshore

Finteria พยายามสร้างความเชื่อมั่นอย่างไร:
บอกว่ามีฝ่ายสนับสนุนที่ตอบสนองเร็ว (แม้บางรีวิวจะค้าน), อ้างโปร่งใส, และมีโปรแกรมจูงใจต่างๆ สุดท้ายวิธีพิสูจน์คือจ่ายเงินให้ลูกค้าตามปกติอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไปถึงจะได้ภาพลักษณ์ที่ดี

บทสรุปด้านความปลอดภัย:
ระดับเทคนิค (SSL, เข้ารหัส) ถือว่าดีตามมาตรฐาน แต่ด้านการกำกับการเงินยังมีช่องโหว่ หากคุณจะเทรดกับ Finteria ควรจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุม ฝากจำนวนที่ยอมเสียได้ ทดสอบถอนด้วยยอดน้อยๆ ก่อน และควรถอนกำไรเป็นช่วงๆ นี่เป็นแนวทางที่หลายคนใช้เมื่อเทรดกับโบรกเกอร์ Offshore Binary

ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า (Customer Support Service)

การให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าโบรกเกอร์ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้ใช้งานมากน้อยแค่ไหน Finteria ได้ประกาศช่องทางติดต่อฝ่ายสนับสนุนไว้ดังนี้:

  • อีเมล: ที่อยู่อย่างเป็นทางการคือ support@finteria.com สามารถส่งคำถามได้ตลอดเวลา โดยโบรกเกอร์ระบุว่าจะตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง วิธีนี้เหมาะกับปัญหาที่ต้องอธิบายละเอียดหรือแนบเอกสาร แต่ไม่ได้รับคำตอบทันที
  • Live Chat บนเว็บไซต์: มีวิดเจ็ตแชตออนไลน์บนแพลตฟอร์ม เพื่อให้เทรดเดอร์สอบถามได้ตลอด โดย Finteria โฆษณาว่าให้บริการแชต 24/7 อย่างไรก็ตาม การทดสอบอิสระพบว่าแชตมักไม่ตอบ หรือปล่อยคอยนาน บางรายระบุว่ารอกว่า 3 ชั่วโมงก็ไม่มีใครตอบ อาจเป็นเพราะทีมซัพพอร์ตงานล้น หรือไม่ได้ออนไลน์ตลอดจริง ความล่าช้าแบบนี้อาจสร้างความไม่สบายใจ โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับการเงินหรือปัญหาเร่งด่วน
  • โทรศัพท์: ในเว็บไซต์ไม่ได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ชัดเจน แหล่งข้อมูลบางแห่งบอกว่ามีโทรศัพท์ในช่วงเวลาทำการ แต่ไม่มีหมายเลขเฉพาะระบุไว้ อาจเป็นช่องทางสำหรับลูกค้าที่ผ่านการยืนยันตัวตนหรือ VIP ทั้งนี้ หลายโบรกเกอร์ Binary Options สมัยใหม่ก็เลิกใช้ Call Center แล้ว โดยเน้นแชตและช่องทางออนไลน์แทน
  • Telegram Bot: Finteria มีบ็อตทางการบน Telegram (@finteria_bot) ซึ่งตอบคำถามพื้นฐานหรือให้ข้อมูลทั่วไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนรองรับภาษารัสเซียเป็นหลัก จึงเหมาะกับลูกค้าที่พูดรัสเซียมากกว่า และอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ เพราะบ็อตส่วนมากตอบได้แค่ FAQ หรือเช็คสถานะคำขอเท่านั้น
  • โซเชียลมีเดีย: Finteria ปรากฏตัวบน Twitter, Facebook, YouTube, และอาจรวมถึง Instagram แต่ช่องทางเหล่านี้เป็นเชิงประชาสัมพันธ์มากกว่า ไม่ใช่ช่องทางซัพพอร์ตโดยตรง อย่างไรก็ดี มีเทรดเดอร์บางรายโพสต์ร้องเรียนสาธารณะเพื่อให้บริษัทมาตอบคำถามปัญหา เพื่อเลี่ยงเสียงลบในที่แจ้ง

คุณภาพของซัพพอร์ต
ตามรีวิวของผู้ใช้ จุดนี้คือจุดอ่อนสำคัญสำหรับ Finteria มีหลายคนบ่นว่าฝ่ายซัพพอร์ตตอบช้าหรือไม่ตอบเลย เช่น เทรดเดอร์คนหนึ่งถอนไม่ได้ $89 แล้วติดต่อแชตสดก็ไม่ออนไลน์ ไม่มีใครสนใจ ปล่อยไว้จนผู้ใช้รู้สึกเหมือน “ไม่มีฝ่ายซัพพอร์ตเลย” ซึ่งทำลายความเชื่อมั่น เราไม่ทราบว่าบางเคสอาจเป็นเหตุการณ์โดดๆ หรือเป็นปัญหาเชิงระบบ ในฐานะโบรกเกอร์หน้าใหม่ Finteria อาจยังขาดบุคลากรหรือทรัพยากรบริหารคำขอได้ทันท่วงที

เทียบกับโบรกเกอร์อื่น เช่น Olymp Trade ขึ้นชื่อว่าตอบเร็ว (ส่วนมากใน 1 นาที และรองรับหลายภาษาตลอด 24 ชม.) Pocket Option ก็พยายามตอบเร็ว (แม้มีบางเคสแย่เช่นกัน) ส่วน Binomo ให้แชต 24/7 ทั้งภาษาอังกฤษและรัสเซีย ตอบไว ดังนั้นในด้านบริการลูกค้า Finteria ยังตามหลังคู่แข่งรายใหญ่ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือน: โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือควรพร้อมดูแลลูกค้าในทุกปัญหา ไม่ใช่แค่รับเงินฝาก

อนาคตข้างหน้า: อาจเป็นไปได้ที่ Finteria จะพัฒนาฝ่ายบริการลูกค้าเมื่อธุรกิจขยายขึ้น แม้มีช่องทางแจ้งแล้ว แต่ต้องเพิ่มวินัยด้านเวลาตอบ และความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ในระหว่างนี้หากเจอปัญหา ควรตื้อซ้ำหลายช่องทาง: อีเมล, แชต, หรือโซเชียลมีเดีย ถ้าไม่มีการตอบสนอง บางครั้งการเปิดประเด็นในฟอรัมสาธารณะหรือกลุ่มชุมชนเทรด อาจกดดันให้ทีมงานรีบมาดู

FAQ และการแก้ปัญหาด้วยตนเอง: Finteria พยายามลดภาระซัพพอร์ตด้วยการมีส่วน Help/FAQ ดังที่กล่าว หากคำถามเป็นเรื่องพื้นฐาน (เช่น วิธีฝาก ถอน หรือเหตุผลที่ออปชันหมดอายุราคาเท่าไร) ส่วนใหญ่หาเจอในคู่มือได้ ซึ่งประหยัดเวลาทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าเกิดปัญหาด้านการเงินหรือข้อขัดข้องเทคนิคขั้นสูง ก็ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่จริงๆ

สรุป ฝ่ายบริการลูกค้า Finteria ยังปรับปรุงได้อีก โดยเฉพาะเพื่อสร้างความไว้วางใจในฐานะโบรกเกอร์ใหม่—รีวิวด้านลบในเรื่องซัพพอร์ตอาจกลบความก้าวหน้าอื่นๆ ของแพลตฟอร์ม



เปรียบเทียบ Finteria กับคู่แข่ง

ตลาด Binary Options มีโบรกเกอร์จำนวนมาก แต่รายที่รู้จักกันดี ได้แก่ Pocket Option, Olymp Trade, Quotex, Binomo, และ IQ Option (รายหลังเลิกให้บริการในกลุ่ม CIS แต่ยังมีชื่อเสียงในประวัติการเทรด) เมื่อ Finteria เป็นโบรกเกอร์ใหม่ เทรดเดอร์จึงชอบนำไปเทียบกับเจ้าที่ลงหลักปักฐานแล้ว ด้านล่างคือภาพรวมจุดเด่นและจุดอ่อนของ Finteria เมื่อนำไปเทียบ 4 คู่แข่งหลัก:

Finteria vs Pocket Option

Pocket Option เป็นผู้นำในวงการตั้งแต่ปี 2017 ค่อนข้างโด่งดังในกลุ่มเทรดเดอร์ CIS, เอเชีย, และแม้แต่สหรัฐ (ซึ่งมีโบรกเกอร์รับลูกค้าสหรัฐไม่กี่เจ้า Pocket Option คือหนึ่งในนั้น) ลองเทียบกัน:

  • การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือ: ทั้งคู่จดทะเบียน Offshore Pocket Option ถือใบรับรอง IFMRRC และมี MSB ของ FinCEN (สำหรับธุรกรรมในสหรัฐ) แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับรัฐจริงๆ อย่างไรก็ดี Pocket Option อยู่มานาน มีฐานลูกค้าใหญ่มาก คะแนนรีวิวหลายแห่งก็สูง แม้มีคนโจมตีว่า “โกง” บ้างก็ตาม ส่วน Finteria ยังใหม่ คะแนนความเชื่อถือต่ำกว่าบน TrustPilot และยังไม่มีชื่อเสียงเท่า Pocket Option ดังนั้นฝั่ง Pocket Option เหนือกว่าด้วยประสบการณ์และชื่อเสียงระดับโลก
  • แพลตฟอร์ม: Pocket Option มีเว็บเทอร์มินัลพร้อมฟีเจอร์โซเชียล มีอินดิเคเตอร์ราว 30 ตัว (ไม่ถึง 80) และรองรับ MT5 เพื่อเทรด Forex ขณะเดียวกัน Finteria มีฟีเจอร์คล้ายกัน (Copy Trading, TradingView) อินเตอร์เฟซทั้งคู่ใช้สะดวก บางคนว่า Pocket Option มีบรรยากาศ “เกม” กว่า ด้วยระบบ Achievement, แชต, สัญลักษณ์บนกราฟ ทำให้รู้สึกสนุก ส่วน Finteria ดีไซน์เรียบมืออาชีพ สุดท้ายแล้วอยู่ที่รสนิยมผู้ใช้
  • สินทรัพย์และอัตราจ่าย: Pocket Option มีสินทรัพย์กว่า 100 รายการ ทั้งหุ้นหลากหลายและคริปโตมากมาย (มี OTC สุดสัปดาห์) อัตราผลตอบแทนสูงสุด ~92% (บางครั้งเกินในช่วง Happy Hour) Finteria มีราว 50+ รายการ พาวต์สูงสุด 90% บางที Pocket Option เสนอเรตดีกว่าเล็กน้อย ทั้งสองเน้นคริปโต แต่ Pocket Option เจาะตลาดนี้มานาน (เคยมีคริปโตของตัวเองด้วย) จึงแข็งแกร่ง
  • เงินฝากขั้นต่ำ: Pocket Option แค่ $10 (หรือ $5 ในบางช่องทาง/บางประเทศ) เทรดครั้งละ $1 ส่วน Finteria กำหนดฝาก $100 (ขั้นต่ำเทรด $1) ดังนั้น Pocket Option เหมาะกับมือใหม่งบน้อย บางหน้าเว็บไซต์ยังให้เทรดฟรี $1 ครั้งแรกด้วย (เสมือนโหมดโปรโมชั่น) ส่วน Finteria ก็มีเดโม่แต่ต้องสมัครก่อน
  • ฝาก/ถอน: Pocket Option มีช่องทางมากมาย บัตรเครดิต, e-Wallet (Skrill, Neteller), โอนธนาคาร, คริปโต 20+ เหรียญ ตลอดจนวิธีการท้องถิ่นหลายประเทศ Finteria เน้นคริปโตเป็นหลัก ผ่านตัวกลางแลกบัตรเป็น USDT Pocket Option จึงสะดวกกว่าในสาย Payment ทั่วไป ช่วงถอน Pocket Option ก็ภายใน 1 วัน ส่วน Finteria โฆษณา 1 ชม. แต่ก็ยังมีคนกังขา แม้ Pocket Option เคยโดนร้องเรียนบ้าง แต่โดยรวมจ่ายตามปกติ ขณะที่ Finteria ประวัติถอนยังไม่ชัด
  • ฟีเจอร์พิเศษ: Pocket Option ขึ้นชื่อเรื่องแข่งขันประจำวัน/สัปดาห์ แจก Achievement (ทำเควสแล้วได้โบนัส) มีสัญญาณและกลยุทธ์ รวมถึงชุมชนแออัด Finteria เองก็มี Copy Trading, แข่งขัน, โบนัสฝากก้อนโตราว 500% แต่ยังไม่มี “Gamification” เท่าที่ Pocket Option ทำ Pocket Option มักออกโค้ดโปรโมชัน 50% ขึ้นไป ส่วน Finteria เหมือนจะสูงกว่าตาม “กระดาษ”

บทสรุป: Pocket Option เป็นโบรกเกอร์ที่เติบโตและครบเครื่อง ส่วน Finteria เริ่มใหม่ มีฟีเจอร์ทันสมัย แต่ขาดความสะดวกเรื่องช่องทางชำระและชื่อเสียงในตลาด สายเทรดประสบการณ์มักเลือก Pocket Option ด้วยเชื่อมั่นมากกว่า แต่ Finteria ก็อาจจูงใจคนอยากลองโบนัสสูงหรือต้องการแพลตฟอร์มใหม่ หากรู้จักกระจายความเสี่ยง

Finteria vs Olymp Trade

Olymp Trade เป็นแบรนด์ Fixed Time Trade ที่ผู้คนคุ้นเคย เปิดตั้งแต่ปี 2014 เจาะตลาดทั่วโลกและเป็นสมาชิก Finacom ลองเทียบกัน:

  • สถานะการกำกับ: Olymp Trade ไม่มีใบอนุญาตจากรัฐ แต่เป็นสมาชิก Finacom (Category A) ที่คุ้มครองเงินลูกค้าได้ถึง 20,000 ดอลลาร์หากมีปัญหาใหญ่ๆ อีกทั้งมีใบอนุญาตวานูอาตู (VFSC) แม้จะไม่ได้เข้มข้นเท่าหน่วยงานยุโรป แต่ดีกว่าไม่มี ส่วน Finteria ไม่มีอะไรเลย Olymp Trade ดำเนินธุรกิจมาเกือบ 10 ปี บริการผู้ใช้หลายล้านราย รับใช้ตลาดเกิดใหม่ได้ดี Finteria ยังใหม่กว่ามาก จึงมีชั้นเชิงน่าเชื่อถือน้อยกว่า Olymp Trade
  • ผลิตภัณฑ์: เดิม Olymp Trade เทรด Fixed Time Trades เป็นหลัก แต่เพิ่มโหมด “Forex” ที่ถือออเดอร์ได้นานพร้อมเลเวอเรจ Finteria ก็มี Binary + CFD/Forex คล้ายกัน แต่นโยบาย Olymp เน้นความเรียบง่าย Finteria มีอินดิเคเตอร์เยอะผ่าน TradingView Olymp Trade ใช้ง่ายจนได้ชื่อเป็นแพลตฟอร์มมือใหม่ ในขณะที่ Finteria อาจเป็นทางเลือกนักวิเคราะห์เทคนิคเชิงลึกมากกว่า
  • อัตราจ่ายและเงื่อนไข: Olymp Trade มีตั้งแต่ 70–82% บัญชีปกติ จนถึง 90% ในระดับ VIP Finteria ให้สูงสุด 90% แก่ทุกคน ถ้า Finteria จ่าย ~90% ได้จริงๆ อาจเหนือกว่าบัญชีมาตรฐานของ Olymp แต่หลายคนมองว่า Olymp น่าเชื่อถือกว่าแม้อัตราจ่ายอาจน้อยลงเล็กน้อย
  • ยอดฝากขั้นต่ำ: Olymp Trade แค่ $10 เทรดขั้นต่ำ $1 เหมาะกับผู้เริ่มต้น ส่วน Finteria $100 ซึ่งสูงกว่าถึง 10 เท่า ถ้าใครอยากทดลองด้วยเงินน้อย Olymp ได้เปรียบ
  • สินทรัพย์: Olymp Trade มีราว 70 รายการ (ค่าเงิน, ดัชนี, หุ้นบางส่วน, คริปโต) Finteria บอกว่ามี 50+ อาจน้อยในหุ้น/ดัชนี แต่เน้นคริปโตมากกว่า สองเจ้าครอบคลุมตลาดหลักเหมือนกัน โดย Olymp ก็ขยับเพิ่มสินทรัพย์เรื่อยๆ
  • บริการและการเรียนรู้: Olymp Trade แข็งแกร่งเรื่องการฝึกสอน มีวิดีโอ, เว็บบินาร์, บล็อก ฯลฯ และฝ่ายช่วยเหลือหลายภาษา 24 ชม. ชื่อเสียงเรื่องดูแลลูกค้าดี ส่วน Finteria อยู่ในระยะแรก มีเนื้อหาสอนแต่ไม่มากเท่า บริการลูกค้าก็ยังขาด จากที่เห็น

บทสรุป: Olymp Trade เป็นแบรนด์ใหญ่ ประสบการณ์สูง และผู้คนเชื่อถือในระดับที่รับได้ Finteria อาจโดดเด่นที่โบนัสสูง, อัตราจ่ายสูง, และเน้นคริปโต แต่คนส่วนใหญ่อาจมอง Olymp Trade ว่าน่าเชื่อถือกว่า ถ้าคุณต้องการฟีเจอร์อย่าง Copy Trading ที่ Olymp ไม่มี Finteria อาจน่าสนใจ แต่ถ้าให้เทียบความมั่นคง Olymp ชนะ

Finteria vs Quotex

Quotex เป็นโบรกเกอร์ใหม่ (ปี 2019) ที่มาแรงด้วยความเรียบง่ายและเงื่อนไขที่ดี หลายคนยกให้เป็นดาวรุ่ง ลองเทียบกัน:

  • การกำกับดูแล: Quotex ดำเนินการโดย Awesomo LTD (Seychelles) สถานะ Offshore ไม่มีใบอนุญาตเช่นกัน แต่ Quotex มีผู้ใช้งานมาก และรีวิวส่วนใหญ่ค่อนข้างดี ไม่ค่อยมีปัญหาอื้อฉาวการจ่ายเงินล่าช้า ส่วน Finteria ยังไม่เคยแสดงศักยภาพมากนัก Quotex เลยได้เปรียบด้านความน่าเชื่อถือเพราะภาพรวมดีกว่า
  • แพลตฟอร์ม: Quotex มีเว็บเทอร์มินัลที่เบาและเร็ว มีอินดิเคเตอร์ ~15–20 ตัว เช่น RSI, MA, MACD ผู้ใช้ชอบความไว ส่วน Finteria ใช้ TradingView ที่หนักกว่ามีอินดิเคเตอร์เพียบ (80+) Quotex ไม่มี MT5 ส่วน Finteria มี MT5 สำหรับ CFD ถ้าคุณต้องการความเรียบง่าย Quotex แพล็ตฟอร์มไว ถ้าต้องการเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึก Finteria เหมาะกว่า
  • อัตราจ่าย: Quotex เด่นจ่ายสูง 85–95% บางครั้งสูงถึง 98% ซึ่งถือว่ามากที่สุดในตลาด ส่วน Finteria ประมาณ 80–90% หากอยากได้กำไรต่อดีลสูงสุด Quotex ได้เปรียบ เช่น EUR/USD ที่ Quotex ให้ 90% ส่วน Finteria อาจ 85%
  • ขั้นต่ำ: Quotex ฝาก $10 เทรด $1 Finteria ฝาก $100 เทรด $1 แน่นอน Quotex เข้าถึงง่ายกว่า
  • วิธีชำระเงิน: Quotex มีหลายช่องทาง (บัตร, e-wallet, คริปโต) ส่วน Finteria เน้นคริปโตเท่านั้น Quotex สะดวกกว่าสำหรับคนใช้งานทั่วไป
  • ฟีเจอร์เด่นอื่นๆ: Quotex เน้นความเร็ว อัตราจ่ายสูง ไม่มี Copy Trading, ขณะที่ Finteria มีคัดลอกเทรด ทัวร์นาเมนต์ โบนัสสูง Quotex มีโบนัสฝาก 30–50% ส่วน Finteria กล่าวว่าถึง 500% จุดแข็งของ Quotex คือความเสถียรในการให้บริการและ UI ง่าย ส่วน Finteria ยังต้องการเสริมฝ่ายบริการลูกค้า

บทสรุป: ทั้งคู่เป็นโบรกเกอร์ยุคใหม่ Quotex ชื่อเสียงแข็งแรงกว่า (จัดว่า “มาแรง”) ส่วน Finteria เน้นฟีเจอร์เพิ่ม (Copy Trading, อินดิเคเตอร์ TradingView) นักเทรดที่อยากได้อัตราจ่ายสูงสุด อาจชอบ Quotex แต่ถ้าอยากได้ Copy Trading และไม่ติดเรื่องฝาก $100 Finteria อาจเหมาะ องค์รวมยังพบว่า Quotex ได้ความน่าเชื่อถือมากกว่า

Finteria vs Binomo

Binomo เป็นโบรกเกอร์รุ่นเก่า (2015) ที่คนรู้จักเยอะในรัสเซีย อินเดีย และ SEA เป็นผู้บุกเบิก FTT มาดูความต่าง:

  • สถานะ: Binomo อยู่ใน Finacom (Category A) ได้รับรางวัลด้านคุณภาพหลายอย่าง แต่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับรัฐ ชื่อเสียงผสมมีทั้งคนติดใจและคนบ่นเรื่องปิดบัญชี ทว่า Binomo เปิดมาหลายปีและยังคงให้บริการ ซึ่งสะท้อนว่ารองรับลูกค้าส่วนใหญ่ได้ ในขณะที่ Finteria ยังใหม่กว่าและยังพิสูจน์ตนเองไม่มาก
  • แพลตฟอร์ม: Binomo มีเทอร์มินัลที่ใช้ไม่ยาก อินดิเคเตอร์ไม่มาก (10 ชนิด) แต่มีจุดขายคือ ทัวร์นาเมนต์จัดถี่ ทั้งฟรีและเสียค่าสมัครพร้อมเงินรางวัล ส่วน Finteria ก็มีทัวร์นาเมนต์ แต่อาจไม่เยอะเท่า Binomo สำหรับสายวิเคราะห์ขั้นสูง Binomo ดูน้อยในเครื่องมือ ส่วน Finteria ใส่ TradingView
  • เงื่อนไขการเทรด: Binomo ผลตอบแทนส่วนใหญ่ 70–87% บัญชีปกติ สูงถึง 90% ในระดับ VIP มีโหมด OTC สุดสัปดาห์ อัตราจ่ายของ Finteria สูงสุด ~90% จึงไม่ต่างกันมาก Binomo ฝากขั้นต่ำแค่ $10 เทรด $1 ส่วน Finteria ฝาก $100
  • โบนัส: Binomo ให้โบนัสฝากราว 25–100% ไม่มีโบนัสไม่ต้องฝาก (เว้นแคมเปญพิเศษ) บัญชี VIP อาจได้ Cashback ขณะที่ Finteria บางทีอาจให้สูงถึง 500% (บนกระดาษ) Binomo มีระบบคืนเงิน VIP หรือเทรดประกัน Finteria ไม่ได้ระบุเรื่องนี้
  • ชุมชน: Binomo เก่าแก่กว่า มีแหล่งข้อมูลและกลุ่มเทรดเดอร์มาก Finteria ยังไม่บูมมาก ใครอยากหาวิดีโอหรือสัญญาณบน YouTube จะเจอ Binomo เยอะกว่า Finteria

บทสรุป: Binomo ยึดตลาดเกิดใหม่มานาน มีแบรนด์แข็ง แม้เสียงบวก/ลบผสมกัน แต่ยังเป็นทางเลือกยอดนิยม ส่วน Finteria เน้นเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ข้อแตกต่างหลักคือ Finteria เด่นเรื่อง Copy Trading, อินดิเคเตอร์มาก ส่วน Binomo เล่นง่าย ได้แข่งขันถี่ มีชื่อเสียงมากกว่า นักเทรดมากประสบการณ์ที่ใช้ Binomo อาจไม่ได้อยากย้ายเว้นแต่เห็นผลประโยชน์เด่นชัดจาก Finteria

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติสำคัญของโบรกเกอร์

เพื่อความสะดวก นี่คือตารางสรุปเทียบ Finteria กับคู่แข่งหลักในประเด็นสำคัญ:

เกณฑ์ Finteria Pocket Option Olymp Trade Quotex Binomo
ปีที่ก่อตั้ง 2020 2017 2014 2019 2015
การกำกับดูแล ไม่มี (SVG) ไม่มี (Offshore, IFMRRC) ไม่มี (Finacom, VFSC) ไม่มี (Offshore) ไม่มี (Finacom)
ฝากขั้นต่ำ $100 $10 (บางครั้ง $5) $10 $10 $10
เทรดขั้นต่ำ $1 $1 $1 $1 $1
อัตราผลตอบแทนสูงสุด 90% 92% (สูงถึง ~95% OTC) ~90% (VIP) 95%+ ~90% (VIP)
จำนวนสินทรัพย์ ~50+ (Forex, คริปโต, สินค้าโภคภัณฑ์) 100+ (รวมถึงหุ้น, OTC คริปโต) ~70 (Forex, ดัชนี, หุ้น) ~100 (Forex, คริปโต, หุ้น) ~70 (Forex, หุ้น, ดัชนี)
แพลตฟอร์ม เว็บ (TradingView), MT5, แอปมือถือ เว็บ, MT5, มือถือ (สัญญาณ, โซเชียล) เว็บ, มือถือ (พัฒนาเอง) เว็บ, มือถือ (เรียบง่าย) เว็บ, มือถือ (พัฒนาเอง)
Copy/Social Trading มี (built-in) มี (ฟีเจอร์โซเชียล, Copy) ไม่มี (มีเฉพาะวิเคราะห์) ไม่มี ไม่มี
โบนัส ฝาก (สูงถึง 500%), โบนัสไม่ต้องฝาก $50, แข่งขัน ฝาก (สูงถึง ~100%), โค้ดโปรโมชัน, ทัวร์นาเมนต์ ไม่มีบ่อย (บางครั้ง), VIP เสนอเทรดปลอดภัย ฝาก (30–50%) ฝาก (สูงถึง 100%), VIP cashback, ทัวร์นาเมนต์
ฝาก/ถอน คริปโต (USDT, BTC, TRX), บัตรผ่านแลกเป็น USDT; ถอนเป็นคริปโต เป้าหมาย 1 ชม. หลากหลาย: บัตร, e-wallet, คริปโต 20+, 0–3 วัน บัตร, e-wallet, โอนธนาคาร (แตกต่างตามประเทศ); 1–2 วัน บัตร, คริปโต, e-wallet; ~1 วัน บัตร, e-wallet, ช่องทางท้องถิ่น; 1–3 วัน
ฝ่ายสนับสนุน อีเมล, แชต 24/7 (ตอบช้า), Telegram (RU) อีเมล, แชต 24/7, โทร, โซเชียล (ตอบไว) แชต 24/7 (หลายภาษา), อีเมล, โทร, โซเชียล (คุณภาพสูง) แชต 24/7, อีเมล (ตอบได้ดี) แชต 24/7, อีเมล (หลายภาษา)
ชื่อเสียง/คะแนน TrustPilot 2.6/5 (ต่ำ), รีวิวไม่มาก; หน่วยงานยูเครนขึ้นบัญชีดำ TP ~4/5 (คละ แต่โดยรวมดี), ฐานผู้ใช้ใหญ่ แบรนด์แข็งในเอเชีย, Finacom, ภาพรวมบวก TP ~4/5, เป็นที่นิยมกับเทรดเดอร์ใหม่ เป็นที่รู้จักกว้าง, เสียงแตก แต่คนรู้จักเยอะ
จุดขายเฉพาะ เน้นคริปโต, อินดิเคเตอร์ 80+, แพลตฟอร์มใหม่ มี Gamification (Achievements), โซเชียล, รับลูกค้า US สื่อการสอนจัดเต็ม, ใช้ง่าย, 2 โหมด (ออปชัน+ฟอเร็กซ์) อัตราจ่ายสูง, อินเทอร์เฟซเร็ว ทัวร์นาเมนต์ถี่, เรียบง่าย, ดังในตลาดเกิดใหม่

หมายเหตุ: ข้อมูลอัตราจ่ายและคะแนนรีวิวอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเวลาผ่านไป ข้อมูลนี้อัปเดตถึงต้นปี 2025

ตารางข้างบนแสดงภาพรวมว่า Finteria เทียบกับโบรกเกอร์ชั้นนำอย่างไร ชัดเจนว่าแต่ละรายก็มีจุดเด่นต่างกัน: บ้างเน้นบริการและความน่าเชื่อถือ (Olymp, Binomo), บ้างเน้นอัตราจ่ายสูง/ความง่าย (Quotex) หรือฟีเจอร์จุใจพร้อมโบนัส (Pocket Option) สำหรับ Finteria พยายามชูแพลตฟอร์มสมัยใหม่และฟังก์ชันหลากหลาย แต่ยังต้องพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ

ข้อดีและข้อเสียของ Finteria

หลังวิเคราะห์อย่างละเอียด นี่คือภาพรวมข้อดี-ข้อเสียของ Finteria:

ข้อดีของ Finteria:

  • ขนาดเทรดต่ำ: เริ่มเทรด Binary Options ได้ด้วยยอดแค่ $1 ช่วยบริหารความเสี่ยงและทดลองกลยุทธ์ด้วยเงินเล็ก
  • อัตราผลตอบแทน Binary สูง: สูงสุด 90% หากชนะ ถือว่าใกล้เคียงโบรกเกอร์แนวหน้าหลายเจ้า เทรดเดอร์สามารถเกือบเท่าตัวจากการทำนายถูกในสินทรัพย์ยอดนิยม
  • อินดิเคเตอร์เทคนิคหลากหลาย: ผสาน TradingView ได้อินดิเคเตอร์กว่า 80 ตัว มากกว่าหลายคู่แข่ง ตอบโจทย์สายวิเคราะห์ลึก
  • สินทรัพย์หลากหลาย โดยเฉพาะคริปโต: Finteria เสนอตั้งแต่ค่าเงิน, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโตมากมาย (BTC, ETH, LTC ฯลฯ) เทรดได้ 24/7 เหมาะสำหรับคนชอบเทรดวันหยุดหรือดึกๆ
  • ผสม Binary กับ Forex/CFD: ทำในแพลตฟอร์มเดียว อยากเทรดระยะสั้นแบบ Fixed Time หรือเทรดเลเวอเรจได้ถึง 1:500 ก็เลือกได้ สะดวกไม่ต้องสลับโบรกเกอร์
  • Copy Trading และโซเชียล: มีระบบคัดลอกเทรดเดอร์เก่ง และฟีเจอร์โซเชียล เหมาะกับมือใหม่ที่อยากตามเซียน และเซียนก็ได้ค่าคอมฯ
  • โปรแกรมโบนัสและการแข่งขัน: มีโบนัสฝากก้อนโต (บางครั้งหลายร้อยเปอร์เซ็นต์) โบนัสไม่ต้องฝาก $50 และทัวร์นาเมนต์เป็นประจำ อาจช่วยสร้างทุนโดยไม่ต้องลงเงินก้อนใหญ่
  • ฝากถอนผ่านคริปโตรวดเร็ว: USDT/BTC/TRX ทำธุรกรรมได้ไว บอกว่าอาจถอนเสร็จใน 1 ชม. ไม่มีค่าธรรมเนียมภายใน (แต่ยังมีค่าบล็อกเชน)
  • บัญชีเดโม่ $10k ไม่จำกัด: เทรดทดลองได้ไม่อั้น ช่วยให้ฝึกมือและทดสอบกลยุทธ์อย่างปลอดภัย
  • เทอร์มินัลใช้งานง่าย: อินเทอร์เฟซเป็นมิตร เข้าถึงเครื่องมือได้ง่าย มีเว็บ/แอปมือถือพร้อมฟีเจอร์เสียงแจ้งเตือน นับถอยหลัง ปรับแต่งได้
  • วัสดุการศึกษา: มีบทความ, เว็บบินาร์, คลังความรู้ โบรกเกอร์ยังให้เคล็ดลับกลยุทธ์/วิเคราะห์ตลาด ช่วยเทรดเดอร์ให้ทำกำไรระยะยาว

ข้อเสียของ Finteria:

  • ไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ยอมรับ: ข้อเสียใหญ่คือไม่ถูกกำกับดูแล ผู้ใช้จึงไม่มีหลักประกันเงินทุน หากโบรกเกอร์มีปัญหา ก็ไม่มีรัฐคอยดูแล นี่เป็นเหตุให้หน่วยงานบางประเทศใส่ใน “บัญชีดำ”
  • ประวัติเปิดไม่นาน: เพิ่งเปิดปี 2020 ยังไม่ผ่านการทดสอบเวลายาวนาน เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ที่อยู่มานานย่อมน่าเชื่อถือมากกว่า
  • ภาพลักษณ์รีวิวผู้ใช้ยังดูไม่ดี: มีรีวิวลบบางส่วนเรื่องไม่จ่ายเงินหรือซัพพอร์ตไม่ตอบ คะแนน TrustPilot อยู่ราว 2.6/5 สะท้อนปัญหาในการถอนหรือบริการที่ไม่ดี
  • ฝ่ายซัพพอร์ตอ่อน: ผู้ใช้บางคนระบุว่าช่องแชตมักไม่ตอบ อีเมลก็ไม่ได้รับคำตอบทันเวลา ถือเป็นจุดลบสำหรับโบรกเกอร์ที่ต้องมีระบบช่วยเหลือเร่งด่วน
  • วิธีจ่ายเงินจำกัด (เน้นคริปโต): ใครไม่ถนัดคริปโตจะลำบาก ต้องแลก USDT ผ่านตัวกลาง ไม่มีบัตรธนาคารหรือ e-wallet ยอดนิยม ซึ่งคู่แข่งบางรายมี ทำให้ใช้งานยาก
  • ฝากขั้นต่ำ $100: แม้ไม่สูงเกิน แต่แพงกว่าหลายเจ้า (ที่ตั้ง 10–50 ดอลลาร์) อาจขัดใจมือใหม่
  • ไม่รองรับบางประเทศ: ลูกค้า EU, US, UK, และที่กฎหมายห้าม Binary เข้าไม่ได้ ทำให้ตลาดจำกัด
  • ไม่มีโปรแกรมเดสก์ท็อป (นอกจากเว็บ): เทรดต้องใช้เว็บเบราว์เซอร์หรือ MT5 (สำหรับ CFD) ถ้าใครอยากได้แพลตฟอร์ม Binary แบบแอป PC โดยตรงก็ไม่มี (เทียบกับ IQ Option ที่มีแอปเฉพาะ)
  • ความเสี่ยงสูงตามธรรมชาติของ Binary Options: ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะ Finteria แต่ Binary เป็นผลิตภัณฑ์เสี่ยงมาก สถิติว่าคนส่วนใหญ่ขาดทุน การเทรด 30 วินาทีคล้ายพนัน ต้องใช้วินัยสูง โอกาสเสียทุนเร็วมาก

บทสรุป: ควรเลือก Finteria หรือไม่?

Finteria พยายามสร้างจุดยืนในตลาด Binary Options และ Forex รายย่อย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และแรงจูงใจ (โบนัส อัตราผลตอบแทนสูง, Social Trading) ในระยะเวลาสั้นๆ โบรกเกอร์ได้เพิ่มฟีเจอร์หลากหลายที่เทียบเคียงคู่แข่งใหญ่ หรืออาจมากกว่าในบางส่วน รีวิวแรกๆ ก็ระบุว่าแพลตฟอร์มสะดวก ฟังก์ชันครบ เช่น TradingView, Copy Trading, รองรับคริปโต ซึ่งอาจโดนใจเทรดเดอร์มือฉมังที่ไม่กลัวใช้โบรกใหม่

แต่อีกด้านก็มีความเสี่ยง: โบรกเกอร์ไม่ได้ถูกกำกับ เกิดคำถามว่าปลอดภัยหรือไม่ บางรีวิวร้องเรียนเรื่องถอนเงินและฝ่ายสนับสนุนอยู่แล้ว นักวิเคราะห์อิสระเตือนว่าอาจมีความไม่แน่นอน ไม่มีอะไรการันตีว่าทุกคนจะเจอปัญหา—หลายคนอาจเทรดถอนปกติได้ แต่ก็ต้องยอมรับ Finteria เป็นตัวเลือกความเสี่ยงสูง ควรใช้ความระมัดระวัง

Finteria เหมาะกับใคร?

  • เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์และต้องการกระจายพอร์ต: หากคุณใช้ Pocket Option หรือ Quotex อยู่แล้ว อาจเปิดบัญชีเล็กๆ กับ Finteria เพื่อทดลองฟีเจอร์ใหม่ (เช่น คริปโตบางตัว หรือ Copy Trading) โดยลงทุนเท่าที่พร้อมรับความเสี่ยง หากเกิดปัญหาก็ไม่ส่งผลกระทบมาก
  • ผู้เชี่ยวชาญคริปโต: Finteria ทำงานแบบคริปโตเป็นหลัก ทั้งฝาก/ถอนก็ผ่าน USDT/BTC/TRX ตลอด 24/7 ยิ่งใครถนัดวอลเล็ตคริปโตและชอบเก็งกำไรคริปโตอาจเห็นว่าเหมาะ
  • เทรดเดอร์ที่หวังผลตอบแทนหรือโบนัสสูง: การได้โบนัส+90% ของออปชัน อาจเหมาะกับคนที่อยากขยายพอร์ตไวๆ (แต่ก็เสี่ยง) Finteria เสนอโบนัสเยอะ สำหรับสายล่าโปรฯ
  • คนชอบสังคมหรือการแข่งขัน: Finteria มีทัวร์นาเมนต์, คอมมิวนิตี้, และ Copy Trading ให้ทำมากกว่าแค่เทรดเอง อาจสนุกและได้เรียนรู้จากผู้อื่น

ใครควรระวังหรือเลี่ยง?

  • มือใหม่ไม่มีประสบการณ์: Binary Options เสี่ยงมาก บวกกับโบรกใหม่ที่ความน่าเชื่อถือต่ำ อาจเพิ่มความยาก แนะนำเริ่มที่โบรกเกอร์คุ้นเคยหรือฝึกเดโม่ยาวๆ ก่อน ถ้าจะลองจริงๆ ก็ลงทีละน้อย
  • นักเทรดที่ต้องการความมั่นคงสูง: ถ้าให้ความสำคัญกับหลักประกันเงินทุน Finteria อาจไม่ใช่ตัวเลือก ลองหันหาโบรก Forex/CFD ที่ถูกกำกับ หรือโบรก Binary เจ้าใหญ่ที่มีชื่อเสียงมากกว่า
  • ผู้ไม่ถนัดคริปโต: ถ้าคุณอยากโอนเงินผ่านบัตร/e-Wallet ธนาคารสะดวกๆ Finteria อาจยุ่งยาก เพราะต้องแปลงเป็น USDT ก่อน แนะนำหาโบรกที่รองรับช่องทางธรรมดาดีกว่า
ภาพรวม Finteria ตามเกณฑ์หลัก

สุดท้ายแล้ว การเลือกโบรกเกอร์คือการชั่งระหว่างโอกาสและความเสี่ยง Finteria เปิดช่องให้ทำกำไรไว แต่ก็มีความเสี่ยงทั้งจากตลาดและความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ เราได้สรุปข้อมูล ครอบคลุมรีวิวจากผู้ใช้และการเปรียบเทียบกับเจ้าอื่น เพื่อให้เห็นภาพชัด

การเทรด Forex และ Binary Options มีความเสี่ยงสูง ข้อมูลบ่งชี้ว่าประมาณ 70–90% ของผู้เทรดสูญเสียเงินในกระบวนการเทรด ความรู้เฉพาะทางเป็นสิ่งจำเป็น หากต้องการสร้างกำไรที่ต่อเนื่อง ก่อนเริ่มต้นควรเรียนรู้กลไกอย่างดี และพร้อมรับโอกาสขาดทุนทางการเงิน อย่าเสี่ยงด้วยเงินที่จะส่งผลต่อการดำรงชีวิตเมื่อเสียไป


Igor Lementov
Igor Lementov - ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิเคราะห์ที่ Best-Binary.com


บทความที่อาจช่วยคุณได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด: 0
avatar