BitMEX: รีวิวแบบละเอียดของแพลตฟอร์มเทรดคริปโตและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ (2025)
BitMEX เป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ได้รับความสนใจจากทั้งมือใหม่และมือโปร แต่ก่อนจะลงลึกในรายละเอียด ควรเข้าใจก่อนว่าที่นี่ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่เหมาะกับทุกคน ในสายตาผู้เริ่มต้น อินเทอร์เฟซและฟีเจอร์อาจดูซับซ้อน แต่หากเข้าใจแนวทางใช้งานแล้ว BitMEX ก็กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังได้ ส่วนคนที่มีประสบการณ์จะยิ่งเปิดขอบเขตใหม่ ๆ ในการเทรด โดยเฉพาะการเทรดมาร์จิ้น
BitMEX โดดเด่นด้วยการเทรดมาร์จิ้นที่มีเลเวอเรจสูงถึง 100x ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่อาจกลายเป็นหลุมพรางได้เช่นกัน หากไม่เข้าใจระบบดีพอ คุณอาจเจอความเสี่ยงสูง ดังนั้น ต้องรู้จักจัดการเงินทุนอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ BitMEX ยังให้บริการ Spot และ Staking ซึ่งตอบโจทย์นักเทรดที่มองหารูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนตั้ง แล้วเงินทุนของเราจะปลอดภัยแค่ไหน? เราจะเจาะลึกทีละประเด็น
บทความนี้จะพาคุณศึกษาขั้นตอนตั้งแต่เริ่มสมัครและยืนยันตัวตน ไปจนถึงการฝาก-ถอน และการเทรดแรกบน BitMEX ประเด็นสำคัญอย่าง ค่าธรรมเนียม การเลือกคู่เทรด เราได้สรุปไว้ให้อ่านง่าย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเทียบ BitMEX กับแพลตฟอร์มอื่นเพื่อให้คุณเห็นภาพรวมที่ครบถ้วน
การเทรดคริปโตอาจฟังดูยากในตอนแรก แต่ถ้าคุณเตรียมพร้อมให้ดี จะพบว่ามันเป็นกิจกรรมที่ทั้งท้าทายและสามารถจัดการได้ เรามาเจาะดูศักยภาพของ BitMEX ไปพร้อม ๆ กันเลย!
สารบัญ
- BitMEX คืออะไร และทำงานอย่างไร?
- โครงสร้างค่าธรรมเนียมของ BitMEX: สิ่งที่ต้องรู้
- BitMEX มีความปลอดภัยแค่ไหน?
- เหรียญและคู่เทรดที่มีบน BitMEX
- วิธีสมัคร BitMEX: คู่มือแบบง่าย
- การยืนยันตัวตน (KYC) บน BitMEX: ทำไมถึงสำคัญ?
- วิธีฝากและถอนเงินบน BitMEX
- ฟีเจอร์เด่นของ BitMEX: จุดที่น่าสนใจ
- Spot และ Margin Trading บน BitMEX
- Staking บน BitMEX: สร้างรายได้แบบพาสซีฟจากคริปโต
- Futures Trading บน BitMEX
- โทเค็น BMEX: วิธีใช้งานและข้อดี
- BitMEX เทียบกับคู่แข่ง: ความแตกต่างที่ควรรู้
- โปรแกรม Referral ของ BitMEX: แชร์และรับรายได้
- รีวิวนักเทรดเกี่ยวกับ BitMEX: ผู้ใช้พูดว่าอย่างไร?
BitMEX คืออะไร และทำงานอย่างไร?
เคยสงสัยไหมว่าทำไมนักเทรดบางคนถึงมีกำไรแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน? BitMEX (Bitcoin Mercantile Exchange) คือแพลตฟอร์มที่ไม่ใช่แค่การซื้อขายคริปโตทั่วไป แต่ยังเปิดโอกาสในด้าน “อนุพันธ์” (Derivatives) เพื่อเสริมศักยภาพการเทรดมากขึ้น เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2014 เดิมทีเจาะกลุ่มเทรดเดอร์ชำนาญ แต่ตอนนี้ขยายขอบเขตการใช้งานได้กว้างขวางขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จบนแพลตฟอร์มนี้ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในความเสี่ยงและการตัดสินใจอย่างมีสติ
จุดเด่นหลักของ BitMEX
- เทรดมาร์จิ้น: ใช้เลเวอเรจได้สูงสุดถึง 100x สำหรับ Bitcoin และสูงสุด 50x สำหรับเหรียญอื่น ๆ ควรจำไว้ว่ายิ่งเลเวอเรจสูง โอกาสกำไรก็สูงตาม แต่ความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นมหาศาล
- ตราสารอนุพันธ์หลากหลาย: มีทั้ง Perpetual Swap, Futures และ Options ทำให้วางกลยุทธ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเก็งกำไรระยะสั้นหรือลงทุนระยะยาว
- การชำระเงินด้วย Bitcoin: ไม่ว่าจะเทรดเหรียญไหน สุดท้ายจะคิดคำนวณผลกำไร-ขาดทุนด้วย Bitcoin ถือว่าตอบโจทย์ผู้ที่ให้ความสำคัญกับ BTC เป็นหลัก
- โฟกัสเฉพาะคริปโต: ไม่มีการซื้อขายด้วยเงิน Fiat ทำให้เหมาะกับผู้มีประสบการณ์ แต่มือใหม่อาจต้องปรับตัวมากขึ้น
BitMEX ทำงานอย่างไร?
BitMEX เน้นไปที่อนุพันธ์ หากคาดว่าราคาบิตคอยน์จะขึ้นก็เปิด Long ถ้าคิดว่าจะลงก็เปิด Short ส่วนเลเวอเรจจะช่วยขยายขนาดสัญญาที่เทรดได้ แต่ต้องระวัง หากตลาดวิ่งสวนทางอย่างรุนแรง อาจถูก Liquidation และเสียเงินลงทุนทั้งหมด
แพลตฟอร์มมีคำสั่งซื้อขายหลายแบบ เช่น Market, Limit, Stop เป็นต้น กรณี Limit Order จะกำหนดราคาที่ต้องการซื้อ/ขาย ส่วน Market Order จะจับคู่ทันทีตามราคาตลาด สำหรับมือใหม่ แนะนำให้ลอง TestNet ซึ่งเป็นโหมดทดลองที่ใช้เงินปลอมในการฝึกเทรด เสมือนเป็น “สนามซ้อม” ให้คุณคุ้นเคยก่อนลงเงินจริง
ข้อดีและข้อจำกัดของ BitMEX
- ข้อดี:
- เลเวอเรจสูง เปิดโอกาสกำไรจำนวนมาก หากบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
- เครื่องมือระดับมืออาชีพ เช่น อนุพันธ์หลากหลายชนิด
- Maker ได้ Rebate ช่วยลดต้นทุนค่าธรรมเนียม
- ข้อเสีย:
- ไม่มีบริการ Fiat ทำให้มือใหม่อาจลำบากในการเข้าถึง
- อินเทอร์เฟซมีความซับซ้อน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยการเทรดอนุพันธ์
- เลเวอเรจสูงนำมาซึ่งความเสี่ยงขาดทุนหนัก
BitMEX ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือของมือโปรเท่านั้น แต่เหมือนรถซูเปอร์คาร์ ที่ใครขับเป็นและเข้าใจเครื่องยนต์ก็จะใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า หากคุณยังเป็นมือใหม่ แนะนำให้ลองขับในสนามซ้อม (TestNet) ทดสอบฟังก์ชัน การลงสนามจริงแบบค่อยเป็นค่อยไปจะสร้างความมั่นใจและลดโอกาสทำพลาดได้
โครงสร้างค่าธรรมเนียมของ BitMEX: สิ่งที่ต้องรู้
ค่าธรรมเนียมคือปัจจัยสำคัญในการคำนวณกำไร-ขาดทุนของการเทรดคริปโต BitMEX ใช้โมเดล Maker-Taker ถ้าคุณสร้างสภาพคล่อง (Maker) คุณจะได้รับ Rebate แต่ถ้าคุณเทรดทันที (Taker) จะเสียค่าธรรมเนียม ลองมาดูรายละเอียดว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร
ค่าธรรมเนียมตลาด Spot
- Maker: ได้รับ Rebate 0.025% เพื่อจูงใจให้สร้างสภาพคล่อง คิดเสียว่าเป็น ‘ค่าเสียเวลาช่วยตลาด’
- Taker: เสีย 0.075% เพราะเป็นการเข้ามาเทรดด้วยราคาในตลาดปัจจุบัน เหมือนคุณซื้อความสะดวกรวดเร็ว
ค่าธรรมเนียมตลาด Derivatives
- Maker: รับ Rebate 0.01% จากการตั้งคำสั่งล่วงหน้า ช่วยให้ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้น
- Taker: เสีย 0.05% สำหรับคำสั่งที่จับคู่ทันที ถือเป็นค่าธรรมเนียมมาตรฐานสำหรับความสะดวกในการเทรด
อย่างไรก็ตาม อัตราค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจปรับเปลี่ยนตามประเภทสัญญาและปริมาณเทรด ทั้งนี้ BitMEX มีการอัปเดตเงื่อนไขเป็นระยะ ถ้าคุณเทรดปริมาณมาก อาจได้สิทธิพิเศษในกลุ่ม VIP ที่ช่วยลดค่าธรรมเนียมได้อีก
วิธีประหยัดค่าธรรมเนียม
ผู้ใช้ BitMEX สามารถลดต้นทุนได้ด้วยหลายวิธี เช่น:
- Staking BMEX Token: ถ้าถือและ Stake โทเค็น BMEX คุณอาจได้ส่วนลดค่าธรรมเนียม ขึ้นกับจำนวนที่ Stake เช่น มีนักเทรดบางคนบอกว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เกือบ 20% ผ่านฟีเจอร์นี้
- โปรแกรม VIP: สำหรับใครเทรดโวลุ่มสูง อาจได้สิทธิพิเศษอย่างค่าธรรมเนียมถูกลง เครื่องมือขั้นสูง ฯลฯ
- Maker Incentive Program: โปรแกรมจูงใจให้วางคำสั่ง Maker โดยอาจมีโบนัสรายเดือน หากคุณตั้งคำสั่งทำให้ตลาดมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น
เทคนิคต่าง ๆ สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น คุณอาจ Stake BMEX และเข้าร่วมโปรแกรม Maker พร้อมกัน เพื่อลดต้นทุนโดยรวม
ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ
BitMEX ไม่คิดค่าธรรมเนียมการฝากและถอนเงิน แต่ถ้าเป็นการถอน Bitcoin คุณต้องจ่ายค่าเครือข่าย (Network Fee) ซึ่งขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของบล็อกเชน ณ ขณะนั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปในโลกคริปโต
การเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียม จะช่วยให้คุณวางแผนเทรดได้ดีขึ้น สำหรับนักเทรดที่มีความถี่สูง การประหยัดเล็กน้อยต่อการเทรดอาจกลายเป็นกำไรที่จับต้องได้เมื่อมองภาพรวม
BitMEX มีความปลอดภัยแค่ไหน?
ในโลกของการเทรดคริปโต เรื่องความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง BitMEX เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2014 และมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงสำหรับผู้ใช้อย่างเข้มงวด มาลองดูว่ามีอะไรบ้าง
ระบบจัดเก็บเงินหลายชั้น (Multi-Signature Cold Wallet)
BitMEX เก็บเงินส่วนใหญ่อยู่ใน Cold Wallet ที่ใช้การเซ็นหลายชุด เปรียบเหมือนตู้เซฟที่ต้องใช้กุญแจหลายดอกเปิดพร้อมกัน วิธีนี้ลดโอกาสถูกแฮกอย่างมาก เพราะการโจมตีเพียงจุดเดียวไม่พอ
การจัดการกุญแจเข้ารหัส
คีย์เข้ารหัสหลายส่วนจะถูกเก็บไว้แยกกัน ถึงแม้บางส่วนโดนเจาะ ระบบก็ยังไม่ถูกเจาะทั้งหมด เหมือนจิ๊กซอว์ที่คุณต้องได้ทุกชิ้นถึงจะต่อรูปภาพได้สมบูรณ์
ความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน
BitMEX ใช้เทคโนโลยีของ Amazon Web Services (AWS) และมีการควบคุมการเข้าถึงหลายชั้น แม้ระบบแพลตฟอร์มจะแข็งแกร่ง แต่ผู้ใช้อย่างเราก็ต้องระวังตัวเองด้วย ทั้งเรื่องรหัสผ่าน การใช้งาน 2FA ฯลฯ
ยืนยันตัวตนแบบสองขั้น (2FA)
เป็นวิธีป้องกันขั้นพื้นฐาน แต่มีประสิทธิภาพสูง แม้คนอื่นจะรู้รหัสผ่านคุณ แต่เขาก็ยังต้องใช้โค้ดจากมือถือหรืออุปกรณ์อื่นมาเข้าระบบอีกขั้น BitMEX แนะนำให้เปิด 2FA เพื่อเสริมความปลอดภัย
ตรวจสอบความปลอดภัยและแจ้งเตือน
BitMEX ผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยสม่ำเสมอ เหมือนรถยนต์ที่ตรวจสภาพตามระยะ เพื่อป้องกันปัญหาใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนเมื่อบัญชีคุณมีการล็อกอินหรือกิจกรรมที่ผิดปกติ เพื่อให้คุณดำเนินการป้องกันได้ทัน
เหรียญและคู่เทรดที่มีบน BitMEX
แต่เดิม BitMEX เน้นการเทรดตราสารอนุพันธ์เป็นหลัก แต่ขณะนี้ได้ขยายมาสู่การเทรด Spot ด้วย ทำให้เทรดเดอร์หลากหลายระดับสามารถใช้ได้ ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ มาดูว่ามีเหรียญอะไรบ้าง และจะนำไปใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่า
BitMEX รองรับเหรียญอะไรบ้าง?
BitMEX มีเหรียญคริปโตให้เลือกหลายตัว ตั้งแต่เหรียญยอดนิยมไปจนถึงโปรเจกต์ DeFi และ NFT ที่กำลังมาแรง:
- Bitcoin (XBT): เหรียญหลักที่เป็นจุดตั้งต้นของวงการคริปโต
- Ethereum (ETH): แพลตฟอร์มชั้นนำด้าน DeFi และสัญญาอัจฉริยะ
- Tether (USDT): เหรียญ Stablecoin ที่ช่วยลดความผันผวนในตลาด
- APECoin (APE): โทเค็นสำหรับโลก NFT และสินทรัพย์ดิจิทัล
- Uniswap (UNI): เหรียญหลักของกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ (DEX)
- Polygon (MATIC): โซลูชันสำหรับการขยายขนาดเครือข่าย Ethereum
- Chainlink (LINK): เทคโนโลยีที่เชื่อมข้อมูลในโลกจริงเข้าสู่บล็อกเชน
- Axie Infinity (AXS): โทเค็นยอดนิยมในวงการเกม NFT
- Tron (TRX): บล็อกเชนที่โดดเด่นเรื่องความเร็วในการทำธุรกรรม
- Cardano (ADA): โครงการบล็อกเชนที่มีแนวทางพัฒนาตามหลักวิชาการ
- Polkadot (DOT): แพลตฟอร์มที่ช่วยให้บล็อกเชนต่าง ๆ ติดต่อกันได้
- Tezos (XTZ): บล็อกเชนที่อัปเดตตัวเองได้โดยไม่ต้อง Fork ใหม่
การมีสินทรัพย์หลากหลายช่วยให้เทรดเดอร์วางกลยุทธ์ได้ยืดหยุ่น ทั้งแนวอนุรักษ์นิยมและทดลองกับเหรียญใหม่ ๆ
คู่เทรดยอดนิยม
ตัวอย่างคู่เทรดที่แพลตฟอร์มรองรับ:
- XBT/USDT: คู่หลักในการซื้อขาย Bitcoin ผ่าน Stablecoin
- ETH/USDT: คู่คลาสสิกสำหรับคนที่ต้องการเทรด Ethereum
- APE/USDT: เพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไรในโลก NFT
- UNI/USDT: สำหรับสาย DeFi โดยเฉพาะ
- MATIC/USDT: เหมาะกับผู้ต้องการค่าธรรมเนียมต่ำและความเร็ว
- LINK/USDT: เหมาะสำหรับกลยุทธ์ที่เน้นข้อมูล
- AXS/USDT: ถูกใจคอเกมที่อยากลงทุน
- ADA/USDT: ทางเลือกสำหรับคนเชื่อมั่นวิจัยของ Cardano
- ETH/XBT: เทรด Ethereum กับ Bitcoin เพื่อปรับพอร์ตตามตลาด
นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตเหรียญและคู่เทรดใหม่ ๆ ตามกระแสตลาดอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คุณปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอด
การเทรดบน BitMEX
BitMEX แบ่งออกเป็น 2 หมวดใหญ่: Spot สำหรับคนที่ต้องการถือครองเหรียญจริง และ Derivatives ที่เน้นเลเวอเรจสูง ต้องระวังไว้ว่า BitMEX ใช้งานได้เฉพาะคริปโต หากต้องการนำเงิน Fiat เข้า คุณจำเป็นต้องแลกเป็นคริปโตมาก่อน
วิธีสมัคร BitMEX: คู่มือแบบง่าย
สมัครใช้งาน BitMEX ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ควรระวังรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่ควรทำและวิธีรักษาความปลอดภัยบัญชี
ขั้นตอนที่ 1: ไปที่เว็บไซต์ทางการ
คลิกที่ https://bitmex.com/app/register โดยแนะนำให้ใช้เบราว์เซอร์รุ่นใหม่อย่าง Chrome, Firefox หรือ Opera หากกังวลว่าเว็บปลอม ให้พิมพ์ URL ด้วยตนเอง
ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูล
คุณจะพบฟอร์มสำหรับ:
- อีเมล: ใช้อีเมลที่คุณเช็กประจำ เพื่อรับข่าวสารและสำหรับล็อกอิน
- รหัสผ่าน: ตั้งให้ซับซ้อน ผสมตัวอักษรใหญ่เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์เพื่อยากต่อการคาดเดา
- ประเทศที่พำนัก: เลือกประเทศของคุณ หากอยู่ในประเทศที่จำกัดการใช้งาน อาจมีข้อจำกัดเพิ่มเติม
- ชื่อ-นามสกุล: ใส่ตามเอกสารทางการ เพราะอาจต้องใช้ในการยืนยันตัวตน
อ่านเงื่อนไขการใช้งานและนโยบายความเป็นส่วนตัวให้ครบ จากนั้นกดยืนยัน
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันอีเมล
หลังสมัคร จะมีอีเมลยืนยันส่งไปหาคุณ ให้ตรวจสอบกล่องอีเมลหรือสแปม จากนั้นกดลิงก์ “Verify My Email Address” เพื่อเปิดใช้งานบัญชี หากไม่ได้รับอีเมล ให้กดขอส่งอีกครั้ง
ขั้นตอนที่ 4: ตั้งค่าบัญชีเพิ่มเติม
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ล็อกอินเข้าแพลตฟอร์มและไปที่การตั้งค่าบัญชี เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว เผื่อคุณต้องการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมในภายหลัง
รักษาความปลอดภัยบัญชีอย่างไร?
- เปิด 2FA: ทำผ่านเมนู Security เพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นตอน
- ใช้รหัสผ่านเฉพาะ: อย่าใช้รหัสผ่านเดียวกับเว็บอื่นและควรเปลี่ยนเป็นระยะ
- อัปเดตข้อมูลติดต่อ: เช่น อีเมลหรือเบอร์โทรศัทพ์ ควรตรวจสอบให้ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาลืมรหัสผ่าน
การยืนยันตัวตน (KYC) บน BitMEX: ทำไมถึงสำคัญ?
ถ้าอยากเทรดบน BitMEX การยืนยันตัวตน (KYC) เป็นขั้นตอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ กระบวนการนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษามาตรฐานความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎหมายระดับสากล แล้วทำไม KYC จึงสำคัญขนาดนี้? มาดูกัน
ทำไม BitMEX ถึงบังคับใช้ KYC?
- ปฏิบัติตามกฎหมาย: BitMEX จำเป็นต้องยึดหลักเกณฑ์สากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและป้องกันปัญหาที่อาจทำให้ถูกปิดกั้นการให้บริการ
- ป้องกันกิจกรรมผิดกฎหมาย: การยืนยันตัวตนช่วยป้องกันการฟอกเงินและสนับสนุนการก่อการร้าย ทำให้แพลตฟอร์มปลอดภัยขึ้น
- เพิ่มความปลอดภัย: การที่ทุกบัญชีผ่านการยืนยันตัวย่อมลดโอกาสที่จะมีบัญชีหลอกลวง
ขั้นตอนการยืนยัน
คุณสามารถทำ KYC ผ่านหน้าเว็บหรือแอป BitMEX มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:
- ข้อมูลส่วนตัว: กรอกชื่อ วันเกิด และประเทศพำนัก ซึ่งระบบจะตรวจสอบกับเอกสาร
- อัปโหลดเอกสาร: เช่น ภาพถ่ายบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง และหลักฐานที่อยู่ (เช่น บิลค่าน้ำค่าไฟ)
- ยืนยันวิดีโอ: อาจต้องถ่ายวิดีโอใบหน้าสั้น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณคือเจ้าของเอกสารตัวจริง
- แบบสอบถาม: บางกรณีต้องตอบคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์เทรดและแหล่งที่มาของเงินทุน
โดยทั่วไปใช้เวลาตรวจสอบตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงจนถึงสองสามวัน ถ้าคิวเยอะอาจใช้เวลานาน เมื่อผ่าน KYC คุณจะได้รับแจ้งเตือนและปลดล็อกทุกฟีเจอร์ในแพลตฟอร์ม
ถ้าไม่ยืนยันจะเป็นอย่างไร?
- จำกัดการใช้งาน: เปิดสถานะใหม่หรือแก้ไขการเทรดเดิมไม่ได้
- ถอนเงินไม่ได้: ตั้งแต่ปลายปี 2020 เป็นต้นมา ผู้ที่ไม่ผ่าน KYC จะถูกจำกัดสิทธิในการถอนเงิน
สรุปแล้ว หากต้องการใช้งาน BitMEX อย่างเต็มรูปแบบ ไม่มีทางเลี่ยงนอกจากทำ KYC ให้เสร็จสมบูรณ์
วิธีฝากและถอนเงินบน BitMEX
ขั้นตอนในการฝากและถอนบน BitMEX อาจดูง่าย แต่ก็ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจทำให้สูญเงิน เรามาดูกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
การฝากเงิน (Deposit) บน BitMEX
- ไปที่แท็บ “Deposit”: เข้าสู่ระบบและเลือก “Account” แล้วคลิก “Deposit”
- เลือกสกุลเงิน: ปกติ BitMEX รองรับ Bitcoin (XBT) และเหรียญ Stablecoin อย่าง USDT
- สร้างที่อยู่กระเป๋า: ระบบจะให้ที่อยู่สำหรับโอนเงิน จงตรวจสอบความถูกต้องเสมอ
- โอนเหรียญ: ใช้กระเป๋าภายนอกหรือกระดานอื่นส่งเหรียญมายังที่อยู่นี้ อย่าพิมพ์ที่อยู่ผิดเด็ดขาด
เมื่อทำการโอนแล้ว ต้องรอบล็อกเชนยืนยันไม่กี่ครั้งกว่าจะเงินเข้าบัญชี ซึ่งอาจกินเวลาตั้งแต่ไม่กี่นาทีถึงหลักชั่วโมง
การถอนเงิน (Withdraw) จาก BitMEX
- ไปที่ “Withdraw”: อยู่ในเมนู “Account” เหมือนกับการฝาก
- ใส่ข้อมูลการถอน: ระบุที่อยู่กระเป๋าปลายทางและจำนวนที่ต้องการถอน ตรวจสอบซ้ำ ๆ เพื่อป้องกันการพิมพ์ผิด
- ยืนยันคำสั่งถอน: หากรายละเอียดถูกต้อง กด “Submit” เพื่อส่งคำขอถอน
BitMEX จะประมวลผลคำขอถอนวันละครั้งตอน 13:00 UTC ถ้าคุณกดถอนก่อนเวลานี้จะได้รับการดำเนินการในวันเดียวกัน ต้องรู้ว่ามีค่าเครือข่าย (Network Fee) ตามความหนาแน่นของบล็อกเชน
ค่าธรรมเนียมฝาก-ถอน
- ฝากเงิน: BitMEX ไม่คิดค่าธรรมเนียม แต่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเน็ตเวิร์กตามปกติของคนโอน
- ถอนเงิน: คิดเฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่ายตามสภาวะในขณะนั้น
ก่อนทำธุรกรรม ควรเช็กค่าธรรมเนียมเน็ตเวิร์กล่าสุด เพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
เคล็ดลับความปลอดภัย
- ตรวจสอบที่อยู่: ใส่ที่อยู่กระเป๋าให้ถูกต้อง ผิดเพียงตัวเดียวก็ทำให้เงินหายได้
- เปิด 2FA: ช่วยให้บัญชีคุณปลอดภัยมากขึ้น
- ระวังฟิชชิ่ง: อย่ากรอกข้อมูลส่วนตัวหรือคีย์สำคัญในเว็บหรือช่องทางใด ๆ นอกจากเว็บทางการ BitMEX เท่านั้น
ฟีเจอร์เด่นของ BitMEX: จุดที่น่าสนใจ
เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2014, BitMEX ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตที่แข็งแกร่งด้านอนุพันธ์ ฟีเจอร์หลากหลายเหมาะทั้งมือใหม่ที่อยากลอง และมืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือเทรดขั้นสูง เรามาเจาะลึกว่ามีอะไรบ้าง
มีตราสารการเทรดหลากหลาย
- Perpetual Swaps: ไม่มีวันหมดอายุ ถือสถานะได้นานเท่าที่ต้องการ โดยมี Funding Rate ปรับราคาตามตลาด
- Futures Contract: ซื้อขายตามกำหนดระยะเวลา ตอบโจทย์คนที่ต้องการล็อกราคา หรือใช้ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวน
สภาพคล่องสูง และค่าธรรมเนียมโปร่งใส
BitMEX มีปริมาณเทรดสูง ทำให้สภาพคล่องเพียงพอ แม้ในช่วงตลาดผันผวน คำสั่งก็สามารถดำเนินได้รวดเร็ว โดยใช้โมเดล Maker-Taker เพื่อกระตุ้นสภาพคล่อง: Maker ได้ Rebate ส่วน Taker จ่ายค่าธรรมเนียมในอัตราที่ชัดเจน
เลเวอเรจสูงสุดถึง 100x เหมาะกับใคร?
เลเวอเรจช่วยขยายโอกาสกำไรโดยใช้ทุนไม่มาก แต่ความเสี่ยงก็สูงตาม มือใหม่ควรเริ่มต้นจากเลเวอเรจต่ำ และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเมื่อเข้าใจกลไกตลาดแล้ว
อินเทอร์เฟซใช้ง่าย
BitMEX ผสานการแสดงผลกับ TradingView ทำให้มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคครบครัน เช่น อินดิเคเตอร์ ชาร์ตที่ปรับแต่งได้ โดยเฉพาะสายเทคนิคที่ต้องการเครื่องมือละเอียด
สื่อการสอนและฝ่ายสนับสนุน
BitMEX มีแหล่งความรู้ บทความ และวิดีโอสำหรับผู้ใช้ใหม่ รวมถึงสัมมนาออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อให้คุณเข้าใจระบบได้ดียิ่งขึ้น
Spot และ Margin Trading บน BitMEX
BitMEX เปิดโอกาสให้นักเทรดเลือกได้ระหว่าง Spot และ Margin โดยทั้งสองเหมาะกับรูปแบบการเทรดที่ต่างกัน มาดูความแตกต่างเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ถูกต้อง
Spot Trading บน BitMEX
การเทรด Spot คือการซื้อขายแบบดั้งเดิม ซื้อแล้วคุณจะเป็นเจ้าของเหรียญจริง เช่น ซื้อ Bitcoin (XBT) ด้วย USDT ตามราคาตลาด
- ถือครองเหรียญจริง: คุณสามารถโอนเหรียญออกไปกระเป๋าอื่นได้
- ไม่มีเลเวอเรจ: ใช้เฉพาะเงินทุนของคุณเอง ความเสี่ยงจึงจำกัด
- เหมาะกับมือใหม่: เงื่อนไขการเทรดเข้าใจง่าย ความเสี่ยงไม่ซับซ้อน
Margin Trading บน BitMEX
การเทรดมาร์จิ้นใช้เลเวอเรจ ช่วยเปิดสถานะใหญ่ขึ้น แต่ต้องเข้าใจว่าความเสี่ยงก็สูงขึ้นมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์
- เลเวอเรจ: สูงสุด 100x หมายความว่าลงทุน 100 ดอลลาร์ แต่เปิดสถานะเทียบเท่า 10,000 ดอลลาร์
- ตราสารอนุพันธ์: ไม่ได้ซื้อเหรียญจริง แต่ซื้อขายสัญญา เช่น เพอร์เพชชวลหรือฟิวเจอร์ส
- Liquidation Risk: ถ้าราคาวิ่งสวนจนแตะจุด Liquidation ระบบจะปิดสถานะเพื่อตัดขาดทุน
เปรียบเทียบ Spot กับ Margin
หัวข้อ | Spot Trading | Margin Trading |
---|---|---|
การเป็นเจ้าของเหรียญ | ถือเหรียญจริง ถอนได้ | เป็นเจ้าของสัญญา ไม่ใช่เหรียญ |
เลเวอเรจ | ไม่มี ใช้ทุนตัวเองเท่านั้น | สูงสุด 100x ใช้เงินกู้มาขยายสถานะ |
ความเสี่ยง | จำกัดที่ทุนที่ใช้ซื้อ | เสี่ยงโดน Liquidation หากตลาดตีกลับ |
ผู้เริ่มต้นแนะนำให้ลอง Spot ก่อน เพราะเข้าใจง่าย ความเสี่ยงต่ำ ส่วนผู้มีประสบการณ์และพร้อมบริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ อาจเลือก Margin เพื่อโอกาสทำกำไรที่สูงขึ้น
Staking บน BitMEX: สร้างรายได้แบบพาสซีฟจากคริปโต
Staking คือการนำคริปโตไปล็อกไว้เพื่อรับผลตอบแทนโดยไม่ต้องขายเหรียญ บน BitMEX คุณสามารถ Stake โทเค็น BMEX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มี BMEX อยู่แล้ว และต้องการเพิ่มมูลค่าที่ถือครอง
Staking บน BitMEX คืออะไร?
เป็นฟีเจอร์ที่ให้คุณนำ BMEX ไปล็อกไว้ในวอลเล็ตเฉพาะ เพื่อรับผลตอบแทนและโบนัส เหมือนเปิดบัญชีเงินฝากในโลกคริปโต นอกจากได้รับดอกเบี้ยแล้ว คุณยังได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมและฟีเจอร์พิเศษ เช่น VIP Level
ข้อดีของการ Stake BMEX
- ลดค่าธรรมเนียม: ยิ่ง Stake มาก ยิ่งได้ส่วนลดสูง สายเทรดถี่ ๆ ประหยัดค่าธรรมเนียมไปได้เยอะ บางรายถึง 15%
- โบนัสพิเศษ: เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร อาจได้รับของสมนาคุณ หรือบัตรเชิญงานอีเวนต์ เพิ่มประสบการณ์ใช้งานแพลตฟอร์ม
- VIP Service: หาก Stake มากกว่า 500,000 BMEX คุณจะได้บริการสนับสนุนแบบเร่งด่วน มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และเครื่องมือเทรดเพิ่มเติม
วิธีเริ่ม Stake บน BitMEX
- ไปที่ “Wallet” ในแพลตฟอร์ม
- คลิก “Stake” ระบุจำนวน BMEX ที่ต้องการล็อก
- ตรวจทานข้อมูลและกดยืนยัน จากนั้นระบบจะเริ่ม Staking ให้ทันที
การ Stake เหมาะกับผู้ที่ใช้ BitMEX เป็นประจำ ต้องการลดค่าธรรมเนียมและรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม หากยังไม่เคยลอง แนะนำให้ทดลองด้วยจำนวนเล็กน้อยก่อน เพื่อดูว่าฟีเจอร์นี้เหมาะกับกลยุทธ์การลงทุนของคุณหรือไม่
Futures Trading บน BitMEX: สิ่งที่ควรรู้
Futures เป็นตราสารที่ช่วยให้นักเทรดได้กำไรจากความผันผวน หรือใช้ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต หากตลาดวิ่งข้ามฝั่ง โดย BitMEX มี Futures อยู่ 2 ประเภท ซึ่งตอบโจทย์กลยุทธ์ที่ต่างกัน มาดูกันว่ามีอะไรน่าสนใจ
ประเภทสัญญา Futures บน BitMEX
- Perpetual Contracts: ไม่มีวันหมดอายุ เหมาะกับคนที่อยากถือสถานะนาน ๆ โดยมี Funding Rate เป็นตัวปรับให้ราคาคอนแทรคใกล้เคียงตลาด
- Futures แบบดั้งเดิม: มีวันหมดอายุแน่นอน พอครบกำหนดจะมีการชำระราคาตามราคาตลาด เหมาะกับผู้ที่ต้องการแผนการเทรดระยะเวลาที่ชัดเจน
เลเวอเรจ: โอกาสและความเสี่ยง
BitMEX ให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 100x หมายความว่าถ้ามีเงิน 100 ดอลลาร์ คุณสามารถเทรดมูลค่าเทียบเท่า 10,000 ดอลลาร์ได้ แต่ตลาดเคลื่อนเล็กน้อยอาจทำกำไรได้มาก หรือเสียหายหนักถึงขั้น Liquidation ได้เช่นกัน
- ใช้ Stop Order เพื่อจำกัดความเสี่ยง
- อย่าทุ่มหมดหน้าตัก ให้แบ่งเงินบางส่วนกันความผันผวน
- ติดตามมาร์จิ้นอยู่เสมอ ป้องกันสถานะถูกปิดอัตโนมัติ
การบริหารความเสี่ยงในมาร์จิ้นเทรด
- กันเงินส่วนหนึ่งไว้เป็น “Buffer” ไม่ควรลงหมดในคำสั่งเดียว
- ถ้าตลาดวิ่งสวน ควรพิจารณาปิดสถานะบางส่วน หรือเติมเงินเพื่อหลีกเลี่ยง Liquidation
- อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ควรใช้การวิเคราะห์ตลาดในการตัดสินใจ
ใช้ Futures ทำอะไรได้บ้าง?
- Hedging: ถ้า hold เหรียญอยู่ แต่กลัวราคาจะตก ก็เปิด Short Futures เพื่อหักล้างการขาดทุน
- Speculation: เล่นกับความผันผวนในระยะสั้นด้วยเลเวอเรจ แต่ต้องมีทักษะสูงและติดตามตลาดใกล้ชิด
Futures บน BitMEX เหมาะกับใคร?
- มือใหม่ควรเริ่มทีละน้อย ทำความเข้าใจก่อน ตลาดอนุพันธ์มีความผันผวนสูง
- นักเทรดมืออาชีพสามารถวางกลยุทธ์ซับซ้อน เช่น ป้องกันความเสี่ยง หรือเก็งกำไรระยะสั้น
โทเค็น BMEX: วิธีใช้งานและข้อดี
BMEX คือโทเค็นที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้ BitMEX ได้ประโยชน์มากขึ้น ทั้งด้านค่าธรรมเนียม การรับรายได้พาสซีฟ และสิทธิพิเศษ มาลองดูว่าใช้อย่างไรถึงจะคุ้ม
ข้อดีของการถือ BMEX
- ส่วนลดค่าธรรมเนียมเทรด: ถือ BMEX แล้วเสียค่าธรรมเนียม Taker ลดสูงสุด 15% เหมาะกับคนเทรดบ่อย
- Staking Rewards: เมื่อ Stake BMEX อาจได้ผลตอบแทนถึง 12% ต่อปี คล้ายบัญชีออมทรัพย์ พร้อมฟีเจอร์เสริมอย่างลดค่าธรรมเนียม
- โบนัสพิเศษ: เข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร สินค้าแบรนด์ BitMEX หรือแม้แต่งานอีเวนต์กีฬาสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
เริ่มต้นใช้งาน BMEX ยังไง?
หากคุณมี BMEX อยู่แล้ว สามารถ Stake ผ่านกระเป๋าในแพลตฟอร์ม เมื่อ Stake เสร็จ ระบบจะปรับลดค่าธรรมเนียมและโบนัสให้เองอัตโนมัติ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที นักเทรดที่เข้าออกตลาดบ่อยจะได้ประโยชน์อย่างมาก
Tokenomics ของ BMEX
โทเค็น BMEX มี Supply ทั้งหมด 450 ล้านเหรียญ กระจายออกในระยะเวลา 5 ปี BitMEX ใช้กลยุทธ์ Burn เพื่อลดจำนวนเหรียญหมุนเวียนในตลาด ซึ่งมีสัดส่วน:
- 4% ของกำไรจากตลาดอนุพันธ์
- 8% ของกำไรจากตลาด Spot
- 50% ของคู่เทรดที่เกี่ยวข้องกับ BMEX
การ Burn ช่วยให้จำนวนรวมของโทเค็นลดลงต่อเนื่อง หนุนให้ราคา BMEX มีเสถียรภาพขึ้น
ใครบ้างที่ควรใช้ BMEX?
- นักเทรดสายถี่: ยิ่งเทรดมาก ค่าธรรมเนียมที่ประหยัดได้ยิ่งเยอะ
- นักลงทุนระยะยาว: การ Stake ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และยังได้เข้าถึงฟีเจอร์พิเศษ
- ผู้ใช้ BitMEX ประจำ: ถ้าคุณใช้อยู่แล้ว การถือ BMEX จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ใช้งานอย่างคุ้มค่า
BitMEX เทียบกับคู่แข่ง: ความแตกต่างที่ควรรู้
การเลือกกระดานเทรดก็เหมือนเลือกอุปกรณ์ทำงาน ต้องดูว่ามันเหมาะกับความต้องการเราหรือเปล่า เรามาเทียบ BitMEX กับคู่แข่งยอดนิยมอย่าง Binance, Bybit, และ KuCoin กันว่าต่างกันอย่างไร
จำนวนเหรียญที่รองรับ
- BitMEX: ราว ๆ 150 คู่เทรด เน้นอนุพันธ์และเครื่องมือขั้นสูง
- Binance: มี 350+ เหรียญ รวมถึงโทเค็นหายาก ตอบโจทย์คนที่ชอบตลาดกว้าง
- Bybit: ประมาณ 400 เหรียญ อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งมือใหม่และมือโปร
- KuCoin: มากกว่า 700 เหรียญ รวมโปรเจกต์เล็ก ๆ ที่มีศักยภาพ เหมาะกับสายลองของใหม่
จำนวนผู้ใช้งาน
- BitMEX: มีผู้ใช้ประมาณ 20–25 ล้านคน เป็นแพลตฟอร์มที่ไว้ใจได้ในสายอนุพันธ์
- Binance: มากกว่า 210 ล้านคน ทั่วโลก ขึ้นแท่นกระดานที่ใหญ่ที่สุด
- Bybit: ราว ๆ 40 ล้านคน โดดเด่นที่ UI ใช้ง่ายและมี Margin ให้เทรด
- KuCoin: ประมาณ 30 ล้านคน ขึ้นชื่อเรื่องเหรียญหายาก
ค่าธรรมเนียม
- BitMEX: Maker ได้ Rebate 0.025% ส่วน Taker เสีย 0.075% เหมาะกับคนชอบตั้งคำสั่งล่วงหน้า
- Binance: 0.1% สำหรับ Maker/Taker ลดได้ถ้าใช้ BNB
- Bybit: 0.1% เช่นกัน สะดวกกับสายเทรดทุกวัน
- KuCoin: 0.1% ลดเพิ่มถ้าใช้ KCS
ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย
- BitMEX: เปิดตั้งแต่ 2014 เจาะกลุ่มเทรดเดอร์มืออาชีพ ระบบนิ่ง
- Binance: เริ่ม 2017 แต่โตเร็วที่สุดในโลก หนุนด้วยความปลอดภัยระดับสูง
- Bybit: ก่อตั้งปี 2018 มีชื่อเสียงด้านความเป็นมิตรต่อผู้ใช้และการป้องกันทรัพย์สิน
- KuCoin: เริ่ม 2017 เชื่อถือได้และมีเหรียญที่หาที่อื่นยาก
หัวข้อ | BitMEX | Binance | Bybit | KuCoin |
---|---|---|---|---|
สินทรัพย์ | 150 คู่ เทรด เน้นอนุพันธ์ | 350+ เหรียญ รวมของหายาก | ประมาณ 400 เหรียญ UI เป็นมิตร | 700+ เหรียญ เหมาะสาย altcoin |
ผู้ใช้งาน | 20–25 ล้านคน เก่าแก่ในตลาดอนุพันธ์ | 210+ ล้านคน ใหญ่ที่สุดโลก | 40 ล้านคน โดดเด่นที่ใช้ง่าย | 30 ล้านคน สายหาโปรเจกต์ใหม่ |
ค่าธรรมเนียม | Maker: -0.025%, Taker: 0.075% | 0.1% ลดเพิ่มด้วย BNB | 0.1% โครงสร้างเรียบง่าย | 0.1% ลดเพิ่มเมื่อใช้ KCS |
ความน่าเชื่อถือ | ตั้งแต่ 2014 มั่นคงในสายอนุพันธ์ | 2017 เติบโตเร็วระดับโลก | 2018 เน้นการใช้งานที่ง่าย | 2017 เน้นความปลอดภัยสูง |
ควรเลือกอะไรดี?
- BitMEX: เหมาะกับเทรดเดอร์สายอนุพันธ์ ที่ต้องการเลเวอเรจสูงและเครื่องมือระดับโปร
- Binance: มีเหรียญหลากหลาย ค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะกับคนที่ต้องการเทรด Spot และลงทุนยาว
- Bybit: อินเทอร์เฟซเป็นมิตร มีทั้งฟีเจอร์ Margin ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
- KuCoin: ดีสำหรับคนชอบลองเหรียญแปลกใหม่ที่ไม่ค่อยเจอในตลาดหลัก
จุดตัดสินใจอยู่ที่เป้าหมายและประสบการณ์ของคุณ ถ้าเพิ่งเริ่ม ลองหาแพลตฟอร์มใช้ง่าย ๆ ฟีเจอร์ไม่ซับซ้อน หากต้องการเจาะลึกอนุพันธ์และเลเวอเรจสูง BitMEX ก็อาจตอบโจทย์
โปรแกรม Referral ของ BitMEX: แชร์และรับรายได้
โปรแกรม Referral ของ BitMEX เปิดโอกาสให้คุณสร้างรายได้เสริมจากการแนะนำเพื่อนหรือผู้ติดตาม มาดูหลักการทำงานและวิธีเข้าร่วม
ระบบ Referral ทำงานอย่างไร?
เมื่อคุณสมัคร BitMEX จะได้ลิงก์ Referral เฉพาะของคุณเอง หากมีใครกดลิงก์นี้มาสมัครและเทรด คุณจะได้รับเปอร์เซ็นต์จากค่าธรรมเนียมที่พวกเขาจ่าย ยิ่งพวกเขาเทรดเยอะ รายได้คุณก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเพื่อนเทรดปริมาณสูง กำไรคุณก็สูงตาม
ข้อดีและเงื่อนไขหลัก
- ค่าคอมมิชชัน: เริ่มต้นที่ 10% ของค่าธรรมเนียมที่เพื่อนจ่าย อาจเพิ่มขึ้นได้ถึง 20% ขึ้นกับปริมาณเทรด
- โบนัสเพิ่มเติม: บางช่วงจะมีโปรโมชั่น เช่น รับเพิ่ม 50 BMEX ถ้าเพื่อนคุณเทรดเกิน 50,000 ดอลลาร์ใน 30 วันแรก
- โปร่งใส: คุณตรวจสอบรายได้และประวัติ Referral ได้ใน Dashboard ทำให้เห็นภาพรวมการใช้งานชัดเจน
เริ่มต้นอย่างไร?
- คัดลอกลิงก์: ในหน้า “Referral Program” ของ Dashboard คุณจะเห็นลิงก์เฉพาะ
- แชร์ลิงก์: นำไปโพสต์ในโซเชียล บล็อก หรือส่งให้กลุ่มเพื่อน เหมาะมากถ้าคุณมีฐานผู้ติดตามที่สนใจคริปโต
- รับค่าคอมมิชชัน: เมื่อคนที่สมัครผ่านลิงก์เริ่มเทรด ค่าแนะนำจะเข้าบัญชีคุณโดยอัตโนมัติ
ใครเหมาะกับโปรแกรมนี้?
- บล็อกเกอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือผู้ที่แชร์ประสบการณ์ในสื่อโซเชียลเป็นประจำ
- นักเทรดที่ต้องการสร้างรายได้จากความรู้ แนะนำแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ให้เพื่อน
- คนที่อยู่ในชุมชนคริปโต และอยากบอกต่อความน่าสนใจของ BitMEX ให้คนรอบข้าง
รีวิวนักเทรดเกี่ยวกับ BitMEX: ผู้ใช้พูดว่าอย่างไร?
BitMEX ถือเป็นแพลตฟอร์มยุคแรก ๆ ในการเทรดอนุพันธ์ ทำให้มีการพูดถึงกันมากในหมู่นักเทรด ฟีดแบ็กมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ มาลองสำรวจมุมมองที่เด่น ๆ กัน
สิ่งที่ผู้ใช้ชื่นชม
- สภาพคล่องสูง: ปริมาณเทรดมาก ทำให้จับคู่ได้ไว ไม่มีปัญหาลากราคา ซึ่งสำคัญมากในตลาดผันผวน
- เลเวอเรจสูงถึง 100x: นักเทรดมืออาชีพชอบ เพราะเปิดโอกาสทำกำไรใหญ่ แต่พวกเขาก็ย้ำเตือนว่าต้องใช้เลเวอเรจอย่างระวัง
- ตราสารอนุพันธ์ที่ครบ: มีทั้ง Perpetual และ Futures หลายแบบ เหมาะกับเทรดเดอร์ที่เคยใช้เครื่องมือขั้นสูง
ข้อเสียที่ผู้ใช้บางส่วนกล่าวถึง
- หน้าตาเว็บซับซ้อน: มือใหม่หลายคนบอกว่าดูงงและยุ่งยาก เพราะการออกแบบสำหรับมือโปร
- ไม่มี Fiat Support: คนที่คุ้นเคยกับการฝาก-ถอนเงินปกติ อาจหงุดหงิดที่ต้องแปลงเงินเป็นคริปโตก่อน
ข้อสรุปและมุมมองโดยรวม
หลายรีวิวมองว่า BitMEX เป็นแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและมีฟีเจอร์หลากหลาย แต่เหมาะมากกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ ส่วนมือใหม่ควรเริ่มจากเครื่องมือพื้นฐาน และอาจฝึก TestNet เพื่อเข้าใจการเทรดอนุพันธ์ก่อน ขณะที่มืออาชีพจะประทับใจกับโอกาสและความยืดหยุ่นในการเทรด ซึ่งเป็นจุดแข็งของ BitMEX
บทวิจารณ์และความคิดเห็น