หน้าหลัก ข่าวไซต์
RoboForex: บทวิจารณ์อย่างละเอียด & ข้อมูลเชิงลึก (2025)
Updated: 06.05.2025

RoboForex – ภาพรวมโบรกเกอร์พร้อมการวิเคราะห์การเทรดอย่างละเอียด (2025)

RoboForex เป็นโบรกเกอร์ Forex ระดับสากลที่ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2009 โดยให้บริการเข้าถึงตลาดการเงินหลากหลายรูปแบบ บริษัทจดทะเบียนในเขตนอกชายฝั่ง Belize และอยู่ภายใต้ใบอนุญาตของหน่วยงานกำกับท้องถิ่น (IFSC) ส่วนนิติบุคคลฝั่งยุโรปของกลุ่มนี้คือ RoboMarkets ที่ได้ใบอนุญาตจาก CySEC ประเทศไซปรัส ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา RoboForex ได้ดึงดูดลูกค้ามากมาย: ตามข้อมูลของ Traders Union ปัจจุบันมีเทรดเดอร์ที่ใช้งานมากกว่า 3.5 ล้านคนจาก 169 ประเทศ และรีวิวอิสระยังกล่าวถึงการเติบโตที่รวดเร็ว (มากกว่า 5 ล้านบัญชีภายในปี 2025)

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา RoboForex คว้ารางวัลหลายรายการที่สะท้อนชื่อเสียงของบริษัท ตัวอย่างรางวัลล่าสุด ได้แก่ “Most Trusted Broker” จาก International Business Magazine ปี 2020, “Best Broker of the Year 2021” จากชุมชนเทรดเดอร์ IAFT และ “Best Trading Conditions 2023” จาก World Economic Magazine เกียรติยศเหล่านี้ยืนยันถึงคุณภาพสภาพแวดล้อมการเทรดของโบรกเกอร์และความเชื่อมั่นจากกลุ่มมืออาชีพ อย่างไรก็ดี ยังมีเสียงวิจารณ์ด้านลบในบางเว็บบอร์ด จึงควรวิเคราะห์ทุกด้านของการทำงาน RoboForex อย่างถี่ถ้วน

ทำไม RoboForex จึงมีบทบาทต่อเทรดเดอร์? เพราะโบรกเกอร์รายนี้มีเงื่อนไขการเทรดที่แข่งขันได้สูง เช่น สเปรดต่ำ เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 สินค้าทางการเงินหลากหลายกว่า 12,000 รายการ และแพลตฟอร์มที่หลากหลาย แต่ขณะเดียวกันก็มีสถานะจดทะเบียนนอกชายฝั่ง ทำให้บางคนกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือ หลายคนสนใจโบนัส (โบนัสต้อนรับ, cashback, ดอกเบี้ยคงเหลือ ฯลฯ) แต่ลังเลเพราะรีวิวเชิงลบเกี่ยวกับการถอนเงิน จากมุมนี้ การรีวิว RoboForex อย่างครอบคลุม ตั้งแต่การกำกับดูแลและความปลอดภัยของเงินทุน ไปจนถึงประสบการณ์จริงของผู้ใช้งาน จะช่วยให้ตัดสินใจได้ว่าควรเลือกหรือไม่

ท้ายบทความนี้ เราจะตอบคำถามหลัก: “RoboForex น่าเชื่อถือแค่ไหน?” เราจะพิจารณาสถานะการกำกับดูแลกับการปกป้องเงินลูกค้า สภาพการเทรดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง และรีวิวจากเทรดเดอร์ตัวจริง พร้อมสรุปว่าควรให้ความไว้วางใจ RoboForex หรือเปล่า? ถ้าพร้อมแล้ว มาดูรายละเอียดเชิงลึกกันเลย!



เว็บไซต์ทางการของโบรกเกอร์ RoboForex

การเทรดในตลาด Forex และแพลตฟอร์มเทรดไบนารีออปชันมีความเสี่ยงสูง ข้อมูลระบุว่าประมาณ 70–90% ของเทรดเดอร์สูญเสียเงินลงทุนขณะเทรด จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทางจึงจะสร้างผลกำไรอย่างต่อเนื่อง ก่อนเริ่มต้น ควรศึกษากลไกของเครื่องมือเหล่านี้ให้ละเอียดและเตรียมพร้อมรับความสูญเสียที่อาจเกิดได้เสมอ อย่าเสี่ยงด้วยเงินที่สูญเสียแล้วจะกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณ

การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือของ RoboForex

การกำกับดูแลถือเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์ RoboForex Ltd จดทะเบียนใน Belize และได้รับใบอนุญาตจาก IFSC (International Financial Services Commission) – หน่วยงานกำกับด้านการเงินของประเทศ โดยมีเลขที่ใบอนุญาต IFSC 000138/32 ซึ่งออกในปี 2021 แม้การกำกับดูแลจาก Belize จัดว่าเป็นแบบนอกชายฝั่งและเข้มงวดน้อยกว่าหน่วยงานของสหรัฐฯ หรือยุโรป แต่ RoboForex ก็ได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเสริมความมั่นใจแก่ลูกค้า:

  • ใบอนุญาตยุโรปผ่าน RoboMarkets: กลุ่ม RoboForex มี RoboMarkets Ltd อยู่ในเครือซึ่งได้รับการกำกับจาก CySEC (เลขที่ใบอนุญาต 191/13) ลูกค้ายุโรปจึงอยู่ในกรอบของกฎหมาย EU (MiFID II) และได้รับการคุ้มครองจากกองทุนชดเชยของ CySEC แม้ RoboForex Ltd เองจะไม่ได้ถือใบอนุญาต CySEC แต่การมีบริษัทในเครือภายใต้การกำกับของยุโรปก็สะท้อนถึงความโปร่งใสของธุรกิจ ทั้งนี้ เทรดเดอร์จาก CIS และประเทศอื่น ๆ ส่วนใหญ่ยังเลือกเปิดบัญชีกับ RoboForex (Belize)
  • สมาชิกภาพใน Financial Commission (FinaCom): RoboForex เป็นสมาชิกระดับ A ขององค์กรอิสระอย่าง The Financial Commission ซึ่งตั้งอยู่ในฮ่องกง โดยสมาชิกภาพนี้หมายถึงโบรกเกอร์ยินยอมให้มีองค์กรภายนอกเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาท จุดเด่นสำคัญคือกองทุนชดเชยสูงสุด €20,000 ต่อเคส หากโบรกเกอร์ไม่ทำตามคำตัดสินของ FinaCom การเป็นสมาชิกระดับ A ยังแสดงถึงการยอมรับมาตรฐานสูงและพร้อมให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้า
  • การประกันภัยความรับผิด: ในปี 2019 RoboForex เปิดตัวโครงการประกันภัยความรับผิดสูงถึง €2,500,000 ซึ่งครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาด การโกง การละเมิด หรือเหตุสุดวิสัย ถือเป็นหลักประกันเพิ่มเติมเกินกว่าข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับ โดย RoboForex ระบุว่าตนเป็นโบรกเกอร์รายเดียวที่มีการป้องกัน 3 ชั้น: ใบอนุญาต, กองทุนชดเชยของ FinaCom และกรมธรรม์ประกันส่วนบุคคล สิ่งนี้เป็นข้อดีที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง
  • การแยกเก็บเงินทุน (Segregated Accounts) และ Negative Balance Protection: บริษัทระบุว่ามีการแยกเก็บเงินลูกค้าในบัญชีธนาคารที่ต่างหากจากเงินของบริษัทเอง และมีระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบ — หากตลาดผันผวนจนทำให้บัญชีเหลือติดลบ RoboForex จะปรับให้เป็นศูนย์โดยอัตโนมัติ ซึ่งสำคัญมากเมื่อใช้เลเวอเรจสูง เพราะหากเกิดการขาดทุนรุนแรงคุณก็ไม่สูญเกินเงินต้น

แม้จะมีมาตรการเชิงบวกเหล่านี้ การประเมินด้านความน่าเชื่อถือโดยรวมยังคงมีหลายมุมมอง ด้านหนึ่ง RoboForex เปิดให้บริการมานานกว่า 14 ปี มีลูกค้านับล้าน และได้รับรางวัลการันตีความโปร่งใส (เช่น “Safest Broker” 2018 จากงาน London Investor Show) เทรดเดอร์ในกลุ่ม CIS หลายคนให้รีวิวว่าจ่ายเงินปกติ ไม่มีปัญหา “โบรกเกอร์โอเค ฝากถอนง่าย ไม่เคยมีปัญหา” คุณ Vladimir กล่าว ขณะที่อีกคนก็บอกว่า “โบรกเกอร์มีใบอนุญาต การประมวลคำสั่งยอดเยี่ยม ทำให้เทรดได้สบายใจ” แสดงว่ามีผู้ที่เชื่อมั่นในมาตรการความปลอดภัยของ RoboForex

แต่ในอีกมุม ความเป็นนอกชายฝั่งของ Belize ทำให้ไม่อยู่ภายใต้หน่วยงานเข้มงวดระดับ FCA หรือ ASIC ซึ่งทำให้เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์บางส่วนกังวล เพราะหากเกิดข้อพิพาทจริง ๆ ผู้ร้องเรียนต้องพึ่งพา FinaCom หรือหน่วยงานใน Belize แทนที่จะเป็นศาลในสหภาพยุโรป ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรีวิวเชิงลบบางส่วนเกี่ยวกับการถอนเงินล่าช้าหรือเงื่อนไขโบนัสที่ซับซ้อน เช่น ใน ForexPeaceArmy มีผู้ใช้รายหนึ่งกล่าวว่า “RoboForex ไม่ยอมให้ถอนเงิน อ้างขอเอกสารเพิ่มเติมเรื่อย ๆ” อีกคนบอกว่าถอน $1200 ไม่สำเร็จ อ้างว่ามีปัญหากับธนาคาร แต่เงินส่วนหนึ่งไม่ถูกคืน ซึ่งกรณีเหล่านี้บั่นทอนชื่อเสียงของบริษัท

อย่างไรก็ตาม RoboForex มักตอบโต้คำร้องเรียนในฟอรัมต่าง ๆ โดยพยายามแก้ปัญหาแบบเป็นทางการ เช่น กรณีโดนกล่าวหาว่าขึ้นค่า Swap ช่วงสุดสัปดาห์ บริษัทได้ชี้แจงว่าเป็นการเปลี่ยนจากผู้ให้สภาพคล่อง ไม่ใช่การปรับของโบรกเกอร์เอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีข้อพิพาทเช่นนี้เท่ากับเทรดเดอร์ควรอ่านเงื่อนไขโบนัสหรือสัญญาให้ละเอียดและระมัดระวัง

บทสรุปด้านความน่าเชื่อถือ: RoboForex เป็นโบรกเกอร์ที่ได้รับใบอนุญาต มีประวัติยาวนาน พร้อมระบบคุ้มครองหลายชั้น (หน่วยงานกำกับ, FinaCom, ประกันภัย) และได้รับความไว้วางใจในวงกว้าง เห็นได้ชัดจากรางวัลอย่าง “Most Trusted Broker” 2020 และ “Safest Broker” 2018 แต่สถานะนอกชายฝั่งและรีวิวด้านลบที่ยังมีให้เห็นก็บ่งชี้ว่าควรระมัดระวังอย่างเหมาะสม หากถามว่า “ควรเชื่อถือ RoboForex ไหม?” โดยภาพรวมคือ “ได้” หากปฏิบัติตามเงื่อนไขของโบรกเกอร์และบริหารความเสี่ยงรอบคอบ บริษัทพยายามหลายทางในการปกป้องเงินทุนลูกค้า แต่การเชื่อใจอย่างเต็มที่ควรเริ่มจากการทดสอบด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อยก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคย

เงื่อนไขการเทรดของ RoboForex

เงื่อนไขการเทรดของ RoboForex นับว่าดึงดูดใจและแข่งขันได้ แม้เทียบกับโบรกเกอร์รายใหญ่ระดับโลก เนื่องจากเน้นต้นทุนการเทรดที่ต่ำและความยืดหยุ่น เรามาดูกันว่าเรื่องสเปรด คอมมิชชั่น สว็อป เลเวอเรจ และคุณภาพการประมวลคำสั่งเป็นอย่างไรบ้าง:

  • สเปรด: RoboForex มีทั้งบัญชีสเปรดลอยตัวและไม่คิดค่าคอมมิชชั่น ตลอดจนบัญชีสเปรดดิบ (Raw Spread) ที่เริ่มจาก 0 pip และมีค่าคอมมิชชั่นแยก บัญชี Pro กับ ProCent (ยอดนิยม) เริ่มต้นราว ๆ 1.3 pips สำหรับ EUR/USD โดยไม่มีค่าคอมฯ ซึ่งจัดว่ากลาง ๆ ในตลาด เหมาะกับกลยุทธ์ส่วนใหญ่ (สแกลปปิ้งหรืออินทราเดย์) ขณะที่ ECN และ Prime ใช้โมเดล Raw Spread เริ่มจาก 0.0 pips แต่จะมีคอมมิชชั่นต่อการเทรด เช่น EUR/USD อยู่ที่ ~$2 ต่อล็อต (ECN) หรือ ~$1 ต่อล็อต (Prime) หากเทียบเป็น pip ก็เพิ่มราว 0.1–0.2 pip จากสเปรดดิบ ถือว่าแข่งขันได้อย่างมาก

ตารางด้านล่างแสดงต้นทุนโดยประมาณของบัญชีหลักใน RoboForex:

ประเภทบัญชี สเปรด EUR/USD คอมมิชชั่น สว็อป คุณสมบัติ
Pro เริ่ม ~1.3 pips (ลอยตัว) ไม่มี (รวมในสเปรด) มี (อัตราปกติของตลาด) เหมาะกับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ ไม่มีค่าธรรมเนียมเทรด
ProCent เริ่ม ~1.3 pips (ลอยตัว) ไม่มี มี คล้าย Pro แต่ยอดเงินเป็นเซนต์ (เทรดไมโครล็อต)
ECN เริ่ม ~0.0 pips (ลอยตัว) $20 ต่อมูลค่าการเทรด $1 ล้าน มี สเปรดต่ำสุด มีค่าคอมฯ ประมาณ $2 ต่อล็อต
Prime เริ่ม ~0.0 pips (ลอยตัว) $10 ต่อมูลค่าการเทรด $1 ล้าน มี คอมมิชชั่นต่ำ (~$1 ต่อล็อต) สเปรดเหมือน ECN
R StocksTrader เริ่ม $0.01 (สำหรับหุ้น) คิดตามตราสาร (เริ่ม ~$0.015/หุ้น เป็นต้น) หุ้นจริงไม่มีสว็อป แต่ CFD มี เทรดหุ้นและ ETF พร้อมคอมมิชชั่นตามปริมาณ ไม่มีสว็อปสำหรับสินทรัพย์จริง
Swap-Free เริ่ม ~1.3 pips หรือ 0.0 pips (ตามประเภทบัญชี) อาจมีค่าธรรมเนียมคงที่แทนสว็อป ไม่มีดอกเบี้ย (No interest) บัญชีอิสลาม อาจมีการชาร์จค่าธรรมเนียมเป็นจำนวนเงินคงที่แทน
Demo เหมือนเงื่อนไขบัญชีจริงที่เทียบเคียง ไม่มี (บัญชีเสมือน) ไม่มี (บัญชีเสมือน) จำลองเงื่อนไขจริง แต่ไม่เสี่ยงด้วยเงินจริง

ประเภทบัญชีการซื้อขายใน RoboForex

  • เลเวอเรจ: RoboForex ขึ้นชื่อว่าให้เลเวอเรจสูงมาก โดยคู่เงิน Forex บางบัญชีสูงสุดถึง 1:2000 (Pro, ProCent ฯลฯ) ซึ่งติดอันดับต้น ๆ ของตลาด ตัวอย่างเช่น คุณมีทุน $1,000 แต่สามารถถือสถานะได้ถึง $2 ล้าน เลเวอเรจที่สูงช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรมหาศาล แต่ก็เสี่ยงเพิ่มขึ้นตามลำดับ (ขาดทุนรวดเร็วเช่นกัน) ทั้งนี้ คุณปรับเลเวอเรจได้ เช่น 1:1000, 1:500 เป็นต้น บัญชีหุ้นและคริปโตมักมีเลเวอเรจต่ำกว่า (1:2–1:5) เนื่องจากความผันผวนสูง RoboForex อาจลดเลเวอเรจชั่วคราวในช่วงข่าวแรงหรือบัญชีที่มียอดฝากมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยง
  • ค่าคอมมิชชั่น: บัญชีมาตรฐานจะไม่คิดค่าคอมฯ แยก (กำไรของโบรกเกอร์รวมในสเปรด) ส่วน ECN/Prime จะคิดค่าคอมฯ ตามปริมาณการเทรด นอกจากนี้อาจมีค่าธรรมเนียมฝาก/ถอนบ้าง แต่ RoboForex มักออกแคมเปญฟรีค่าธรรมเนียม (รายละเอียดดูในหัวข้อฝาก/ถอน) ไม่มีค่าบริการซ่อนเร้นสำหรับดูแลบัญชีหรือค่าไม่ใช้งาน ยกเว้นบริการบางอย่าง เช่น VPS (หากไม่เข้าเงื่อนไขใช้ฟรี) หรือค่าคอมฯ การแปลงสกุลเงินเมื่อฝาก/ถอน ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไป
  • ความเร็วและคุณภาพของการประมวลคำสั่ง: RoboForex อ้างว่าใช้เทคโนโลยี ECN และ STP (Straight Through Processing) ส่งคำสั่งไปยังผู้ให้สภาพคล่องโดยไม่ผ่านโต๊ะดีล ตามการรีวิวของ FXEmpire ระบุว่าเวลาประมวลเฉลี่ย ~45 มิลลิวินาที ซึ่งเร็วมากจนแทบไม่รู้สึก เหมาะกับการสแกลปหรือเทรดความถี่สูง ลูกค้าหลายคนบอกว่า “สั่งออเดอร์ไวดี ไม่ค้าง ไม่หลุดแม้ตอนเปิด/ปิดคำสั่ง” อย่างไรก็ตาม มีบางรีวิวระบุว่าช่วงข่าวแรงสเปรดกว้างขึ้นและความเร็วอาจลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับตลาดที่มีความผันผวน อีกทั้งเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ต่างประเทศอาจมีค่า ping เพิ่มขึ้นบ้าง เทียบกับผู้นำอย่าง IC Markets ที่มีเฉลี่ย ~0.3s RoboForex อาจช้ากว่านิดหน่อย (1–3s ในสถานการณ์สุดขีด) แต่โดยรวมยังถือว่าเร็วเพียงพอสำหรับกลยุทธ์ทั่วไป
  • สลิปเพจและรีโควต: บัญชี RoboForex ใช้ Market Execution จึงไม่มีรีโควต ออเดอร์จะจับคู่ในราคาที่มีอยู่ขณะนั้น แม้ราคาจะขยับ สลิปเพจสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงผันผวนรุนแรง แต่โบรกเกอร์ได้รับใบรับรอง Verify My Trade (VMT) จาก Financial Commission ที่จะสุ่มตรวจสอบคุณภาพการจับคู่ราคาเป็นระยะ หากมีการสลิปมากเกินเหตุผิดปกติ องค์กรอาจเพิกถอนใบรับรองได้

เปรียบเทียบเงื่อนไขของ RoboForex กับคู่แข่ง: ตารางด้านล่างคือการเปรียบเทียบกับ AMarkets, FxPro และ TeleTrade:

พารามิเตอร์ RoboForex AMarkets FxPro TeleTrade
การกำกับดูแล IFSC (Belize); สมาชิก FinaCom; ประกัน €2.5M / CySEC (ผ่าน RoboMarkets) FSA SVG (นอกชายฝั่ง); สมาชิก FinaCom FCA (UK), CySEC (Cyprus), SCB (Bahamas) – โดดเด่นด้านกำกับดูแล CySEC (Cyprus) สำหรับ EU; ใบอนุญาตท้องถิ่นในบางประเทศ CIS
ก่อตั้งปี 2009 2007 2006 1994 (แบรนด์), ออนไลน์ตั้งแต่ 2004
จำนวนลูกค้า มากกว่า 3.5 ล้าน (169 ประเทศ) ~500k (โดยประมาณ) 1.8 ล้าน+ (150+ ประเทศ) หลักหมื่น (ส่วนใหญ่ใน CIS)
เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 (Forex), 1:20 (หุ้น) 1:3000 (Forex) 1:500 (ทั่วโลก), 1:30 (EU) 1:500 (Forex)
เงินฝากขั้นต่ำ $10 (Standard), $100 (Stocks) $100 (Standard), $200 (ECN) $100 (แนะนำ) $50 (Standard), $1000 (ECN)
สเปรด EUR/USD เริ่ม ~1.3 pips (Pro), 0.0 pips (ECN) เริ่ม ~1.3 pips (Standard), 0.0 pips (ECN) เริ่ม ~1.2 pips (MT4), 0.0 pips (cTrader) ~2.0–3.0 pips (Standard), 0.0 pips (NDD)
ค่าคอมมิชชั่นเทรด ไม่มี (Pro), $20/million (ECN), $10/million (Prime) ไม่มี (Standard), $5 ต่อล็อต (ECN) ไม่มี (MT4/5), ~$9 ต่อล็อต (cTrader) ไม่มี (Standard), ~$10 ต่อล็อต (ECN)
แพลตฟอร์ม MT4, MT5, cTrader, R StocksTrader, WebTrader, MobileTrader MT4, MT5, WebTrader, Mobile MT4, MT5, cTrader, FxPro Edge (เว็บ) MT4, MT5, TT CopyTrading
สินค้าที่เทรดได้ 12,000+ (9 ประเภท: Forex, หุ้น, ดัชนี, ETF, สินค้าโภคภัณฑ์, โลหะ, พลังงาน, คริปโต, CFD) ~550 (ประมาณ 42 คู่ Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต ~30, CFD หุ้น) ~400 (70+ Forex, 200+ หุ้น, ~20 ดัชนี, ~10 สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต 30+) ~200 (50 Forex, ~100 หุ้น, คริปโต 19, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์)
โบนัส & โปรโมชั่น โบนัสต้อนรับ $30; โบนัสเงินฝากสูงสุด 120%; cashback สูงสุด 15%; ดอกเบี้ย 10% บนยอดคงเหลือ; VPS ฟรี; แข่งขันเทรด โบนัสเงินฝาก 25%; โปรแกรม CashBack; ไม่มีโบนัสแบบไม่ต้องฝาก ไม่มี (ระเบียบห้าม); บางครั้งมีโปรสำหรับมือโปร มีน้อย (เคยมีโบนัส ปัจจุบันจำกัดโดย CySEC)
การถอนเงิน ฟรีค่าธรรมเนียม 2 ครั้งต่อเดือน; ปกติ 1–2 วันสำหรับอีวอลเล็ต ฟรีค่าธรรมเนียม (โบรกเกอร์จ่ายให้); เร็ว (~1 วัน) ไม่มีค่าธรรมเนียมจากโบรกเกอร์; 1–3 วัน อาจมีค่าธรรมเนียม (แล้วแต่ระบบ), 1–3 วัน
ฝ่ายสนับสนุน 24/7 หลายภาษา (RU, EN, จีน ฯลฯ) มีไลฟ์แชทตอบเร็ว 24/7 RU/EN มีผู้จัดการส่วนตัวสำหรับ VIP 24/5 (หลายภาษา) คุณภาพดี 5/7 ในวันทำการ (RU/EN) มีออฟไลน์ในพื้นที่
ชื่อเสียง / รีวิว หลากหลาย: ได้คะแนนสูงเรื่องเงื่อนไข แต่มีข้อร้องเรียนถอนเงิน (FPA ~2.3/5) เป็นบวกในกลุ่ม CIS; นอกชายฝั่ง => ควรใช้ความระวัง มีชื่อเสียงแข็งแกร่ง (Trustpilot ~4/5) แต่ไม่มีโบนัส เป็นที่รู้จักใน CIS เคยมีประเด็นช่วง 2014–2015; ปัจจุบันเสถียรแต่ไม่หลากหลายเท่า

สรุป: จากการเทียบ RoboForex โดดเด่นในหลายด้าน เช่น จำนวนตราสารที่เทรดได้มากสุด เลเวอเรจสูงสุด และแพลตฟอร์มกับโบนัสที่หลากหลาย ด้านต้นทุนเทรด RoboForex กับ AMarkets ใกล้เคียงกัน (ต่างเป็นโมเดลสเปรดต่ำ เลเวอเรจสูง ในนอกชายฝั่ง) ส่วน FxPro แม้เลเวอเรจต่ำกว่าและไม่มีโบนัส แต่มีหน่วยงานกำกับเข้มแข็งพร้อมเทคโนโลยีชั้นนำ TeleTrade ตามหลังเรื่องความหลากหลายของตราสารและสเปรดสูงกว่า หากคุณเน้นต้นทุนต่ำสุดและโบนัส RoboForex อาจตอบโจทย์ แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับใบอนุญาตชั้นนำ (FCA/CySEC) และภาพลักษณ์ระดับโลก FxPro หรือโบรกเกอร์ใน EU อาจปลอดภัยกว่า

  • Swap: ขอสรุปเพิ่มเติม RoboForex คิดอัตรา Swap ข้ามคืนตามดอกเบี้ยข้ามคืนในตลาด ซึ่งอาจเป็นลบหรือบวกในบางคู่เงิน เช่น EUR/USD ขายชอร์ตบางช่วงก็อาจได้ Swap เป็นบวก ซึ่งนับว่าไม่ค่อยเจอในโบรกเกอร์อื่น หลายรายมักตั้ง Swap ติดลบทั้งสองข้าง เหมาะกับเทรดสาย Carry Trade ที่ได้ประโยชน์จากส่วนต่างดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี บางครั้งโบรกเกอร์ปรับ Swap ก่อนวันหยุดหรือวันสำคัญ ข้อร้องเรียนใน FPA รายหนึ่งบอกว่า RoboForex ขึ้น Swap มากกะทันหันก่อนตลาดปิดวันศุกร์ 13 นาที ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ดี นี่อาจเป็นกรณีข้อยกเว้น จึงควรเช็กเงื่อนไขล่าสุดก่อนถือโพซิชันข้ามคืน

สำหรับสถิติความนิยมของ RoboForex เทียบกับคู่แข่ง (เช่น AMarkets, FxPro, TeleTrade) จาก Google Trends ชี้ว่าความสนใจ RoboForex สูงขึ้นต่อเนื่องหลังปี 2018 เนื่องจากบางโบรกเกอร์ถอนตัวจากตลาด CIS ส่วน FxPro มีผู้ใช้คงที่ ขณะที่ RoboForex ได้ส่วนแบ่งเพิ่มมากขึ้น ด้วยการตลาดเชิงรุก (โบนัส, โฆษณา) และการบอกต่อในโซเชียลมีเดีย อีกทั้งในปี 2022 RoboForex ยังได้อันดับ 1 ในลิสต์ “Best Forex Brokers” ของ Traders Union นำหน้า Exness และรายอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเพราะเงื่อนไขการเทรดที่ครอบคลุม และมีผู้ใช้งานมากในกลุ่มเทรดเดอร์แอคทีฟ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อแบรนด์

บทสรุปเกี่ยวกับเงื่อนไขการเทรด: RoboForex มอบความยืดหยุ่นและความคุ้มค่า ตั้งแต่บัญชีไม่มีคอมมิชชั่นสำหรับมือใหม่ ไปจนถึง ECN ที่มีสเปรดต่ำสำหรับมืออาชีพ เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 ช่วยให้กลยุทธ์หลากหลายเป็นไปได้ (ต้องบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย) ผสานกับสเปรดต่ำ ความเร็วการประมวลคำสั่งดี และจำนวนสินค้าที่มาก ทำให้เงื่อนไข RoboForex จัดว่าแข่งขันได้สูงในตลาด เป็นเหตุผลที่ได้รับรางวัล “Best Trading Conditions 2023” ช่วงต่อไป เราจะเจาะลึกแต่ละประเภทบัญชี แพลตฟอร์ม และตราสาร เพื่อดูว่าคุณจะใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขเหล่านี้ได้อย่างไร



ประเภทบัญชี

RoboForex มีบัญชีหลายรูปแบบรองรับกลุ่มเทรดเดอร์ตั้งแต่มือใหม่จนถึงมืออาชีพ แต่ละแบบต่างกันที่เงินฝากขั้นต่ำ สเปรด คอมมิชชั่น และแพลตฟอร์มที่รองรับ มาดูบัญชีหลัก ๆ ได้แก่ Pro, ProCent, ECN, Prime, R StocksTrader รวมถึง Swap-Free (Islamic) และ Demo:

  • Pro Account (มาตรฐาน): เป็นบัญชีที่ลูกค้า RoboForex ใช้เยอะที่สุด ฝากขั้นต่ำแค่ $10 มีสเปรดลอยตัวตั้งแต่ ~1.3 pips ไม่มีค่าคอมมิชชั่น (รวมกำไรโบรกเกอร์ในสเปรดแล้ว) รองรับแพลตฟอร์มทั้งหมด MT4, MT5, cTrader, R StocksTrader, เว็บ และมือถือ ไม่มีข้อจำกัดจำนวนคำสั่งหรือขนาดสัญญา เหมาะกับมือใหม่มาก เพราะไม่ต้องคำนวณคอมฯ แยก สเปรดอาจสูงกว่า ECN เล็กน้อย แต่หากเทรดไม่มาก ก็ไม่มีผลมากนัก ทุกกลยุทธ์ เช่น สแกลปหรือ EA สามารถทำได้
  • ProCent Account (บัญชีเซนต์): เงื่อนไขคล้ายบัญชี Pro มาก (สเปรดเริ่ม ~1.3 pips ไม่มีคอมฯ ฝากขั้นต่ำ $10) แต่ยอดเงินในบัญชีจะแสดงเป็นเซนต์ (ไม่ใช่ USD/EUR) เช่น ฝาก $10 จะแสดงเป็น 1000 เซนต์ ทำให้เทรดไมโครล็อตได้ด้วยความเสี่ยงต่ำ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์เทรดเงินจริงด้วยเงินน้อย ๆ หรือทดสอบ EA ในสภาวะตลาดจริง หากล้มเหลวก็เสียไม่มาก ProCent ใช้ได้ทั้ง MT4 และ MT5 เช่นกัน (เลเวอเรจสูงสุด 1:2000 เหมือน Pro)
  • ECN Account: เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเปรดต่ำมากและสภาพคล่องสูง ชนิดที่ไม่มีโต๊ะดีล (ECN) สเปรดอาจเริ่มที่ 0.0 pip แต่จะมีค่าคอมฯ ~ $20 ต่อมูลค่าการเทรด 1 ล้านเหรียญ (ประมาณ $2 ต่อล็อต) ภาพรวมต้นทุนมักต่ำกว่าบัญชี Pro หากเทรดปริมาณมาก ฝากขั้นต่ำเพียง $10 เช่นกัน ECN ยังมีสภาพคล่องลึก (วางคำสั่งในสเปรดได้) และไม่มีระดับ Limit/Stop ทำให้ตั้งออเดอร์ใกล้ราคาตลาดได้สะดวก เหมาะสำหรับการสแกลป เทรดสั้น หรืออัลโกเทรด มีเลเวอเรจสูงสุด 1:500 น้อยกว่า Pro เพราะเป็นเงื่อนไข ECN
  • Prime Account: เป็นบัญชีระดับท็อปของ RoboForex โดยมีเงื่อนไขที่ดีที่สุด เรียกว่าเป็น ECN ขั้นสูง: สเปรดเริ่ม 0.0 pip แต่ค่าคอมฯ แค่ ~$10 ต่อมูลค่าการเทรด 1 ล้านเหรียญ เทียบเท่าราว $1 ต่อล็อต ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมต่ำมาก (0.0–0.3 pip โดยเฉลี่ยใน EUR/USD) บริษัทบอกว่า Prime ดึงสภาพคล่องจากแหล่งชั้นยอด และแนะนำฝากขั้นต่ำ $100 แม้จะเปิดด้วย $10 ก็ได้ เลเวอเรจสูงสุด 1:300 (เพราะเล็งกลุ่มเทรดเดอร์มืออาชีพ) ใช้ได้ทั้ง MT4, MT5 และ R StocksTrader เหมาะกับคนเทรดปริมาณเยอะหรืออยากได้สภาพคล่องดีที่สุด
  • R StocksTrader Account: บัญชีที่ผูกกับแพลตฟอร์ม R StocksTrader (ชื่อเดิม R Trader) เพื่อเทรดหุ้นและตราสารพิเศษอื่น ๆ ฝากขั้นต่ำ $100 สเปรดเริ่มต้นที่ ~$0.01 (ตามราคาหุ้นเป็นเซนต์) และมีค่าคอมมิชชั่นตามประเภท เช่น หุ้นสหรัฐ ~$0.015 ต่อหุ้น, หุ้นยุโรป ~0.025% และสำหรับ Forex ใน R StocksTrader คิด ~$10 ต่อมูลค่าการเทรด 1 ล้านเหรียญ หุ้นจริงหรือ ETF จะไม่คิด Swap (เพราะเป็นสินทรัพย์จริง) แต่ถ้าใช้มาร์จิ้นอาจมีค่าถือ นอกจากนี้ บัญชีนี้เข้าถึงสินค้ากว่า 12,000 รายการ ทั้งหุ้นจริง ETF CFD ฟอเร็กซ์ ดัชนี คอมโมดิตี คริปโต ครบในที่เดียว หากต้องการเทรดหุ้นตัวจริง R StocksTrader ตอบโจทย์ เพราะ MT4/5 ไม่มีหุ้นจริงมากมายแบบนี้
  • Swap-Free (Islamic Account): เป็นตัวเลือกพิเศษที่ขอเปิดใช้ได้กับบัญชี Pro หรือ ECN หากคุณอาศัยในประเทศที่มีกฎหมายชาริอะฮ์ หรือไม่ต้องการจ่าย/รับดอกเบี้ย ขณะเทรด RoboForex จะตัด Swap ออก แต่จะมีค่าธรรมเนียมคงที่แทนหลังถือโพซิชันระยะหนึ่ง เงื่อนไขจะแจ้งในสเปกตราสาร โดยปกติ Swap-Free จะใช้ได้บน MT4 เท่านั้น ใครที่ต้องการบัญชีไร้ดอกเบี้ยเพื่อไม่ขัดกับศาสนา ก็เลือกตัวนี้ได้
  • Demo Account: บัญชีทดลองที่ไม่มีความเสี่ยงใด ๆ RoboForex เปิดให้ใช้ Demo ในทุกประเภทหลัก (Demo Pro, Demo ECN, Demo R StocksTrader) เงื่อนไขราคาเหมือนบัญชีจริง แต่ไม่เกี่ยวกับสภาพคล่องจริง ไม่มีการสูญเสียเงิน เป็นตัวเลือกสำคัญสำหรับฝึกหัดหรือทดสอบระบบเทรด ก่อนลงสนามจริง บัญชี Demo สามารถเปิดได้ไม่จำกัดและอาจมีการแข่ง Demo Contest ให้รางวัลเงินจริงด้วย

แบบฟอร์มลงทะเบียนบัญชี RoboForex

ควรเลือกบัญชีแบบไหน?

  • สำหรับมือใหม่: แนะนำ ProCent (ความเสี่ยงต่ำมาก เพราะเป็นหน่วยเซนต์) หรือ Pro (หากมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย) บัญชี ProCent อาจลองฝาก ~$10 (1,000 เซนต์) เพื่อทดสอบ เมื่อฝึกจนชำนาญจึงค่อยขยับสู่ Pro ด้วยทุน ~$500–$1000
  • สำหรับเทรดเดอร์ระดับกลางถึงมือโปร: ถ้าคุณใช้กลยุทธ์ที่ต้องเปิดออเดอร์บ่อย เช่น สแกลป หรือระบบ EA ที่อ่อนไหวต่อสเปรด ECN จะเหมาะมาก แม้มีคอมมิชชั่น แต่สเปรดใกล้ศูนย์ รวมแล้วอาจถูกกว่า หากปริมาณเทรดสูง ส่วน Prime เหมาะกับนักเทรดปริมาณเยอะจริง ๆ เพราะได้คอมมิชชั่นที่ถูกกว่าอีก แต่ถ้าเทรดไม่มาก ค่า ECN/Prime ก็ต่างไม่เยอะ
  • สำหรับนักลงทุนหรือสายหุ้น: เลือก R StocksTrader เพราะมีหุ้นและ ETF จริงเป็นพันรายการ ถ้าคุณอยากสร้างพอร์ตหุ้น Apple, Tesla ฯลฯ หรือเทรดหุ้น CFD ก็จบได้ในแพลตฟอร์มเดียว MT4/5 ไม่สามารถเทรดหุ้นจริงมากขนาดนั้น
  • ถ้าต้องการแบบอิสลาม: เปิดบัญชี Swap-Free Pro หรือ ECN (ต้องใช้ MT4) แล้วติดต่อ Support เพื่อขอเปิดโหมด Islamic ไม่ต้องจ่าย/รับดอกเบี้ย

ข้อดีคือ RoboForex ไม่ได้จำกัดจำนวนบัญชีที่เปิด คุณอาจมีทั้ง ProCent สำหรับทดสอบ EA, ECN สำหรับสแกลป และ R StocksTrader สำหรับลงทุนในหุ้นได้ในไอดีเดียว จึงตอบโจทย์มากสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการหลากหลายรูปแบบในโบรกเกอร์เดียว

โดยสรุป บัญชีของ RoboForex ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่คนเพิ่งเริ่มต้นจนถึงนักเทรดมือโปร ข้อดีคือเลื่อนไปใช้บัญชีที่ซับซ้อนขึ้นได้เมื่อคุณพร้อม โดยไม่ต้องเปลี่ยนโบรกเกอร์

แพลตฟอร์มการเทรดของ RoboForex

ข้อได้เปรียบของ RoboForex อีกอย่าง คือการรองรับแพลตฟอร์มเทรดยอดนิยมเกือบทุกชนิด พร้อมมีแพลตฟอร์มเฉพาะของตนเอง ลูกค้าสามารถใช้ MetaTrader (4 และ 5), cTrader, ระบบเว็บ/มือถือของ RoboForex และ R StocksTrader ที่มีจุดเด่นเฉพาะ มาดูกันทีละตัว:

MetaTrader 4 (MT4)

MetaTrader 4 เป็นแพลตฟอร์มระดับตำนานจาก MetaQuotes เปิดตัวตั้งแต่ปี 2005 RoboForex สนับสนุนการใช้ MT4 อย่างเต็มรูปแบบ (Desktop Windows, Web และ Mobile)

ข้อดี MT4:

  • เป็นมาตรฐานของตลาด Forex ที่ทุกคนคุ้นเคย แม้แต่มือใหม่ก็หาคู่มือได้ง่าย
  • มีอินดิเคเตอร์ในตัวเกิน 50 ตัว พร้อมเสริมเพิ่มได้หลายพันตัว
  • รองรับการเขียน Expert Advisors (EA) ใน MQL4 สำหรับเทรดอัตโนมัติ
  • กินทรัพยากรน้อย ใช้งานได้กับคอมเครื่องเก่า หรือเน็ตช้า
  • ชุมชนผู้ใช้กว้างมาก มีคู่มือ ฟอรัม สคริปต์ต่าง ๆ มากมาย

ข้อจำกัด MT4:

  • เน้น Forex/CFD เป็นหลัก ไม่รองรับหุ้นจริงหรือออปชัน
  • หน้าตาและฟังก์ชันค่อนข้างเก่า
  • ไม่มีคำสั่งขั้นสูงบางอย่างที่ MT5 มี เช่น Stop Limit

โดยรวม MT4 เหมาะกับคนที่เล่น Forex/CFD เป็นหลัก ชินกับระบบคลาสสิกและมี EA เก่าใช้งานอยู่ RoboForex รองรับ MT4 ทุกบัญชี (ยกเว้น R StocksTrader) สามารถใช้งาน CopyFX ได้ด้วย

MetaTrader 5 (MT5)

MetaTrader 5 คือเวอร์ชันใหม่จาก MetaQuotes ในปี 2010 ออกแบบมาให้เป็นมัลติแอสเซท RoboForex ก็รองรับ MT5 ครอบคลุมบัญชีหลักทั้งหมด

จุดเด่น MT5:

  • รองรับหลายสินทรัพย์: Forex, หุ้น CFD, ฟิวเจอร์ส ฯลฯ
  • ฟีเจอร์ Depth of Market (DOM) เห็นปริมาณซื้อขายหลายระดับ
  • เครื่องมือทดสอบกลยุทธ์ (Strategy Tester) เร็วขึ้นและรองรับมัลติ-เธรด
  • อินดิเคเตอร์และไทม์เฟรมหลากหลายกว่าของ MT4
  • มีโหมด Hedging และ Netting เลือกได้

ข้อดีของ MT5: ฟังก์ชันขยายขึ้น หน้าตาสดใหม่ รองรับสินค้าหลากหลาย ยังคงพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ

ข้อเสียของ MT5: ใช้ทรัพยากรสูงขึ้นเล็กน้อย EA ที่เขียนใน MQL4 ใช้ตรง ๆ ไม่ได้ ต้องแปลงเป็น MQL5

หากคุณต้องการเทรดทั้ง Forex และ CFD บนหุ้น/ดัชนีในแพลตฟอร์มเดียว MT5 จะสะดวกมาก โดยเฉพาะหากคุณเลือกบัญชี Prime หรือ ECN ก็ใช้ MT5 เปิดคู่เงินกับ CFD ได้พร้อมกัน

cTrader

cTrader เป็นแพลตฟอร์มมืออาชีพจาก Spotware เปิดตัวในปี 2010 RoboForex เป็นโบรกเกอร์ไม่กี่เจ้าที่ให้บริการ cTrader ควบคู่กับ MetaTrader

ข้อดี cTrader:

  • หน้าตาทันสมัยและใช้งานง่ายกว่า (บางคนว่าเหนือกว่า MT)
  • มี Depth of Market + เทปธุรกรรม เรียลไทม์ สายสแกลปชอบ
  • เขียนอัลกอริทึมด้วย C# (cBots) เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ถนัด .NET
  • บันทึกข้อมูลการเทรดละเอียด ตรวจสอบสลิปเพจได้ชัดเจน
  • ความเร็วการประมวลสูง เน้น ECN เป็นหลัก

ข้อจำกัด cTrader:

  • คอมมูนิตี้และ EA ยังน้อยกว่า MetaTrader
  • อินเทอร์เฟซอาจแปลกตาสำหรับผู้ที่คุ้นชิน MT4/5
  • ไม่รองรับเครื่องมือบางอย่างหรือโปรโมชันอย่าง CopyFX เท่า MT

cTrader เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการประสบการณ์ ECN อย่างแท้จริง ชอบฟีเจอร์สเกลปปิ้งขั้นสูง และต้องการเขียนบอทในภาษา C#

R StocksTrader (Web Platform)

R StocksTrader เป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่พัฒนาโดย RoboForex (ชื่อเดิม R Trader) สำหรับเทรดสินทรัพย์หลากหลาย โดยเฉพาะหุ้นและ ETF จริง

ข้อดี R StocksTrader:

  • ตราสารมหาศาลกว่า 12,000 รายการ ทั้งหุ้นจริง/CFD, Forex, คริปโต, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์
  • ส่วนต่อประสานแบบเว็บ ใช้ง่าย ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม
  • มีข้อมูลตลาดเรียลไทม์ฟรี (หุ้นสหรัฐ/ยุโรป)
  • สร้างหุ่นยนต์เทรดอัตโนมัติได้ด้วย Strategy Builder แบบบล็อก ไม่ต้องเขียนโค้ด
  • ตั้งค่า Layout ได้หลากหลาย เก็บไว้บนคลาวด์ เข้าจากอุปกรณ์ไหนก็ได้

ข้อเสีย R StocksTrader:

  • ไม่มีเวอร์ชันเดสก์ท็อป ประสิทธิภาพขึ้นกับเบราว์เซอร์และอินเทอร์เน็ต
  • ติดตั้งอินดิเคเตอร์หรือ EA เสริมเองไม่ได้ มีเฉพาะที่ระบบให้
  • เลเวอเรจสำหรับหุ้น/ETF จะต่ำกว่า (1:5–1:20)
  • อาจมีช่วงปิดปรับปรุงระบบในวันหยุดสุดสัปดาห์

หากคุณต้องการรวมเทรด Forex กับการลงทุนในหุ้นจริงในที่เดียว R StocksTrader เป็นทางเลือกน่าสนใจ RoboForex ได้รับรางวัล “Best Multi Asset Trading Platform” ในปี 2022 ส่วนหนึ่งเพราะแพลตฟอร์มตัวนี้

WebTrader และ MobileTrader

นอกจาก R StocksTrader RoboForex ยังมีแพลตฟอร์ม WebTrader/MobileTrader ของตนเอง เพื่อเชื่อมต่อบัญชี MT4/MT5 บนเบราว์เซอร์และมือถือ:

  • RoboForex WebTrader: เทอร์มินัลเว็บสำหรับบัญชี MT4/MT5 ไม่ต้องลงโปรแกรมบน PC เหมาะกับการเทรดจากคอมสาธารณะหรืออุปกรณ์ที่ติดตั้ง MetaTrader ไม่ได้ มีอินดิเคเตอร์พื้นฐาน ~13 ตัว ไทม์เฟรม 9 แบบ ใช้งานง่าย
  • RoboForex MobileTrader: แอปมือถือที่รวมฟังก์ชันเทรดและจัดการบัญชี เช่น ฝาก/ถอน ปรับโปรไฟล์ เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ใช้ iOS/Android (โดยเฉพาะคนที่หาแอป MT4/MT5 ใน App Store ไม่เจอ หลังมีการนำออกในบางประเทศ)

แอปพลิเคชันมือถือ RoboForex

ตารางสรุปเปรียบเทียบแพลตฟอร์ม

แพลตฟอร์ม อุปกรณ์ สินทรัพย์ อัลโกเทรด หมายเหตุ
MetaTrader 4 (MT4) PC, มือถือ, เว็บ Forex, CFD (โลหะ, น้ำมัน, ดัชนี, คริปโต) รองรับ (MQL4, EA) แพร่หลายที่สุดในตลาด; ไม่มีหุ้นจริง
MetaTrader 5 (MT5) PC, มือถือ, เว็บ Forex, CFD + หุ้น/ฟิวเจอร์สบางส่วน รองรับ (MQL5, EA) รองรับสินทรัพย์หลากหลายกว่า MT4
cTrader PC, มือถือ, เว็บ (cTrader ID) Forex, CFD รองรับ (C#, cBots) เหมาะกับ ECN, สแกลป, อินเทอร์เฟซทันสมัย
R StocksTrader เว็บ, มือถือ Forex, CFD, หุ้นจริง, ETF (12k+) บางส่วน (Strategy Builder) พลิกแพลตฟอร์มเดียวเทรดหุ้นจริง/ETF ได้
WebTrader (RoboForex) เว็บเบราว์เซอร์ Forex, CFD (บัญชี MT4) ไม่รองรับ เวอร์ชันเว็บเบา ๆ สำหรับ MT4
MobileTrader (RoboForex) Android, iOS Forex, CFD (MT4/5) ไม่รองรับ แอปมือถือจัดการบัญชี+เทรด

แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ RoboForex

สรุป: RoboForex เปิดโอกาสให้คุณเลือกแพลตฟอร์มได้หลากหลาย หากถนัด MT4 ก็มีให้ใช้ อยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็น cTrader ก็ทำได้ หรือเน้นหุ้นแท้ด้วย R StocksTrader ก็ย่อมได้ โบรกเกอร์บางเจ้าบังคับใช้แพลตฟอร์มหลักเท่านั้น แต่ที่นี่มีตัวเลือกครบ จึงดึงดูดทั้งสาย MetaTrader และสายมือโปรที่อยากได้ฟังก์ชันขั้นสูงหรือสเปรดดิบใน cTrader

Igor Lementov
Igor Lementov - ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิเคราะห์ที่ Best-Binary.com


บทความที่อาจช่วยคุณได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด: 0
avatar