หน้าหลัก ข่าวไซต์
รีวิว BitMEX 2025: อนุพันธ์คริปโตได้ถึง 100x
Updated: 06.05.2025

รีวิว BitMEX 2025: คู่มือฉบับสมบูรณ์ของแพลตฟอร์มอนุพันธ์ที่มีเลเวอเรจสูงสุด 100x

BitMEX (Bitcoin Mercantile Exchange) เป็นแพลตฟอร์มอนุพันธ์คริปโตที่มีชื่อเสียง ซึ่งมุ่งเน้นการเทรดมาร์จิ้น ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดย Arthur Hayes, Ben Delo และ Samuel Reed ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดอนุพันธ์คริปโต โดยเฉพาะการเปิดตัวสวอปถาวร (Perpetual Swaps) เป็นเจ้าแรก ซึ่งเป็นสัญญาฟิวเจอร์สอีกรูปแบบที่ไม่มีวันหมดอายุ และได้พลิกโฉมการเทรด Bitcoin ไปอย่างมาก

BitMEX เติบโตอย่างรวดเร็วในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ ด้วยเลเวอเรจที่สูงถึง 100x ปริมาณการเทรดที่มาก และค่าธรรมเนียมต่ำ ในช่วงเวลาที่เฟื่องฟู BitMEX เคยติดท็อปอันดับอุตสาหกรรม—ตัวอย่างเช่น ปี 2019 ปริมาณเทรดรายวันเคยพุ่งถึง 16 พันล้านดอลลาร์ และยอดเทรดต่อปีเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันจะรุนแรงขึ้น แต่ BitMEX ยังครองส่วนแบ่งตลาดอนุพันธ์คริปโตได้มากพอสมควร



เว็บไซต์ทางการของ BitMex

การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง จากข้อมูลพบว่า มีเทรดเดอร์ประมาณ 70–90% สูญเสียเงินลงทุนเมื่อทำมาร์จิ้นเทรด จึงต้องมีความรู้เฉพาะทางเพื่อให้ได้กำไรอย่างต่อเนื่อง ก่อนเริ่มต้น ควรศึกษากลไกการทำงานของเครื่องมือเหล่านี้อย่างรอบคอบ และเตรียมพร้อมรับความสูญเสียทางการเงิน อย่านำเงินที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมาเสี่ยงในการเทรด

ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท BitMEX

BitMEX ดำเนินการโดย HDR Global Trading Limited จดทะเบียนในประเทศเซเชลส์ เดิมเปิดตัวในฮ่องกงโดย Arthur Hayes (อดีตเทรดเดอร์ของ Citibank), Ben Delo และ Samuel Reed ช่วงแรก BitMEX เติบโตอย่างรวดเร็วและเคยขึ้นอันดับ 2 บน CoinMarketCap ด้วยปริมาณเทรดรายวันเกิน 5 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 BitMEX ถูกตั้งข้อกล่าวหาจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ (CFTC และกระทรวงยุติธรรม) ว่าละเมิดกฎหมายธนาคารและ AML (การป้องกันการฟอกเงิน) คดีสิ้นสุดลงโดยผู้ก่อตั้งยอมรับผิดเมื่อปี 2022 และถูกปรับเป็นเงินก้อนใหญ่ ส่งผลให้ BitMEX ถูกถอดออกจากหลายแพลตฟอร์มจัดอันดับ อีกทั้งชื่อเสียงก็สั่นคลอนชั่วคราว

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว BitMEX ได้ปรับนโยบาย Compliance ครั้งใหญ่ ตั้งแต่ปลายปี 2020 ได้บังคับใช้ KYC เต็มรูปแบบเป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ผนวกกับการปรับโครงสร้างผู้บริหาร—ผู้ก่อตั้งก้าวลงจากตำแหน่ง และเน้นความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลมากขึ้น ในปี 2022 BitMEX ได้รับการจดทะเบียนในประเทศอิตาลี (OAM register) และสมาคม VQF ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สะท้อนถึงความโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมายของบริษัท

ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ BitMEX อยู่ในเซเชลส์ตามทะเบียน แต่ว่าทีมงานกระจายตัวอยู่ทั่วโลก โดย BitMEX สังกัดในเครือ 100x Group และไม่เคยเสียเหรียญของลูกค้าแม้แต่เหรียญเดียวให้กับแฮกเกอร์—นับเป็นความสำเร็จที่หาได้ยาก แพลตฟอร์มยังคงได้รับความนิยมจากเทรดเดอร์มืออาชีพ เนื่องจากความเสถียรและความเป็นกลางของตลาด BitMEX จึงเปลี่ยนจากสตาร์ตอัพอนุพันธ์มาสู่หนึ่งในเว็บเทรดคริปโตที่เปิดมายาวนานที่สุด กำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีในปี 2024

ผลิตภัณฑ์และโอกาสในการเทรด

BitMEX เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ (Derivatives) ที่อ้างอิงกับสกุลเงินดิจิทัล โดยเปิดให้เทรดเดอร์เข้าถึงเครื่องมือหลากหลายสำหรับการเก็งกำไรและป้องกันความเสี่ยงด้านราคา:

  • สวอปถาวร (Perpetual Contracts) – ผลิตภัณฑ์หลักของ BitMEX เป็นฟิวเจอร์สที่ไม่มีวันหมดอายุ ราคาจะวิ่งตามสปอตจากกลไก Funding Rate ซึ่งเกิดขึ้นทุก 8 ชั่วโมง (ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย) BitMEX เป็นแพลตฟอร์มแรกที่ปล่อยสวอปถาวรในปี 2016 ปัจจุบันมีให้เทรดทั้ง Bitcoin (XBTUSD) และเหรียญชั้นนำอื่น ๆ (ETH, XRP, LTC ฯลฯ) และให้เลเวอเรจสูงสุด 100x สำหรับ BTC (ประมาณ 50x สำหรับ ETH) เทรดเดอร์ต้องจ่ายหรือรับ Funding ทุก 8 ชั่วโมง ตามส่วนต่างราคาระหว่างสวอปกับตลาดสปอต
  • ฟิวเจอร์สแบบกำหนดระยะเวลา (Fixed-Term Futures) – ฟิวเจอร์สแบบรายไตรมาสหรือรายเดือน โดยมีทั้งสัญญาแบบ Inverted (สกุลหลักเป็น XBT) และ Linear (สกุลหลักเป็น USDT) สามารถเทรดสินทรัพย์ได้หลากหลาย พร้อมเลเวอเรจสูง (BTC ได้ถึง 100x และ Alts ประมาณ 20–50x) เมื่อครบกำหนด สัญญาจะชำระตามราคาสุดท้าย
  • ออปชัน (Options) – ปี 2024 BitMEX ได้เปิดตัวตลาดออปชันคริปโต (เช่น ออปชัน Bitcoin) เพื่อให้เทรดเดอร์มีทางเลือกในการเก็งกำไรและป้องกันความผันผวน แม้ปริมาณเทรดออปชันยังตามหลังแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Deribit แต่การเพิ่มออปชันก็สะท้อนความต้องการที่จะมอบชุดเครื่องมืออนุพันธ์ที่ครบครัน
  • สปอต (Spot Market) – เดิม BitMEX มีแต่อนุพันธ์ แต่ในปี 2022 ได้เปิดตลาดสปอต ซึ่งมีคู่เหรียญยอดนิยมประมาณ 10 คู่ (BTC/USDT, ETH/USDT, XRP/USDT ฯลฯ) และช่วงแรกเคยเสนอศูนย์ค่าธรรมเนียมเพื่อจูงใจ อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องส่วนใหญ่ของ BitMEX ยังอยู่ในตลาดอนุพันธ์ สปอตจึงเป็นฟีเจอร์เสริมให้ผู้ใช้แปลงเหรียญได้สะดวก
  • ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ: BitMEX เพิ่มเครื่องมือใหม่เป็นระยะ เช่น ETH Staking Yield Swap (สวอปบนผลตอบแทนจากสเตกกิ้ง ETH) เพื่อตรึงหรือเก็งอัตราผลตอบแทน มี BitMEX Earn สำหรับนำเหรียญไปล็อกในสัญญาดอกเบี้ยคงที่ (ได้สูงถึง ~10% APR) และ Convert Service ให้แลกคริปโต ~30 เหรียญได้ทันทีโดยไม่ต้องตั้งออร์เดอร์ในกระดาน

คริปโตที่รองรับ

ช่วงแรก BitMEX รองรับเฉพาะ Bitcoin และทุกสัญญาใช้ BTC ในการคำนวณ ปัจจุบันแพลตฟอร์มรองรับสกุลบัญชีหลายแบบ เช่น Bitcoin, Ethereum, USDT ฯลฯ ณ ปี 2023 มีอนุพันธ์ครอบคลุมประมาณ 23 เหรียญ อาทิ Bitcoin, Ethereum, Dogecoin, Litecoin, Bitcoin Cash, Binance Coin, Cardano, Polkadot, Shiba Inu, Avalanche เป็นต้น รายการเหรียญค่อย ๆ เพิ่ม แต่ยังน้อยกว่าเว็บใหญ่ ๆ อย่าง Binance (ซึ่งมีหลายร้อยเหรียญ) ถึงกระนั้น เหรียญหลักที่เทรดมาร์จิ้นสูงก็มีให้เลือกเทรดเพียงพอ

เลเวอเรจ

BitMEX โดดเด่นเรื่องเลเวอเรจขั้นสูง โดย BTC และ XBT Perpetual สามารถใช้เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:100 หรือถือ 1 BTC ก็เปิดตำแหน่งได้ถึง 100 BTC ส่วน ETH มักจะให้เลเวอเรจราว 1:50 และเหรียญอื่น ๆ อยู่ในช่วง 1:20–1:33 ตามความผันผวน ผู้ใช้เลือกได้ทั้ง Long และ Short โดยกำหนดเป็น Cross Margin หรือ Isolated Margin ได้ ข้อควรระวังคือ เลเวอเรจสูงอาจสร้างกำไรมหาศาล แต่ก็เสี่ยงล้างพอร์ตเร็วหากราคาวิ่งสวน BitMEX มีระบบปิดสถานะ (Liquidation) อัตโนมัติ: เมื่อมาร์จิ้นต่ำกว่าระดับค้ำประกัน สถานะจะถูกบังคับปิด

การตั้งค่าการยกระดับใน BitMex

เพื่อปกป้องผู้เล่นอื่นจากกรณีที่ขาดทุนเกินหลักประกัน BitMEX จึงตั้งกองทุนประกัน (Insurance Fund) ไว้เป็นทุนสำรองจากการบังคับขายตำแหน่ง (Liquidation) ซึ่งจะครอบคลุมส่วนที่เกินจากมาร์จิ้นของผู้แพ้ กองทุนนี้ของ BitMEX ถือเป็นหนึ่งในกองทุนใหญ่ของอุตสาหกรรม (ตั้งแต่ปี 2016 มีมูลค่าประมาณ ~$2.3 พันล้านใน BTC) จึงไม่ค่อยเกิด Socialized Loss (การเอากำไรของเทรดเดอร์คนอื่นมาชดเชย) หากสถานการณ์เลวร้ายมาก ระบบ Auto-Deleveraging (ADL) จะลดเลเวอเรจของเทรดเดอร์ฝั่งกำไร แต่อาศัยกองทุนประกันที่ใหญ่ ทำให้ ADL เกิดไม่บ่อย

สภาพคล่อง

BitMEX เคยมีสภาพคล่องสูงมากในสัญญา XBTUSD และสวอปหลักอื่น ๆ ช่วงปี 2018–2019 แพลตฟอร์มนี้เคยเป็นผู้นำด้านปริมาณเทรดและ Open Interest ของ BTC ปัจจุบันส่วนแบ่งถูกแย่งไปพอสมควร แต่ BitMEX ยังคงติดอันดับท็อป 10 ของตลาดอนุพันธ์ ด้วยสัดส่วน ~1% ของวอลุ่มโลก อย่างไรก็ดี สภาพคล่องบนสัญญา Bitcoin Perpetual (XBTUSD) ยังหนาแน่นมาก สเปรดต่ำ ออร์เดอร์บุ๊คมีความลึก เหมาะกับผู้เล่นรายใหญ่ที่ต้องการลงคำสั่งหลักสิบล้านดอลลาร์โดยสลิปเพจต่ำ โดยเฉพาะช่วงตลาดผันผวนที่มีนักเก็งกำไรอัลกอริทึมหรือสถาบันเข้ามาอย่างคับคั่ง บรรดาเทรดเดอร์มือโปรยังวางใจใน BitMEX สำหรับการถือสถานะ BTC ขนาดใหญ่ ด้วยความเป็นกลางและกลไก Liquidation ที่โปร่งใส



แพลตฟอร์มการเทรด

แพลตฟอร์มเทรดของ BitMEX ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ มีเครื่องมือระดับโปรครบครัน แต่ในสายตาคนเริ่มต้นอาจดูซับซ้อน อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เฟซสามารถปรับแต่งได้ หน้าเทรดหลักแบ่งเป็นวิดเจ็ต เช่น Order Book, ประวัติการเทรด, ชาร์ตจาก TradingView, แผงสั่งออร์เดอร์ รวมถึงหน้าต่างสถานะและยอดคงเหลือ ผู้ใช้สามารถลากย้าย ปรับขนาด หรือปิด/เปิดบล็อกได้ตามต้องการ (เช่น หน้าต่าง Depth, ออร์เดอร์ค้าง, ประวัติเทรด ฯลฯ)

แพลตฟอร์ม BitMex ที่ปรับแต่งได้

ในปี 2022 BitMEX ปรับปรุง UI เพิ่มการสร้าง Layout ตามใจชอบ และระบบคีย์ลัดเพื่อส่งคำสั่งเร็วขึ้น มีโหมด Dark และโหมด “Retro” แบบดั้งเดิมสำหรับผู้ใช้เก่า ถึงดีไซน์จะดูไม่ทันสมัยเท่าเว็บใหม่ ๆ แต่ด้านความเสถียรและฟังก์ชันใช้งานยังยอดเยี่ยม

ประเภทออร์เดอร์

รองรับ Limit, Market, Stop (Stop-Loss, Take-Profit) และ Trailing Stop รวมถึง Hidden / Iceberg Orders เพื่อปกปิดปริมาณ อีกทั้งฟีเจอร์ Post-Only เพื่อรับค่าธรรมเนียมฝั่ง Maker และ Reduce-Only สำหรับไม่ให้สถานะกลับเป็นตรงข้าม มีระบบคีย์ลัดเหมาะกับเทรดเดอร์สายโปร BitMEX ยังเป็นที่รู้จักเรื่อง “trollbox” — แชตสดในแพลตฟอร์มสำหรับพูดคุยกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะมีบอตประกาศการล้างพอร์ตด้วยคำว่า “REKT” กลายเป็นสีสันและวัฒนธรรมของ BitMEX แต่ในแอปมือถือยังไม่มีฟีเจอร์แชตนี้

แพลตฟอร์มการซื้อขาย Spot ของ BitMex

ความเร็วและประสิทธิภาพ

Matching Engine ของ BitMEX ใช้ฐานข้อมูลแบบคอลัมน์ (kdb+) ซึ่งนิยมในระบบเทรดความถี่สูง (HFT) ภาคธนาคาร ทำให้แพลตฟอร์มรองรับปริมาณออร์เดอร์จำนวนมากโดยไม่หน่วง ในปี 2023 มีรายงานว่า Latency ลดลงถึง 95% หลังอัปเกรดระบบแกนกลาง แม้ในอดีตจะเคยเกิดปัญหา Overload ในภาวะผันผวนจัด แต่ปัจจุบันก็พบได้น้อยลงมาก

BitMEX มี API ทั้ง REST และ WebSocket สำหรับรับข้อมูลเรียลไทม์ด้วยความหน่วงต่ำ เหมาะกับสายเขียนบอตหรืออัลกอริทึม เคยมีสถิติว่ากว่า 50% ของวอลุ่มมาจากกลยุทธ์อัลกอริทึม ในสภาวะปกติการขอ Snapshot ออร์เดอร์บุ๊คใช้เวลาราว ~2.5 วินาที แล้วอัปเดต Incremental แทบจะทันที BitMEX ยังมี Testnet แยกที่ testnet.bitmex.com เพื่อให้ฝึกเทรด BTC เสมือนได้ฟรี มือใหม่หลายคนใช้ Testnet ทำความคุ้นเคยกับระบบและวิธีมาร์จิ้นก่อนลงเงินจริง

แอปมือถือ

สำหรับผู้ที่สะดวกเทรดผ่านสมาร์ตโฟน BitMEX มีแอปอย่างเป็นทางการทั้ง iOS และ Android รุ่นแรกออกปี 2020 และปรับปรุงใหม่ในปี 2022 รองรับการส่งคำสั่ง จัดการสถานะ ดูชาร์ต ฝาก-ถอน และระบบแนะนำเพื่อน (Referral) อินเทอร์เฟซปรับให้ใช้บนจอเล็กได้สะดวก แบ่งเป็นแท็บชาร์ต ออร์เดอร์บุ๊ค แผงออร์เดอร์ และพอร์ตโฟลิโอ รีวิวโดยรวมบอกว่าแอปทำงานไวและปลอดภัย มีฟีเจอร์แทบครบเท่าเว็บ เหมาะกับคนที่ต้องการเทรด 24/7 ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

เครื่องมือสำหรับเทรดเดอร์: เพราะ BitMEX เจาะกลุ่มผู้ใช้มือโปร จึงมีฟังก์ชันขั้นสูงเพิ่มเติม:

  • API Manager – สร้างหลาย API Keys พร้อมกำหนดสิทธิได้ เช่น อ่านอย่างเดียวหรือส่งคำสั่ง
  • รองรับ Algorithmic Trading – ความหน่วงต่ำ มี WebSocket เพื่อรับข้อมูลเรียลไทม์ เอกสารคู่มือ API อย่างละเอียด และตัวอย่างโค้ดหลายภาษา
  • งานวิเคราะห์และงานวิจัย – ตั้งแต่ปี 2018 BitMEX Research เผยแพร่บทรีวิวเชิงเทคนิคของบล็อกเชนและข้อมูลตลาด รวมถึง “Crypto Trader’s Digest” โดย Arthur Hayes ซึ่งมีบทความเชิงมาโครที่หลายคนสนใจ
  • ทัวร์นาเมนต์บน Testnet – บางช่วง BitMEX จัดแข่งขันเทรดในบัญชีเดโมพร้อมรางวัลจริง เปิดโอกาสให้ฝึกฝนแบบสนุกและอาจได้กำไรจริง
  • ระบบรายงานและส่งออกข้อมูล – ดึงสเตทเมนต์ย้อนหลัง ประวัติเทรด สรุปกำไรขาดทุน และข้อมูลภาษีได้อย่างละเอียด สะดวกกับสายเทรดถี่

โดยรวม BitMEX จัดว่าเป็นแพลตฟอร์ม “ระดับสถาบัน” สำหรับการเทรดคริปโต อาจดูยากสำหรับมือใหม่ แต่สายโปรมองว่าสมบูรณ์แบบทั้งฟังก์ชันและเสถียรภาพ บางคนยกให้ BitMEX เป็นมาตรฐานของตลาดอนุพันธ์คริปโต เพราะ Engine, API และเครื่องมือผ่านการทดสอบมาอย่างหนักหน่วงหลายปี

ค่าธรรมเนียมบน BitMEX

ค่าธรรมเนียมเป็นจุดเด่นสำคัญของ BitMEX เพราะมีราคาถูก และฝั่ง Maker อาจได้ Rebate คืนด้วย อัตราจะแตกต่างตามประเภทผลิตภัณฑ์ ดังนี้:

  • เทรดอนุพันธ์: โครงสร้างเป็น Maker-Taker โดย Taker เสีย 0.075% ของมูลค่าเทรด ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาด (หลายเจ้าคิด 0.1% หรือมากกว่า) ส่วน Maker จะได้ Rebate ประมาณ 0.01–0.025% ยกตัวอย่างสัญญา XBTUSD จะมี Maker Rebate 0.025% และ Taker Fee 0.075% ช่วยดึงดูดสภาพคล่อง ในบางสัญญา Alts สภาพคล่องน้อย Maker อาจไม่ได้ Rebate และ Taker Fee อาจสูงขึ้น (สูงสุด ~0.25%) อย่างไรก็ดี คู่หลักยังคิดค่าธรรมเนียมต่ำ สำหรับ Funding Rate ในสวอปถาวรนั้นไม่ใช่ค่าธรรมเนียมของเว็บ แต่เป็นการจ่ายระหว่าง Long กับ Short โดย BitMEX เป็นตัวกลาง
  • เทรดสปอต: ตอนเปิดใหม่ BitMEX เคยเสนอเทรดสปอตแบบศูนย์ค่าธรรมเนียมเพื่อดึงดูดผู้ใช้ ปัจจุบัน (ปี 2024) ยังมีเรตค่าธรรมเนียมต่ำใกล้เคียง 0% หรือ ~0.1% ไม่สูงเกินมาตรฐานตลาด เนื่องจากสปอตไม่ใช่จุดแข็งหลักของ BitMEX
  • ฝากถอน: การฝากคริปโตไม่เสียค่าธรรมเนียม ถอนก็ฟรี มีเพียงค่าธรรมเนียมเครือข่าย (Network Fee) ตามปกติ เช่น BTC จะคิดค่าธรรมเนียมที่จำเป็นสำหรับ Miner (~0.0005 BTC แล้วแต่ภาระงาน) ส่วน USDT ก็ขึ้นกับเครือข่าย (ERC-20, TRC-20 ฯลฯ) ไม่มีการบวกเพิ่มจากทางเว็บ ซึ่งต่างจากหลายเว็บที่คิดค่าถอนค่อนข้างสูง ทั้งนี้ BitMEX ยังไม่รองรับการฝาก/ถอนเงิน Fiat โดยตรง
  • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ: ตำแหน่งที่ถูกบังคับปิด (Liquidation) จะถูกเรียกเก็บสูงกว่าปกติ (เช่น ~0.5%) เพื่อเติมเข้ากองทุนประกัน และค่าธรรมเนียม Settlement ของฟิวเจอร์สอยู่ราว 0.05% สำหรับ Hidden Orders ส่วนที่ซ่อนอยู่จะถูกคิดในเรต Taker และหลังจากแมตช์สำเร็จจึงปรับเป็น Maker Rebate ในส่วนที่เปิดเผย

โปรแกรมสะสมแต้มด้วย BMEX: ในปี 2022 BitMEX เปิดตัวโทเคน BMEX เพื่อจูงใจผู้เทรด โดยมีการ Airdrop และเปิดเทรดคู่ BMEX/USDT ในกระดานสปอต ผู้ถือ BMEX จะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง เช่น ส่วนลดค่าธรรมเนียม 15–50% สิทธิถอนที่มากขึ้น โปรโมชั่นเฉพาะ และมีการเผาโทเคนเป็นระยะ

สามารถ Stake BMEX บนแพลตฟอร์มเพื่อรับรางวัลรายวันและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม BitMEX จะเผาโทเคน BMEX ทุกเดือน (เช่น 4% จากค่าธรรมเนียมอนุพันธ์ 8% จากค่าธรรมเนียมสปอต และ 50% ของค่าธรรมเนียมในคู่ BMEX) เพื่อรักษามูลค่าของโทเคน นอกจากนี้ BitMEX ยังมีระบบแนะนำเพื่อน (Referral) หากเชิญเพื่อนมาเทรดจะได้รับส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมของเพื่อน เดิมเคยจ่าย 10% นาน 6 เดือน ขณะที่เพื่อนได้ส่วนลด 10% (เงื่อนไขอาจเปลี่ยนได้) ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญอีกทางหนึ่ง

โปรแกรมพันธมิตร BitMex

เปรียบเทียบค่าธรรมเนียมกับคู่แข่ง

BitMEX นับเป็นเว็บที่ค่าธรรมเนียมถูกมากสำหรับผู้เทรดถี่ Maker ได้ Rebate −0.025% ก็หาได้ยากเพราะหลายเจ้าคิดค่าธรรมเนียมเป็นบวก Taker Fee ที่ 0.075% ก็ไม่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอนุพันธ์ (Binance Futures อาจเริ่ม ~0.04–0.05% แต่ต้องคำนึงถึงส่วนลดจาก BNB / Bybit อยู่ราว 0.06%) และการฝากถอนฟรีก็เป็นข้อดีสำคัญ โดยรวม BitMEX มีต้นทุนเทรดต่ำมาก เหมาะกับเทรดเดอร์วอลุ่มสูงหรือ High-Frequency อย่างไรก็ตาม มือใหม่ไม่ควรหลงไปใช้เลเวอเรจ 100x เพียงหวังค่าธรรมเนียมถูก เพราะความเสี่ยงจากการล้างพอร์ตมีสูงกว่ามาก



ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ

BitMEX โด่งดังด้านการรักษาความปลอดภัยของเงินลูกค้า ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2014 ไม่เคยถูกแฮกและไม่เคยสูญเสียเงินผู้ใช้ ซึ่งเป็นผลงานที่โดดเด่นมากสำหรับเว็บเทรดอนุพันธ์ที่มีปริมาณเทรดมหาศาล BitMEX ใช้มาตรการหลายชั้น ดังนี้:

  • เก็บเงินแบบ Cold Storage ทั้งหมด: เงินลูกค้าทุกเหรียญจะถูกถือในกระเป๋า Multisig แบบออฟไลน์ กุญแจส่วนตัวกระจายอยู่กับผู้บริหารระดับสูงหลายคนในหลายประเทศ ต้องอาศัยลายเซ็นร่วมกัน (เช่น 2 จาก 3) เพื่อปลดล็อกการโอน แม้เซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะก็ไม่สามารถถอนเหรียญได้ถ้าไม่มีลายเซ็นทางกายภาพ
  • ตรวจสอบการถอนเงิน: คำขอถอนจะผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย และในอดีตจะจ่ายวันละครั้ง (13:00 UTC) ปัจจุบันมีรอบถอนเล็กลง (เช่น ทุก 15 นาทีสำหรับจำนวนไม่มาก) แต่การถอนขนาดใหญ่ยังคงต้องรอรอบประจำวัน ทำให้การถอนที่น่าสงสัยแทบเป็นไปไม่ได้
  • เทคโนโลยี MPC: ปี 2021 เริ่มใช้ Secure Multi-Party Computation เพื่อป้องกันการขโมยกุญแจส่วนตัว แม้มีการเจาะระบบหลายจุด ก็จะไม่สามารถรวมกุญแจเป็นชุดสมบูรณ์ได้
  • ความปลอดภัยของบัญชี: แนะนำให้เปิด 2FA (Google Authenticator หรือฮาร์ดแวร์คีย์) ทั้งสำหรับล็อกอินและถอนเงิน ตั้ง White-list ที่อยู่กระเป๋าได้ ใช้อีเมลเข้ารหัส PGP และเพิ่ม CAPTCHA ป้องกันบอต นอกจากนี้ ไม่มีนโยบายกู้บัญชีง่าย ๆ ผ่านโทรศัพท์หรือซัปพอร์ต ต้องเก็บโค้ด 2FA ให้ดี
  • ระบบมอนิเตอร์และตรวจสอบ: มีการเฝ้าระวังรูปแบบเทรดที่ผิดปกติหรือการทำธุรกรรมต้องสงสัย หากเจอความเสี่ยง บัญชีอาจถูกระงับชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ มีการทดสอบเจาะระบบเป็นประจำ และทีมผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยคอยดูแล

การตั้งค่าความปลอดภัยใน BitMex

ความเสถียรทางเทคนิค

BitMEX ขึ้นชื่อเรื่องระบบที่มั่นคง ทำงานตลอด 24/7 ยกเว้นช่วง Maintanance สั้น ๆ เป็นครั้งคราว แทบไม่เคยมีเหตุขัดข้องยาว ๆ หรือระบบล่มอย่างที่เห็นในบางเว็บ หากต้องปิดอัปเดตระบบ BitMEX จะแจ้งล่วงหน้า (มักเป็นช่วงสุดสัปดาห์ 1–2 ชั่วโมง) นอกจากนี้ยังมีโดเมนสำรองให้กรณี API หลักโอเวอร์โหลด (เช่น ใช้ Testnet หรือโดเมนทางเลือก) ในปี 2020 ช่วงที่ราคาคริปโตร่วงหนักและตลาดมีออร์เดอร์มหาศาล BitMEX หยุดเทรดชั่วคราวเพื่อปรับสมดุล แต่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นน้อยมาก โดยรวมตลอด 10 ปีถือเป็นหนึ่งในระบบที่น่าเชื่อถือ

ความโปร่งใสและความไว้วางใจ

หลังเกิดกรณีปัญหากับเว็บเทรดอื่น (เช่น FTX ล้มในปี 2022) ผู้ใช้ต้องการหลักฐานว่าบริษัทมีความมั่นคงทางการเงิน BitMEX เป็นหนึ่งในเจ้าแรกที่ออกระบบ Proof of Reserves & Liabilities ตั้งแต่ปี 2021 โดยเผยแพร่ข้อมูลสำรองและหนี้สินของลูกค้าสัปดาห์ละสองครั้ง ทุกคนตรวจสอบได้ว่าบัญชีของตนอยู่ใน Merkle Tree ของหนี้สิน และเปรียบเทียบกับยอดในกระเป๋า Cold Wallet ของ BitMEX ซึ่งเป็น Public Address โปร่งใส ยืนยันว่า 1:1 Reserve แท้จริง นอกจากนี้ BitMEX ยังย้ำว่าไม่มีการเทรดเองแข่งกับลูกค้า อดีตเคยมีข่าวลือเรื่องปั่นราคา แต่ไม่มีหลักฐานชัด ผู้บริหารปัจจุบันยืนยันว่า BitMEX ไม่ทำ Market Making หรือ Prop Trading บนแพลตฟอร์มตัวเอง

กฎหมายและการกำกับดูแล

นับแต่จบคดี CFTC/FinCEN ในปี 2021–2022 BitMEX ก็จริงจังกับ Compliance มากขึ้น ไม่เปิดให้บริการในสหรัฐฯ หรือบางประเทศที่ถูกแบนนอกเหนือจากนั้น และบังคับ KYC เต็มรูปแบบ ยึดตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด พร้อมเผยข้อมูลการจดทะเบียนในอิตาลีและสวิตเซอร์แลนด์อย่างโปร่งใส แม้ยังไม่มีไลเซนส์ครอบคลุมสหภาพยุโรปหรือออสเตรเลียเต็มรูปแบบ แต่ก็เดินหน้าเชิงรุก ทำงานกับผู้ตรวจสอบและหน่วยงานกำกับดูแล เป้าหมายคือเป็นเว็บเทรดอนุพันธ์ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการระดับโลก สร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่สะอาดหมดจด

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป BitMEX มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมาก รีวิวในหมู่โปรต่างยอมรับว่าเว็บไม่เคยเสียเงินลูกค้าตลอด 10 ปี แถมตอบอีเมลในไม่กี่นาที บางคนบอก “ระดับมืออาชีพให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและซัปพอร์ตที่ดี BitMEX ทำได้ยอดเยี่ยม” แน่นอนว่าไม่มีใครการันตีความเสี่ยง 100% แต่ท่าทีของ BitMEX แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง

การสมัครใช้งานและการเริ่มต้น

การสมัครสมาชิก BitMEX ทำได้ไม่ยาก เริ่มจากกด “Register” บนเว็บไซต์ทางการ กรอกอีเมล ตั้งรหัสผ่าน และเลือกประเทศที่พำนัก เสร็จแล้วกดยืนยันอีเมลก็ล็อกอินได้ทันที แต่ยังไม่จบ เพราะตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ผู้ใช้ใหม่ต้องทำ KYC เพื่อปลดล็อกการเทรดด้วย

แบบฟอร์มลงทะเบียนใน BitMex

การยืนยันตัวตนต้องอัปโหลดเอกสาร เช่น บัตรประชาชนหรือใบขับขี่ รูปเซลฟี่ และหลักฐานที่อยู่ (เช่น ใบแจ้งค่าสาธารณูปโภค) กระบวนการอัตโนมัติอาจใช้เวลาไม่กี่นาที ถึงไม่กี่ชั่วโมง หากต้องตรวจมือก็อาจรอนานถึง 24 ชั่วโมง โดยไม่มี KYC จะเทรดหรือถอนไม่ได้

ผู้ใช้จากประเทศที่ถูกแบน (เช่น สหรัฐฯ) จะไม่ผ่านระบบอัตโนมัติ หากฝืนสมัครด้วย VPN แล้วโดนจับได้ บัญชีอาจถูกล็อกและต้องยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินคืนตามสิทธิ์ จึงแนะนำให้ใช้ข้อมูลจริงเท่านั้น หากประเทศของคุณถูกบล็อกตามข้อตกลงผู้ใช้ ก็ไม่ควรสมัคร

วิธีฝากเงิน

หลังสมัครและยืนยันตัวตนแล้ว สามารถฝากคริปโตเข้า BitMEX ได้โดยตรง เว็บไม่รองรับ Fiat จึงต้องซื้อเหรียญจากที่อื่นก่อนแล้วค่อยโอนเข้ามา เข้าเมนู “Deposit” ระบบจะแสดงที่อยู่กระเป๋า BTC (หรือ ETH, USDT, USDC ฯลฯ) ของคุณ ให้ส่ง BTC ตามจำนวนที่ต้องการ พอเครือข่ายยืนยัน ~1–2 บล็อก ยอดจะปรากฏในบัญชี นอกจาก BTC ยังรับเหรียญอื่นอย่าง USDT, ETH เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของ BTC ได้ด้วย

ในปี 2022 BitMEX เริ่มเชื่อมกับผู้ให้บริการ Fiat Gateway (Mercuryo, Banxa ฯลฯ) ให้คุณซื้อคริปโตด้วยบัตร Visa/Mastercard ได้ แต่เป็นการดำเนินการของพาร์ตเนอร์ คิดเรตแลกเปลี่ยนตามฝั่งนั้น ไม่ใช่ BitMEX

เริ่มเทรด

เมื่อมีเงินในบัญชีแล้วก็เปิดสถานะเทรดได้ ต้องกันส่วนหนึ่งเป็นมาร์จิ้น เช่น ถ้าจะเทรด XBTUSD แบบ Isolated Margin ระบุ BTC จำนวนเท่าไรที่ใช้เป็นค้ำประกัน ส่วนเลเวอเรจจะปรับได้ตามชอบ ถ้าตั้ง 100x หมายความว่าคุณวางมาร์จิ้นแค่ 1% ของขนาดสัญญา อย่างไรก็ตาม มือใหม่ควรเริ่มเลเวอเรจต่ำ (5x–10x) เพื่อเรียนรู้ระบบ ให้เลือกสัญญาจากเมนูบนซ้าย (เช่น XBTUSD, ETHUSDT, ADAUSD ฯลฯ) แล้วตั้งออร์เดอร์ Limit หรือ Market พื้นฐาน พอออร์เดอร์ถูกจับคู่ สถานะจะเปิดและมีราคาล้างพอร์ตแสดงไว้อย่างชัดเจน อย่าลืมตั้ง Stop-Loss ป้องกันขาดทุนเกินจำเป็น

แพลตฟอร์มการซื้อขายมาร์จิ้น BitMex

การถอนเงิน

ต้องการถอนกำไรหรือยอดคงเหลือ ให้เข้า “Withdraw” และใส่ที่อยู่กระเป๋าส่วนตัว (ควรตรวจสอบให้ถูกต้อง) ระบุจำนวน กดยืนยัน ระบบจะให้ใส่ 2FA และส่งอีเมลคอนเฟิร์ม เป็นมาตรการความปลอดภัย หลังยืนยันแล้ว คำขอถอนจะอยู่ในคิว หากจำนวนเล็กอาจได้ภายใน ~15 นาที (ตามรอบเร่งด่วน) ส่วนจำนวนใหญ่ต้องรอรอบถอนประจำวัน (ประมาณ 13:00 UTC) จากนั้นรอคอนเฟิร์มเครือข่าย ไม่สามารถถอนเป็นเงิน Fiat โดยตรง ต้องถอนคริปโตไปแลกเป็นเงินสกุลหลักที่อื่น

เคล็ดลับใช้งาน BitMEX ให้ปลอดภัย:

  • ฝึกใน Testnet (https://testnet.bitmex.com) ก่อนลงเงินจริง ขอรับ BTC เสมือนไปทดลองสั่งออร์เดอร์และใช้ API ได้ฟรี
  • เปิด 2FA และเก็บโค้ดสำรองอย่างดี หากไม่มี 2FA การถอนจะถูกจำกัดอย่างมาก
  • เริ่มจากเลเวอเรจต่ำ แม้ 100x จะน่าสนใจ แต่การเคลื่อนไหวราคาแค่ 1% อาจล้างมาร์จิ้นได้ถ้าใช้เลเวอเรจสุดขั้ว
  • เช็ก Funding Rate ในสวอปถาวรก่อนเปิดสถานะ หาก Funding สูง อาจปิดสถานะก่อนช่วงจ่ายเพื่อเลี่ยงค่าใช้จ่ายส่วนนี้
  • อ่านคู่มือช่วยเหลือ BitMEX เพราะอธิบายตั้งแต่การคำนวณราคาล้างพอร์ต ไปจนถึงวิธีใช้ API
  • ต้องตั้ง Stop Order เสมอ BitMEX ให้คุณตั้ง Stop Market/Stop Limit ตั้งแต่เปิดสถานะ อย่าเทรดเลเวอเรจสูงโดยไม่มี Stop
  • ถ้าเห็น ADL Bars เต็ม (5 ขีด) ที่ตำแหน่งของคุณ แปลว่าอยู่ในลำดับสูงสุด อาจโดน Auto-Deleveraging ได้เมื่อฝั่งตรงข้ามล้างพอร์ต แม้ไม่เกิดบ่อย แต่ควรระวัง

BitMEX อาจซับซ้อนช่วงแรก แต่เมื่อคุ้นเคย หลายคนประทับใจความเร็วและความโปร่งใสในการบังคับปิดสถานะ หากติดปัญหาหรือข้องใจใด ๆ ก็สามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้ตลอดเวลา ซึ่งจะอธิบายต่อไป



ฝ่ายบริการลูกค้า

BitMEX มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้า 24/7 ติดต่อผ่านระบบตั๋ว (อีเมล) เป็นหลัก โดยเปิดเคสได้ที่ support.bitmex.com หรืออีเมลถึงทีมซัปพอร์ต ตามรีวิวส่วนใหญ่ การตอบมักใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือเร็วกว่าเว็บเทรดอื่น ๆ BitMEX ยังดูแลช่องทางอื่น ๆ ด้วย เช่น Reddit, Twitter, Telegram มีทีมมอนิเตอร์คอยชี้ทางไปยังระบบซัปพอร์ตอย่างเป็นทางการ (ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ เช่นเดียวกับหลายเว็บในวงการคริปโต)

แหล่งความรู้และการช่วยเหลือ

BitMEX มีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ในหน้า Help Center รวมถึง FAQ ที่ครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ (วิธีคำนวณมาร์จิ้น สาเหตุการล้างพอร์ต ฯลฯ) มีไกด์อธิบายสัญญาแต่ละแบบ (เช่น คู่มือ Perpetual Contracts) และคลิปวิดีโอบน YouTube เช่น “How to Trade on BitMEX” ที่เข้าใจง่าย ทางแพลตฟอร์มไม่ได้ปล่อยให้ผู้ใช้ต้องเดาเอง หากสละเวลาศึกษาก็เข้าใจระบบได้ไม่ยาก

แหล่งข้อมูลการศึกษา BitMex

เสียงตอบรับต่อฝ่ายสนับสนุน

ส่วนใหญ่ให้คะแนนฝ่ายซัปพอร์ตของ BitMEX ค่อนข้างดี บางคนชมว่าตอบไวและให้ข้อมูลตรงประเด็นกว่าคู่แข่ง แต่บางคนอยากได้ Live Chat เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทันที ซึ่ง BitMEX ยังไม่มี ทางเลือกคือสอบถามด่วนผ่านช่องทางโซเชียลที่ทีมงานดูแลอยู่ นอกจากนี้ ยังมีบริการ BitMEX Corporate สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ โดยจะมี Account Manager ส่วนตัวช่วยดูแลด้านการถอนจำนวนมากหรือการตั้งค่า API ส่วนผู้ใช้ทั่วไปก็เปิด Ticket ตามปกติ

ชุมชนของ BitMEX เองก็เข้มแข็ง มี r/BitMEX บน Reddit และฟอรัมต่าง ๆ ที่ผู้ใช้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน บางครั้งทีมงาน BitMEX จะเข้าตอบใน Reddit เมื่อเห็นปัญหาที่ผู้ใช้เจอกันเยอะ ๆ นอกจากนี้ยังมี Blog อัปเดตแพลตฟอร์ม ซึ่ง Dev มาตอบคำถามในคอมเมนต์ด้วย กล่าวได้ว่า BitMEX มีหลายช่องทางให้ติดต่อ และค่อนข้างเปิดรับคำติชม

สรุปแล้ว ฝ่ายซัปพอร์ตของ BitMEX เปิด 24/7 และตอบค่อนข้างเร็ว แม้ไม่มี Live Chat หรือโทรศัพท์ แต่ก็ทำงานได้ดี ค่อนข้างน้อยครั้งที่จะเจอเคสปล่อยค้างไม่ได้รับคำตอบเหมือนบางเว็บ ทั้งนี้ BitMEX ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง จึงไม่ปล่อยให้ปัญหาของผู้ใช้คาราคาซัง หากสงสัยก็ติดต่อเป็นภาษาไทยหรือภาษาอื่นที่ถนัดได้เลย

ข้อดีและข้อเสียของ BitMEX

BitMEX มีทั้งจุดแข็งและข้อจำกัด มาไล่ดูกันว่าข้อดี-ข้อเสียหลัก ๆ ของแพลตฟอร์มนี้มีอะไรบ้าง

ข้อดีของ BitMEX:

  • เปิดมายาวนานและเชื่อถือได้ – ดำเนินงานมาเกือบ 10 ปี ไม่เคยถูกแฮกหรือสูญเงินลูกค้า ผ่านหลายวงจรตลาดจนระบบปลอดภัยและเสถียร
  • เลเวอเรจสูงสุดถึง 100x – โดนใจสายเทรดมืออาชีพที่ต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากความผันผวนของราคา
  • ค่าธรรมเนียมต่ำและมี Rebate – Taker 0.075% และ Maker −0.025% ถือว่าถูกมาก แถมฝาก-ถอนฟรี
  • สภาพคล่องสูงใน BTC – สเปรดแคบ ออร์เดอร์บุ๊คหนา ใส่ออร์เดอร์ใหญ่ ๆ ได้สบายโดยสลิปเพจน้อย
  • แพลตฟอร์มระดับมือโปรและ API เร็ว – มีออร์เดอร์หลายแบบ UI ปรับแต่งได้ Testnet แยก ฟีเจอร์ครบ รองรับกลยุทธ์อัลกอริทึม
  • ระบบปลอดภัยและโปร่งใส – เก็บเงินแบบเย็นทั้งหมด มี Proof of Reserves เผยแพร่ตลอด
  • ไม่เกิด Socialized Loss – มีกองทุนประกันขนาดใหญ่ ADL เกิดได้น้อย รักษาผลกำไรของเทรดเดอร์
  • BMEX Token และสิทธิพิเศษ – ได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมสูงสุด 50% และได้ร่วมโปรโมชั่นพิเศษ
  • รองรับเฉพาะคริปโต – ไม่มีปัญหากับธนาคารหรือบัญชีถูกระงับ ทำงานด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลล้วน ๆ
  • มีภาษาไทย – อินเทอร์เฟซและซัปพอร์ตใช้งานภาษาไทยได้ ช่วยให้เข้าใจง่าย
  • ชุมชนแข็งแกร่งและชื่อเสียงเก่าแก่ – เทรดเดอร์มากประสบการณ์ไว้ใจ เพราะ BitMEX ถือเป็น “รุ่นเก๋า” ของวงการ

ข้อเสียของ BitMEX:

  • แพลตฟอร์มค่อนข้างซับซ้อน – เครื่องมือและเน้นมาร์จิ้นสูง เหมาะกับผู้มีประสบการณ์ มือใหม่อาจพลาดล้างพอร์ตได้ง่าย
  • รองรับเหรียญจำกัด – มีแค่ 20–30 เหรียญ ไม่หลากหลายเท่าตลาดใหญ่ เช่น Binance ที่มีเหรียญนับร้อย
  • ไม่มี Fiat – ต้องซื้อคริปโตจากที่อื่นก่อน อาจไม่สะดวกสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการฝากเงินผ่านธนาคารหรือบัตร
  • บล็อกผู้ใช้หลายประเทศ – ไม่ให้บริการในสหรัฐฯ และประเทศที่ถูกคว่ำบาตร KYC บังคับ ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวเหมือนสมัยก่อน
  • ฟีเจอร์น้อยกว่าคู่แข่งบางราย – BitMEX เน้นอนุพันธ์ จึงไม่มี Launchpad, ฟีเจอร์ DeFi, ตลาด NFT หรืออื่น ๆ แบบแพลตฟอร์มออลอินวัน
  • เคยมีปัญหาทางกฎหมาย – แม้จะคลี่คลายแล้ว แต่ภาพลักษณ์บางส่วนเสียไป เพราะคดีในปี 2020 ที่ถูกสหรัฐฯ ฟ้องร้อง
  • ไม่มี Live Chat หรือโทรศัพท์ – ติดต่อต้องเปิด Ticket หรือโซเชียลเท่านั้น
  • UI ดูโบราณ – หลายคนมองว่าอินเทอร์เฟซ BitMEX ไม่สวยเท่าเว็บสมัยใหม่ แต่ด้านการใช้งานถือว่าโอเค
  • เลเวอเรจสูง = เสี่ยงสูง – บางคนเข้าใจผิดว่า 100x คือโอกาสรวยเร็ว แต่ความผันผวน 1% อาจล้างพอร์ตได้ในพริบตา

โดยสรุป BitMEX เหมาะกับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการระบบเทรดแข็งแกร่งและค่าธรรมเนียมต่ำ ถึงจะมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนเหรียญและความซับซ้อน แต่ยังคงเป็นแพลตฟอร์มคุณภาพสำหรับการเทรดอนุพันธ์คริปโต หากเป็นมือใหม่ คุณอาจเริ่มต้นเทรดสปอตหรือบนเว็บที่ใช้ง่ายกว่า แล้วค่อยลอง BitMEX เมื่อชำนาญขึ้น

รีวิวจากผู้ใช้จริง

เสียงตอบรับเกี่ยวกับ BitMEX มีทั้งชอบและไม่ชอบแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น บนเว็บรีวิวเชิงสาธารณะหลายแห่ง คะแนนเฉลี่ยค่อนข้างต่ำ เพราะผู้ใช้มือใหม่บางรายเสียเงินกับเลเวอเรจสูง หรือมีปัญหาถอนเงินล่าช้า จึงรีวิวเชิงลบ เช่น “ถอนเงินยาก” หรือ “ราคาถูกปั่นจนโดนล้างพอร์ต” มีการกล่าวหาเว็บโกง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานยืนยัน ใน Trustpilot และเว็บแนวเดียวกัน มักเต็มไปด้วยคนที่เพิ่งเสียหายและมาระบาย ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า หลายเคสเกิดจากไม่เข้าใจการล้างพอร์ตมากกว่า

อีกด้านหนึ่ง เทรดเดอร์มืออาชีพและสถาบันกลับชื่นชม BitMEX มาก เช่น TradingView ส่วนใหญ่ให้คะแนนดี (4.2/5) มีคอมเมนต์ว่า “มั่นคงและผ่านการพิสูจน์มายาวนาน เลเวอเรจสูง สภาพคล่องแน่น เยี่ยมมาก” และ “เก๋าเกมสุด ๆ เหมาะกับคนที่รู้จักบริหารความเสี่ยง”

บน G2 ก็มีรีวิวว่าตัวแพลตฟอร์มเหมาะกับนักเทรดที่มีประสบการณ์จริง ๆ การมีเหรียญค่อนข้างน้อยอาจเป็นข้อจำกัด แต่คุณภาพเครื่องมือเทรดไม่มีที่ติ

ใน Reddit (r/cryptocurrency) ก็มีทั้งคนเตือนให้ใช้อย่างระวัง บอกว่า “BitMEX ดีถ้าคุณรู้ว่าทำอะไรอยู่ แต่เลเวอเรจสูงเสี่ยงมาก” ส่วนข่าวด้านลบ เช่น “ระบบล่มตอนราคาผันผวนแรง” ก็เคยเกิดขึ้น แต่ไม่ได้พบหลักฐานว่าเป็นการจงใจ

รีวิวในกลุ่มผู้ใช้ภาษาไทย

สำหรับนักเทรดไทยและโซน CIS ก็มีไม่น้อยที่เคยใช้งาน BitMEX แบบต่อเนื่อง หลายคนรีวิวในโซเชียลว่า “เทรดมา 3 ปี ถอนครั้งละเยอะ ๆ ก็ไม่มีปัญหา ขอแค่เล่นเลเวอเรจแบบไม่เสี่ยงเกินตัว” ส่วนช่วงหลัง Bybit และ Binance ได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ BitMEX ยังคงมีฐานแฟนที่มั่นคงในหมู่เทรดเดอร์มือโปร เนื่องจากเป็นเจ้าตลาดเก่าแก่

มุมมองผู้เชี่ยวชาญ

เหล่านักวิเคราะห์คริปโตให้ความเห็นว่า BitMEX “เหมาะกับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญ” รีวิวหลายเจ้าบอกว่าเครื่องมือเลเวอเรจ 100x และฟังก์ชันอนุพันธ์ขั้นสูงนั้นดีมาก แต่อันตรายกับคนที่ไม่ชำนาญ Investopedia จัดอันดับ BitMEX ค่อนข้างสูงในหมวดอนุพันธ์คริปโต ระบุว่าปัจจุบันบริษัทกำลังปรับภาพลักษณ์ไปเป็นเว็บเทรดที่ได้รับอนุญาตเต็มรูปแบบ ต่างจากสมัยก่อนที่มีข่าวเชิงลบ แม้บางคนจะบ่นว่าเหรียญน้อยและไม่มี Fiat แต่เรื่องค่าธรรมเนียมกับสภาพคล่องถือว่าเป็นข้อดีชัดเจน ในปี 2023–2025 BitMEX ยังเป็นตัวเลือกน่าสนใจสำหรับสายมือโปร ขณะที่ผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกแพลตฟอร์มใช้ง่ายมากกว่านี้

สรุปคือ ผู้ใช้มือใหม่ที่เคยเสียหายอาจรีวิวติดลบ ขณะที่กลุ่มเทรดเดอร์ที่เข้าใจกติกาและอยู่มานานชื่นชม BitMEX ว่าเป็นเว็บคุณภาพในระยะยาว ดังคำเปรียบเปรยว่า “BitMEX เหมือนซูเปอร์คาร์: อยู่ในมือผู้ขับที่มีทักษะคืออาวุธชั้นดี แต่ถ้าไม่ชำนาญก็เกิดอุบัติเหตุรุนแรงได้”



Igor Lementov
Igor Lementov - ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิเคราะห์ที่ Best-Binary.com


บทความที่อาจช่วยคุณได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด: 0
avatar