CloseOption – รีวิวจากผู้ใช้จริงและภาพรวมที่เป็นกลางของแพลตฟอร์มเทรดไบนารีออปชันนี้ (2025)
บทความนี้จะนำเสนอข้อสังเกตของผู้เขียนและวิเคราะห์จุดเด่นต่าง ๆ ของ CloseOption ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขการเทรด ตัวเลือกในการฝาก/ถอนเงิน และชื่อเสียงของบริษัทในมุมมองของผู้เทรด ในฐานะผู้ใช้งานคนหนึ่ง ขอบอกว่า การมองข้ามรีวิวเชิงลบ เปรียบเสมือนการปิดตาต่อปัญหาที่อาจเกิดขึ้น (เช่น การถอนล่าช้าหรือฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ชัดเจน) จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะตรวจสอบปัจจัยเหล่านี้หากคุณต้องการรักษา ความรู้ทางการเงิน และไม่หลงไปกับคำโฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือ แน่นอนว่าแพลตฟอร์มนี้ก็มีข้อดีหลายประการ แต่ก็อย่าลืมประเมินทุกแพลตฟอร์มอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการเทรดที่อาจไม่ก่อประโยชน์ และสร้างความอุ่นใจยามใช้เงินจริงลงทุน
CloseOption มักถูกเปรียบเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการได้รับใบอนุญาต ความปลอดภัยในการเทรด และความเสถียรของระบบแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่สำคัญที่สุดคือความคิดเห็นจริงจากผู้ที่เคยใช้งาน โดยส่วนตัว ผู้เขียนมักมองรีวิวเกี่ยวกับการบริการลูกค้า ความเร็วในการถอนเงิน และความโปร่งใสในการตั้งเงื่อนไขการเทรดเป็นหลัก เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และช่วยแยกแพลตฟอร์มการเทรดที่ใส่ใจผู้ใช้งานจริงออกจากแพลตฟอร์มที่มีแต่คำโฆษณาหรูหรา หากคุณต้องการ ประเมินโอกาสสร้างกำไรอย่างตรงไปตรงมาที่สุด โดยไม่โดนคำโฆษณาเกินจริงหลอก ควรอ่านข้อมูลทั้งหมดจนจบ ความรู้ในเรื่องเหล่านี้จะช่วยป้องกันสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ และทำให้คุณพร้อมต่อยอดในตลาดการเงินได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
สารบัญ
ลักษณะทั่วไปของ CloseOption
ปีที่ก่อตั้งและเขตอำนาจ: CloseOption เริ่มให้บริการตั้งแต่ปี 2013 และจดทะเบียนในประเทศจอร์เจีย โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่เมืองทบิลิซี (Tbilisi) ประเทศจอร์เจีย ทั้งยังดำเนินการภายใต้กฎหมายจอร์เจียและมีใบอนุญาตท้องถิ่น
ใบอนุญาตและการกำกับดูแล
แม้ว่าในเชิงรูปแบบ CloseOption จะได้รับอนุญาตให้ให้บริการ ภายใต้ใบอนุญาตจาก National Bank of Georgia (เลขที่ B2-08/3647 ลงวันที่ 18/10/2017) แต่ใบอนุญาตนี้ไม่ได้เป็นกรอบการกำกับดูแลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล กล่าวคือ CloseOption ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานการเงินที่มีชื่อเสียง เช่น CySEC หรือ FCA ในปี 2022 CloseOption ยังถูกเพิ่มลงในรายชื่อเฝ้าระวัง (Red List) ของ CFTC (สหรัฐอเมริกา) เนื่องจากให้บริการลูกค้าอเมริกันโดยไม่ได้จดทะเบียนถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าหากมองในแง่การกำกับดูแลที่เข้มงวดและความปลอดภัยของเงินทุน CloseOption ย่อมเป็นรองโบรกเกอร์ที่ได้รับการควบคุมอย่างเต็มรูปแบบ
การเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
CloseOption ยังไม่มีรางวัลจากสถาบันการเงินใหญ่ ๆ แต่มักระบุว่ามีฐานลูกค้ากว้างขวางตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากโบรกเกอร์ระบุว่ามีผู้ใช้งานราว 2.4 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ 1.8 ล้านคนตั้งเป้าที่จะอัปเกรดสู่บัญชีระดับ Diamond บนเว็บไซต์ DayTrading.com CloseOption เคยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 3 ของผู้ให้บริการไบนารีออปชัน (ปลายปี 2024) ส่วน FinancesOnline ให้คะแนน 8.5/10 โดยอ้างว่า 97% ของผู้ใช้งานพึงพอใจ (จากการสำรวจของตน) TradersUnion เองก็จัดให้ CloseOption ติดท็อป 10 โบรกเกอร์ไบนารีออปชัน โดยให้คะแนนภาพรวมราว 8.7 จาก 10 อย่างไรก็ดี การขาดกฎกำกับที่เข้มงวดทำให้นักเทรดและผู้เชี่ยวชาญบางส่วนยังขาดความมั่นใจ จึงสรุปได้ว่าชื่อเสียงระดับนานาชาติของ CloseOption ยังคละปนทั้งดีและไม่ดี
ประเทศที่รองรับ
CloseOption วางตำแหน่งตัวเองเป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติ ที่เปิดกว้างสำหรับเทรดเดอร์ทั่วโลก รวมถึงยังรับลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งต่างจากคู่แข่งบางรายที่ไม่ให้บริการในพื้นที่เหล่านั้น อย่างไรก็ตาม ยังมีบัญชีรายชื่อประเทศที่ถูกจำกัดกว่า 30 แห่ง เช่น รัสเซีย ยูเครน เบลารุส จอร์เจีย สหรัฐอเมริกา (รัฐ North Korea) อัฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัก ซีเรีย อิสราเอล จีน บราซิล อินเดีย ไนจีเรีย ฯลฯ (หมายเหตุ: มีการระบุเพิ่มรัสเซีย เบลารุส ยูเครน และบางประเทศในกลุ่ม CIS เข้าเป็นลิสต์จำกัด)
ทางโบรกเกอร์เน้นย้ำว่าลูกค้าต้องตรวจสอบด้วยตนเองว่าการเทรดออปชันขัดต่อกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ กล่าวโดยรวม CloseOption สามารถใช้งานได้ในหลายประเทศที่ไม่อยู่ในรายชื่อจำกัด และยังชูประเด็นว่าพร้อมทำงานกับเทรดเดอร์จากสหรัฐอเมริกา
ความนิยม
ยังไม่มีข้อมูลตัวเลขอิสระที่ชัดเจนเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้งานที่ยังแอ็กทีฟ แต่การอ้างถึงยอดลงทะเบียนหลักล้านบ่งบอกว่ามีฐานลูกค้าค่อนข้างเยอะ จากรีวิวผู้ใช้งานหลายคนระบุว่าแพลตฟอร์มนี้ดึงดูดมือใหม่ได้ดีด้วยเกณฑ์ฝากขั้นต่ำที่ต่ำและมีบัญชีเดโม สำหรับคะแนนเฉลี่ยบน Trustpilot CloseOption ได้ประมาณ 3.9 จาก 5 (อิงจากรีวิวราว 50 รายการ) ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ สะท้อนว่ามีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยที่พึงพอใจ อย่างไรก็ดี ในบางเว็บไซต์ (เช่น Sitejabber) มีคะแนนประมาณ 2.5/5 ซึ่งไม่สูงนัก ดังนั้นความนิยมของ CloseOption จึงไม่ได้แปรผันตรงกับระดับความเชื่อมั่นอย่างชัดเจน
เงื่อนไขการเทรดใน CloseOption
เงินฝากขั้นต่ำ: ข้อกำหนดในการเปิดบัญชีเริ่มต้นเพียง 5 ดอลลาร์ ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับตลาดไบนารีออปชัน ทำให้นักลงทุนมือใหม่ที่มีทุนจำกัดสามารถเข้าถึงได้ง่าย เทียบกับโบรกเกอร์บางเจ้าอาจกำหนดขั้นต่ำที่ 10 ดอลลาร์ 50 ดอลลาร์ หรือสูงกว่านั้น สกุลเงินหลักของบัญชีคือดอลลาร์สหรัฐ ส่วนขนาดการเทรดขั้นต่ำคือ 1 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเงื่อนไขที่ดีที่สุดในตลาดไบนารีออปชัน ทำให้สามารถบริหารเงินในบัญชีเล็ก ๆ ได้อย่างยืดหยุ่น
สินทรัพย์ที่เทรดได้
CloseOption มีเครื่องมือทางการเงินจำนวนจำกัด แต่เน้นเฉพาะจุด ประมาณ 30 สินทรัพย์ แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก:
- คู่สกุลเงิน (Forex): มากกว่า 25 คู่ทั้ง Major และ Minor เช่น EUR/USD, GBP/USD, USD/JPY, AUD/JPY, GBP/CHF ฯลฯ รวมถึงคู่ Cross บางคู่ (เช่น EUR/AUD, GBP/CAD เป็นต้น)
- คริปโตเคอเรนซี: มีประมาณ 5 คู่ที่จับคู่กับ USD ได้แก่ BTC/USD, BCH/USD, ETH/USD, LTC/USD, XBT/USD (XBT เป็นอีกชื่อเรียกของ Bitcoin)
ทั้งนี้ CloseOption ไม่ได้ให้บริการซื้อขายหุ้น ดัชนีหุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Quotex และ Pocket Option ที่มักเปิดให้เทรดในกลุ่มดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และหุ้นด้วย ผู้ที่ต้องการกระจายพอร์ตด้วยออปชันหลากหลายแบบอาจมองว่า CloseOption ยังไม่ตอบโจทย์เต็มที่
ประเภทออปชันและระยะเวลาหมดอายุ
CloseOption ให้บริการออปชันประเภท “High/Low” แบบคลาสสิกในสินทรัพย์ที่ระบุ มีตัวเลือกระยะเวลาหมดอายุตั้งแต่ 30 วินาที จนถึง 1 เดือน ครอบคลุมทั้งการเทรดสั้นมาก (turbo 30–60 วินาที) ไปจนถึงการเทรดระยะกลาง 4 สัปดาห์ โดยจะมีเวลาหมดอายุมาตรฐานให้เลือกประมาณ 15 รูปแบบ ปัจจุบันไม่มีออปชันประเภทอื่น (เช่น Ladder หรือ Range) ให้บริการ มีเพียงการทำนายทิศทางราคาขึ้น/ลงแบบดั้งเดิม
แพลตฟอร์มการเทรด
CloseOption ใช้แพลตฟอร์มเฉพาะทางของตนเองชื่อ TradeRoom ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ รูปแบบอินเทอร์เฟซเรียบง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้น มีฟังก์ชันสำคัญ เช่น เลือกดูกราฟได้ 3 แบบ (Line, Area, Candlestick) มี Timeframe สำหรับการวิเคราะห์ระยะสั้น (5 วินาที ถึง 1 นาที) เครื่องมือวาดกราฟขั้นพื้นฐานราว 6 ชนิด (เส้นเทรนด์, Fibonacci ฯลฯ) และอินดิเคเตอร์ยอดนิยมไม่กี่ตัว (อย่าง Moving Average, RSI, Bollinger Bands) แต่ยังถือว่าไม่หลากหลายมาก
แพลตฟอร์มมุ่งเน้นความง่ายดาย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญ เพียงไม่กี่คลิกก็เปิดออเดอร์ได้ทันที: เลือกสินทรัพย์ ใส่จำนวนเงิน เลือกทิศทาง (Call/Put) ทั้งยังแสดงเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนก่อนเปิดออเดอร์ ทำให้เห็นความโปร่งใสของการเทรด ด้านความเร็วในการดำเนินการถือว่าดี ไม่มีอาการหน่วงชัดเจนระหว่างส่งคำสั่งหรืออัปเดตราคา อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์บางอย่างยังขาด เช่น ไม่รองรับการเทรดอัตโนมัติ ไม่สามารถเชื่อมต่อกับ MT4/MT5 และไม่มีฟังก์ชัน social trading (คัดลอกออเดอร์คนอื่นหรือสัญญาณเทรด)
แอปมือถือ
CloseOption ยังไม่มีแอปมือถือโดยตรง ทางโบรกเกอร์แนะนำให้ใช้เว็บเทอร์มินัลผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ซึ่งปรับหน้าเว็บให้เข้ากับอุปกรณ์ได้ระดับหนึ่ง แต่ก็อาจไม่สะดวกเท่าการใช้แอปเต็มรูปแบบ และไม่มีการแจ้งเตือนแบบพุชให้ แม้จะเป็นข้อเสียเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Pocket Option หรือ IQ Option ที่มีแอปมือถือพร้อมฟังก์ชันครบครัน
อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของออปชัน
ผลกำไรที่เทรดเดอร์จะได้รับหากคาดการณ์ถูก ขึ้นอยู่กับสินทรัพย์และระดับบัญชี ในบัญชีขั้นพื้นฐาน (Copper) ซึ่งใช้เงินฝากไม่สูง จะได้ผลตอบแทนโดยทั่วไปประมาณ 75–80% สำหรับคู่สกุลเงินหลัก เช่น EUR/USD มักได้ราว 76% USD/JPY ราว 75% ส่วนคริปโตอาจได้น้อยกว่า ~40–50% (เนื่องจากความผันผวนสูงของตลาดคริปโต) ถือว่าอยู่ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยของตลาด บางโบรกเกอร์อาจให้ 80–85% สำหรับคู่เงินหลักในบัญชีมาตรฐาน ทำให้ CloseOption มีช่วงผลตอบแทนค่อนข้างต่ำกว่าบางเจ้าที่จ่ายสูง
ผลตอบแทนสูงสุด (บัญชี VIP)
CloseOption ระบุว่าอาจให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 95% แต่ต้องเป็นบัญชี Diamond ซึ่งต้องใช้เงินฝากรวมสูงมาก (รายละเอียดในหัวข้อระดับบัญชี) สำหรับบัญชี Diamond อัตรา EUR/USD โดยทั่วไปจะอยู่ราว ๆ 90% เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น เช่น Pocket Option ที่อาจจ่าย 90–95% หรือบางครั้งถึง 96% โดยไม่ได้กำหนดเงินฝากสูงขนาดนั้น ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปของ CloseOption ที่ไม่ได้อัปเกรดไปถึง Diamond มักจะได้ราว 70–80% จึงถือเป็นข้อเสียหากหวังผลตอบแทนสูงสุด แต่ไม่อยากฝากเงินเยอะ
ประเภทบัญชีและระดับสถานะ
CloseOption ให้บริการบัญชีเทรดจริงเพียงประเภทเดียว แต่แบ่งระดับสถานะ (Level) ตามยอดฝากสะสม ซึ่งมี 5 ระดับ ได้แก่ Copper, Bronze, Silver, Gold, Diamond เมื่อยอดฝากถึงเกณฑ์บัญชีจะอัปเกรดสถานะให้อัตโนมัติ โดยแต่ละระดับจะมีสิทธิประโยชน์ต่างกัน จุดเด่นหลักคือเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทนที่สูงขึ้น
โครงสร้างระดับบัญชี: CloseOption แบ่งเป็น
- Copper: ยอดฝาก 5 – 1,000 ดอลลาร์ เป็นระดับเริ่มต้นสำหรับลูกค้าใหม่ส่วนใหญ่ เพราะใช้เงินฝากขั้นต่ำเพียง 5 ดอลลาร์
- Bronze: ยอดฝาก 1,000 – 2,000 ดอลลาร์
- Silver: ยอดฝาก 2,000 – 10,000 ดอลลาร์
- Gold: ยอดฝาก 10,000 – 50,000 ดอลลาร์
- Diamond: ยอดฝาก 50,000 – 1,000,000 ดอลลาร์
(หมายเหตุ: เกณฑ์การฝากหมายถึงยอดสะสมทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องฝากครั้งเดียว หากต้องการอัปเป็น Silver ต้องฝากสะสมให้ครบ 2,000 ดอลลาร์ เป็นต้น)
ลักษณะและโบนัสของแต่ละระดับ: สิ่งที่ต่างกันหลัก ๆ คืออัตราผลตอบแทน (Payout) โดยระดับสูงกว่าจะได้รับเปอร์เซ็นต์มากขึ้นเล็กน้อย:
- Copper: สูงสุด 79% สำหรับสินทรัพย์สำคัญ
- Bronze: สูงสุด 80%
- Silver: สูงสุด 82%
- Gold: สูงสุด 85%
- Diamond: สูงสุด 90% (ในบางสภาวะตลาดอาจถึง 95%)
ดังนั้น ช่องว่างระหว่างบัญชีเริ่มต้นกับระดับสูงสุดอาจต่างกันราว 10–15% สำหรับเปอร์เซ็นต์ผลตอบแทน นอกจากเรื่องค่าตอบแทน ระดับ VIP ยังมีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม:
- Cash Gifts: ผู้ที่อยู่ในระดับ Gold และ Diamond สามารถขอรับ “ของขวัญเงินสด” เพิ่มได้สัปดาห์ละครั้ง โดยจำนวนเงินไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ น่าจะเป็นโบนัสเล็กน้อยให้
- Personal Manager: สำหรับผู้ถือบัญชี Diamond สามารถติดต่อขอผู้จัดการส่วนตัวได้ ซึ่งอาจเป็นการดูแลเป็นพิเศษสำหรับลูกค้า VIP รายใหญ่
- เงื่อนไขพิเศษในกิจกรรมแข่งขัน: เทรดเดอร์ VIP (Gold, Diamond) จะได้รับข้อได้เปรียบ เช่น ไม่ต้องรอ “คูลดาวน์” นาน หรือได้รับสิทธิพิเศษในการแข่งขันประจำสัปดาห์
ไม่มีความแตกต่างใหญ่อื่น ๆ เช่น เครื่องมือหรือบริการพิเศษ นอกจากทุกคนใช้แพลตฟอร์มเดียวกัน เหตุผลหลักที่ต้องการอัปเกรดสถานะคือการเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรมากขึ้น แต่การจะเป็น Gold หรือ Diamond ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ (หลายหมื่นถึงหลักแสนดอลลาร์) ซึ่งส่วนใหญ่เกินกำลังของเทรดเดอร์รายย่อย ผู้ที่เข้าถึงได้จริงมักเป็น Silver หรือ Gold มากกว่า
บัญชี Demo และบัญชีแข่งขัน: นอกจากบัญชีเทรดจริง CloseOption ยังมีบัญชีเดโมฟรีและบัญชีแข่งขัน:
- บัญชีเดโม: ทุกคนสามารถมีบัญชีเดโมร่วมกับบัญชีเงินจริงได้ บัญชีเดโมมาพร้อมเงินเสมือน 10,000 ดอลลาร์ (เติมได้สูงสุดถึง 100,000) สภาวะการเทรดเหมือนกับบัญชีจริง (สินทรัพย์ ระยะเวลาหมดอายุ อัตราผลตอบแทน) จึงเหมาะแก่การฝึกฝนโดยไม่เสี่ยง
- บัญชีแข่งขัน (ทัวร์นาเมนต์): เป็นบัญชีพิเศษเพื่อใช้แข่งรายสัปดาห์ของ CloseOption โดยผู้แข่งขันจะได้รับเงินเสมือนเริ่มต้น (ราว 10,000 ดอลลาร์) และแข่งกันทำกำไรให้สูงที่สุดในช่วงสัปดาห์ เงินรางวัลเป็นเงินจริง แต่เทรดด้วยเงินเสมือน (จ่ายค่าสมัครแข่งประมาณ 5 ดอลลาร์จากบัญชีจริง) หมายความว่าคุณไม่เสี่ยงเสียเงินจริงไปกับการแข่งขัน แต่ก็มีโอกาสได้รางวัลจริงหากชนะ
ตาราง – ระดับบัญชีของ CloseOption:
ระดับ | ยอดฝาก (ดอลลาร์) | เปอร์เซ็นต์จ่ายสูงสุด (เช่น EUR/USD) | สิทธิพิเศษ |
---|---|---|---|
Copper | $5 – $1,000 | สูงสุด ~79% | ไม่มีโบนัสพิเศษ |
Bronze | $1,000 – $2,000 | สูงสุด ~80% | - |
Silver | $2,000 – $10,000 | สูงสุด ~82% | - |
Gold | $10,000 – $50,000 | สูงสุด ~85% | ขอรับของขวัญเงินสดได้รายสัปดาห์ |
Diamond | $50,000 – $1,000,000 | สูงสุด ~90% (อาจถึง 95%) | ของขวัญเงินสดรายสัปดาห์; ผู้จัดการส่วนตัว; เงื่อนไข VIP สำหรับทัวร์นาเมนต์ |
หมายเหตุ: อัตราผลตอบแทนข้างต้นคำนวณในช่วงสภาวะตลาดปกติ (สภาพคล่องสูง) หากเข้าสู่ช่วงตลาดที่ผันผวนต่ำ เช่น เวลากลางคืนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจมีการปรับลดลงอีก 5–10% ตัวเลขเหล่านี้อ้างอิงข้อมูลในเวลาที่เขียน ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้
การฝากและถอนเงิน
วิธีฝากเงิน: CloseOption รองรับวิธีการชำระเงินหลากหลายมาก ทั้งรูปแบบทั่วไปและรูปแบบสมัยใหม่ เช่น
- บัตรธนาคาร: Visa, MasterCard (บัตรเดบิตและเครดิต)
- กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์: PayPal, WebMoney, Perfect Money, Neteller, Skrill ฯลฯ
- คริปโตเคอเรนซี: Bitcoin (BTC), Ether (ETH), Litecoin, Tether (USDT), Ripple (XRP), Dash และเหรียญหลักอื่น ๆ
- การโอนเงินผ่านธนาคาร: ฝาก/ถอนโดยตรงจากบัญชีธนาคาร
ถือเป็นจุดเด่น เพราะบางแพลตฟอร์มไบนารีออปชันไม่ได้รองรับ PayPal ส่วนการรองรับคริปโตก็เป็นทางเลือกที่สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องพึ่งระบบธนาคาร
เงินฝากขั้นต่ำ: เพียง 5 ดอลลาร์ ไม่ว่าจะใช้ช่องทางใด ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย เงินที่ฝากจะถูกโอนไปยัง Wallet ภายในของบัญชี CloseOption จากนั้นจึงสามารถจัดสรรเงินไปยังบัญชีเทรดจริงหรือบัญชีคริปโตได้ตามต้องการ
ความเร็วในการฝาก
เกือบทุกวิธีให้เครดิตเข้าบัญชีทันที (ฝากแล้วเงินเข้าทันที) ยกเว้นบางกรณีของคริปโตที่อาจใช้เวลายืนยันธุรกรรม ~30 นาที หรือการโอนผ่านธนาคารที่อาจใช้เวลา 1 วันทำการ (บางครั้งสูงสุด 3 วัน ขึ้นกับธนาคาร) แต่โดยรวมยังจัดว่ารวดเร็ว
ค่าธรรมเนียมการฝาก
โดยทั่วไป CloseOption ไม่คิดค่าธรรมเนียมการฝากเงิน ยกเว้นการใช้บัตรธนาคารที่อาจโดนค่าธรรมเนียมสูงถึง 8.4% (เกิดจากค่าธรรมเนียมผู้ออกบัตร) บางครั้งโบรกเกอร์จะมีโปรโมชั่นชดเชยค่าธรรมเนียม ทำให้ฝากบัตรได้ฟรี ถ้าไม่มีโปรโมชั่น คุณอาจต้องเหลือเงินเข้าบัญชีราว ~$91.6 จากที่ฝาก $100 ดังนั้น คนจำนวนมากจึงชอบใช้ e-wallet หรือคริปโตที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมเลย
จำนวนเงินถอนขั้นต่ำ
เงื่อนไขจะแตกต่างตามช่องทาง:
- e-wallet (Perfect Money, WebMoney, PayPal) และคริปโต: ขั้นต่ำ $1 เท่านั้น ทำให้สามารถถอนกำไรเล็กน้อยได้ไม่ยาก
- บัตรธนาคาร (MasterCard/Visa): ขั้นต่ำ $20
- โอนผ่านธนาคาร: ขั้นต่ำ $500
การกำหนดขั้นต่ำที่ 1 ดอลลาร์สำหรับ e-wallet/คริปโต ถือว่าดึงดูดผู้ที่ต้องการถอนกำไรบ่อย ๆ ส่วนบัตรที่ $20 ก็ยังไม่ถือว่าสูงนัก แต่การโอนผ่านธนาคารต้องมีขั้นต่ำ $500 เหมาะสำหรับถอนเงินก้อนใหญ่เท่านั้น
ขีดจำกัดในการถอน
ยอดถอนต่อครั้งกำหนดไว้ที่สูงสุด $10,000 หากต้องการถอนมากกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องหลายครั้งต่อวัน ไม่ได้จำกัดจำนวนคำร้องในวันหรือเดือน จึงไม่มีข้อจำกัดภาพรวม
ความเร็วในการถอน
CloseOption ระบุว่าต้องใช้เวลา 1–3 วันทำการในการดำเนินการคำร้องถอน ไม่ได้กำหนดแยกตามช่องทางเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม พบว่าการถอนยอดเล็กไปยัง e-wallet มักรวดเร็ว บางครั้งได้เงินภายใน 1 วัน ขณะที่การโอนไปยังบัตรหรือยอดใหญ่สำหรับลูกค้า VIP อาจถูกแบ่งจ่ายเป็นหลายส่วนก่อน โดยรวมแล้วควรเผื่อเวลาไว้ 1–3 วัน ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรม
ค่าธรรมเนียมการถอน
โดยส่วนใหญ่โบรกเกอร์ไม่คิดค่าธรรมเนียมการถอน ไม่ว่าจะไป e-wallet บัตร หรือกระเป๋าคริปโต คุณจะได้ยอดเต็ม (หักเฉพาะค่าธรรมเนียมบล็อกเชนเล็กน้อย หรือค่าธรรมเนียมบัตรหากมี) ยกเว้นการโอนผ่านธนาคารที่อาจโดนค่าธรรมเนียม $50–$100 จากธนาคารตัวกลาง ซึ่งเป็นภาระผู้ถอน ดังนั้นการโอนผ่านธนาคารจึงค่อนข้างแพง เหมาะกับการถอนเงินจำนวนมากที่ต้องโอนเข้าบัญชีโดยตรง ในกรณีทั่วไป e-wallet หรือคริปโตคุ้มค่ากว่า
ตาราง – เงื่อนไขการฝากและถอนเงิน:
ช่องทาง | ฝากขั้นต่ำ | ถอนขั้นต่ำ | ค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ | ระยะเวลาดำเนินการ |
---|---|---|---|---|
บัตรธนาคาร (Visa/MasterCard) | $5 | $20 | ฝาก: สูงสุด 8.4% (บางครั้ง 0% ในช่วงโปรฯ); ถอน: 0% | ฝาก: ทันที; ถอน: 1–3 วันทำการ |
e-wallet (PayPal, WebMoney, Perfect Money ฯลฯ) | $5 | $1 | 0% ทั้งฝากและถอน | ฝาก: ทันที; ถอน: 1–3 วัน |
คริปโต (BTC, ETH, LTC, USDT, ฯลฯ) | ~$5 (เทียบเท่า) | $1 (เทียบเท่า) | 0% (เสียเฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่าย) | ฝาก: ~30 นาที; ถอน: 1–3 วัน |
โอนผ่านธนาคาร | $100+ (แนะนำ) | $500 | ฝาก: 0%; ถอน: $50–$100 (ค่าธรรมเนียมธนาคาร) | ฝาก: 1–3 วัน; ถอน: 2–5 วัน (รวมขั้นตอนการโอน) |
หมายเหตุ:
- หากต้องการฝากผ่าน PayPal หรือบัตร อาจต้องผ่านกระบวนการ KYC (ยืนยันตัวตน) ก่อน ไม่เช่นนั้นอาจใช้งานไม่ได้
- การถอนเงินต้องใช้ช่องทางเดียวกับตอนฝาก (เพื่อป้องกันการฟอกเงิน) เช่น ฝากผ่าน Visa ก็ถอนได้ผ่าน Visa เท่านั้น ถ้าฝากด้วยคริปโต ก็ต้องถอนเข้ากระเป๋าคริปโตเดียวกัน หากไม่ตรงกัน อาจเหลือทางเลือกเดียวคือการโอนผ่านธนาคาร
โบนัสการฝาก: CloseOption มักมีโปรโมชั่นเงินโบนัส เช่น ช่วงเวลาปัจจุบันมีโบนัส +44% ของยอดฝาก เมื่อฝากแล้วจะได้รับเงินโบนัส 44% เข้าในบัญชี แต่ต้องทำเทิร์นโอเวอร์ให้ครบตามกำหนด (เช่น 20 เท่าของโบนัส) ก่อนจึงถอนได้ สำหรับลูกค้าใหม่ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจะได้รับโบนัสไม่มีเงินฝาก 10 ดอลลาร์เป็น “Welcome Cash Gift” ด้วยเช่นกัน โปรฯ เหล่านี้ดึงดูดผู้ใช้ แต่ก็ต้องอ่านเงื่อนไขให้ชัดเจนก่อน
รีวิวจากเทรดเดอร์และชื่อเสียง
ภาพรวมของรีวิว: ชื่อเสียงของ CloseOption ในหมู่นักเทรดยังแตกเป็นสองขั้ว บางคนชื่นชมความสะดวกและการจ่ายเงินที่รวดเร็ว ขณะที่อีกส่วนมีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการถอนหรือข้อสงสัยด้านความโปร่งใส
ใน Trustpilot คะแนนเฉลี่ยประมาณ 3.9 จาก 5 (จาก 50 รีวิว) ถือว่าอยู่ระดับปานกลางถึงดีสำหรับโบรกเกอร์ไบนารีออปชัน ผู้ใช้งานที่พอใจมักชื่นชมการฝากถอนที่ง่ายดาย ระบบใช้งานง่าย มีการแข่งขันให้ร่วมสนุก ตัวอย่างเช่น รีวิวบน Reddit ก็แสดงความเห็นว่าชอบ CloseOption เพราะฝากถอนผ่าน PayPal รวดเร็วและโบรกเกอร์จ่ายจริง ถึงแม้ถอนยอดใหญ่ก็จะถูกแบ่งจ่ายเป็นบางส่วนภายใน 1 วัน หลายคนชอบเงินฝากขั้นต่ำที่ต่ำ (5 ดอลลาร์) และบัญชีเดโม
อย่างไรก็ดี ในบางเว็บมีรีวิวเชิงลบ เช่น Sitejabber ที่มีคะแนนเพียง 2.5/5 บางคนระบุว่าเจอปัญหาโดนปฏิเสธถอนหรือเชื่อว่าโบรกเกอร์ไม่โปร่งใส รีวิวช่วงปี 2021–2022 บางคนอ้างว่าลงทุนเงินทั้งชีวิตไปแล้วโบรกเกอร์อ้างล้มละลายไม่ยอมจ่าย บ้างบอกว่าบัญชีโดนแฮกและเงินถูกถอนออกหมดโดยไม่ได้รับอนุญาต (ไม่ชัดว่าเป็นเพราะช่องโหว่ระบบหรือเจ้าของบัญชีไม่ดูแลข้อมูล) บางรายถูกบล็อกบัญชีก่อนถอนโดยไม่มีคำชี้แจง
รีวิวด้านลบเหล่านี้อาจต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง เพราะบางกรณีผู้เขียนอาจละเมิดเงื่อนไข เช่น ไม่ทำตามข้อกำหนดโบนัส หรือเปิดหลายบัญชีแล้วถูกตรวจพบ
อีกด้านหนึ่ง มีรีวิวเชิงบวกยืนยันความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะนักเทรดจากยุโรปที่ระบุว่าใช้มานานแล้วไม่มีปัญหาอะไร ฝากถอนรวดเร็ว และทีมซัพพอร์ตตอบกลับดี โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าความสามารถในการใช้ PayPal เป็นเครื่องการันตี เพราะ PayPal ค่อนข้างเลือกผู้ร่วมธุรกิจที่น่าเชื่อถือพอสมควร
ประเด็นที่ผู้ใช้บ่นเป็นหลัก: เมื่อวิเคราะห์รีวิวด้านลบ จะพบหัวข้อยอดนิยมดังนี้:
- การถอนเงินล่าช้าหรือถูกปฏิเสธ: มีลูกค้าบางคนกล่าวว่าถอนเงินยากหรือถูกขอเอกสารเพิ่ม ขณะถอนเป็นเวลานาน บางคนกล่าวหาว่าไม่จ่ายเมื่อยอดสูง แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการไม่จ่ายเป็นระบบ หลายคนก็ได้รับเงินปกติ
- บัญชีถูกบล็อก: บางรายบอกว่าโบรกเกอร์ปิดบัญชีตน (อาจเพราะละเมิดเงื่อนไขการใช้งาน) CloseOption จะค่อนข้างเคร่งเรื่องการห้ามเปิดหลายบัญชี และอาจต้องยืนยันตัวตนให้ถูกต้อง
- คุณภาพแพลตฟอร์ม: บางคนบอกว่า UI ใช้งานยากหรือล้าสมัย นักเทรดที่มีประสบการณ์ก็ติเรื่องเครื่องมือวิเคราะห์ที่มีน้อย หรือไม่มีแอปมือถือ
- การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือ: นักเทรดระดับสูงกังวลที่ไม่มีกฎคุมชั้นนำ ชี้ว่าหากมีปัญหาอาจไม่ได้รับการช่วยเหลือมากนัก
ความน่าเชื่อถือ
แม้จะมีข้อกังขาบางประการ แต่ยังไม่มีหลักฐานชัด ๆ ว่า CloseOption เป็นการหลอกลวง บริษัทดำเนินมานานกว่า 10 ปี (ตั้งแต่ 2013) ไม่ใช่โบรกเกอร์เถื่อนที่เปิดแป๊บเดียวแล้วหาย มีการจ่ายเงินรางวัลจากทัวร์นาเมนต์และการถอนเงินให้ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีรีวิวอิสระยืนยัน ประเด็นที่ติด Red List ของ CFTC ก็เกิดจากการให้บริการในสหรัฐโดยไม่จดทะเบียน ไม่ได้บ่งชี้ว่าเป็นการโกง อย่างไรก็ตาม การขาดกฎคุมเข้มทำให้หากมีปัญหาเกิดขึ้น ผู้ลงทุนจะไม่ค่อยมีที่พึ่ง
จึงสรุปได้ว่า CloseOption เป็นบริษัทที่ดำเนินการจริงให้บริการแพลตฟอร์มเทรดไบนารีออปชันและมีตัวตนอยู่ มิได้เป็นเว็บไซต์หลอกเงินตามที่กลัวกัน แต่ความเสี่ยงจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เพราะหากฝากเงินก้อนใหญ่ อาจมีโอกาสเจอปัญหาที่แก้ได้ยากกว่าการฝากทีละน้อย ทางที่ดีควรเริ่มด้วยเงินจำนวนน้อยก่อน ทดสอบถอนเป็นระยะ ๆ หรือไม่เก็บเงินก้อนใหญ่ไว้ในระบบ อย่างน้อย CloseOption มีประวัติให้บริการมาต่อเนื่องและมีผู้เทรดจำนวนไม่น้อยที่ยืนยันว่าถอนเงินได้จริง แต่ก็ต้องย้ำว่าไม่มีการกำกับดูแลชัดเจน
เปรียบเทียบ CloseOption กับคู่แข่ง
ในตลาดไบนารีออปชัน CloseOption ต้องแข่งกับหลายเจ้า ทั้งบริษัทนอกชายฝั่งที่ให้บริการทั่วโลก และผู้เล่นรายใหญ่ที่มีหรือไม่มีใบอนุญาต บทนี้จะเปรียบเทียบ CloseOption กับ Quotex, Pocket Option, BinaryCent และ IQ Option โดยสรุปจุดแตกต่างในตาราง และอธิบายเพิ่มเติม
พารามิเตอร์ | CloseOption | Quotex | Pocket Option | BinaryCent | IQ Option |
---|---|---|---|---|---|
ปีที่ก่อตั้ง | 2013 | 2019 | 2017 | 2017 | 2013 |
การกำกับดูแล | National Bank of Georgia (ไม่ใช่หน่วยงานชั้นนำ) | ไม่มีใบอนุญาต | ไม่ได้รับการกำกับ (จดทะเบียนที่ Marshall Islands) | Vanuatu VFSC (ถือว่าระดับต่ำ) | CySEC (ไซปรัส) สำหรับ EU; ต่างประเทศเป็นแบบ Offshore |
ฝากขั้นต่ำ | $5 | $10 | $5 (ผ่าน e-wallet; $50 ถ้าฝากด้วยบัตร) | $250 | $10 |
เทรดขั้นต่ำ | $1 | $1 | $1 | $0.1 | $1 |
ผลตอบแทนสูงสุด | ~95% (บัญชี Diamond) | ~95% | ~96% | ~95% | ~95% |
จำนวนสินทรัพย์ | ~30 (Forex, Crypto) | 100+ (Forex, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต) | 100+ (Forex, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต) | ~100 (Forex, CFD หุ้น & สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต, ออปชัน) | 250+ (Forex, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต, ETF, FX Options) |
แพลตฟอร์ม | แพลตฟอร์มเว็บของตัวเอง (เรียบง่าย) | แพลตฟอร์มเว็บ + แอปเฉพาะ | แพลตฟอร์มเว็บ + แอปมือถือ | แพลตฟอร์มเว็บ (ปรับให้เข้ามือถือ) | แพลตฟอร์มเว็บ เดสก์ท็อป และแอปมือถือ; ฟีเจอร์ขั้นสูง |
จุดเด่น | การแข่งขันรายสัปดาห์ โบนัส ฝากถอนด้วย PayPal | มีออปชันสั้นพิเศษ 5 วินาที, สินทรัพย์หลากหลาย | มี Social Trading (คัดลอกออเดอร์, แชท), ระบบแต้มสะสม, โหมดแข่งขัน | มี Copy-trading, เทรด Micro-lot เริ่มที่ $0.1, โบนัสสูงสุด 200% | สินทรัพย์หลากหลาย แพลตฟอร์มก้าวหน้า มีเครื่องมือศึกษา |
เหมาะกับมือใหม่ | ฝาก $5 เดโม $10k เหมาะมาก | ฝาก $10 อินเทอร์เฟซใช้ง่าย เหมาะ | ฝาก $5 ฟีเจอร์ครบ เหมาะ | ฝาก $250 ค่อนข้างสูง มือใหม่อาจไม่สะดวก | ฝาก $10 มีเดโม มีใบอนุญาต เหมาะแต่บางพื้นที่ถูกจำกัด |
เหมาะกับมือโปร | สินทรัพย์จำกัด ไม่มี MT4 ยังไม่เหมาะมาก | มีสินทรัพย์เยอะ แต่ไม่ถูกกำกับ | สินทรัพย์หลากหลาย มีชุมชน แต่ไม่ถูกกำกับ | กำกับบางส่วน (VFSC) มี CFD & copy trading แต่ยังมีความเสี่ยง | มีใบอนุญาต (บางพื้นที่) สินทรัพย์หลากหลาย แพลตฟอร์มขั้นสูง |
ใช้ในสหรัฐได้? | ได้ (รับลูกค้า US) | ไม่ได้ (จำกัด US, EU) | ไม่ได้ (ไม่รองรับ US, EU) | ไม่ได้ (จำกัด US) | ไม่ได้ (ไม่รองรับ US และบางประเทศ) |
CloseOption เทียบกับ Quotex
Quotex เป็นผู้ให้บริการดิจิทัลออปชันเปิดใหม่ ทั้งคู่มีข้อดีคือเทรดสั้นได้ ฝากต่ำ ($5–$10) และจ่ายสูงสุด ~95% อย่างไรก็ตาม Quotex ได้เปรียบด้านจำนวนสินทรัพย์ เช่น มีหุ้น ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และยังมีตัวเลือกเทรด 5 วินาทีด้วย ส่วน CloseOption รับลูกค้า US/EU ขณะที่ Quotex ไม่รับ ทั้งสองไม่ถูกกำกับแบบเต็มรูปแบบ หากคุณต้องการเทรดหุ้น/ดัชนีและไม่ได้อยู่ในประเทศที่จำกัด Quotex อาจตอบโจทย์ แต่หากอยู่ในสหรัฐหรืออยากจ่ายด้วย PayPal/ร่วมกิจกรรมแข่งรายสัปดาห์ CloseOption จะได้เปรียบ นอกจากนี้ CloseOption ให้เริ่มฝากที่ 5 ดอลลาร์ ในขณะที่ Quotex คือ 10 ดอลลาร์
CloseOption เทียบกับ Pocket Option
Pocket Option เป็นแพลตฟอร์มเทรดไบนารีออปชันนอกชายฝั่งที่มีฟีเจอร์เยอะ:- สินทรัพย์: Pocket Option มีมากกว่า 100 รายการ (Forex, หุ้น, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต) ขณะที่ CloseOption มีแค่ ~30 จึงค่อนข้างจำกัด
- แพลตฟอร์มและฟีเจอร์: Pocket Option เด่นเรื่อง Social Trading สามารถคัดลอกออเดอร์เทรดเดอร์ชั้นนำ มีห้องแชท มีสัญญาณ รวมถึง Achievement ต่าง ๆ ส่วน CloseOption เรียบง่าย ไม่มีระบบ copy trade (แม้จะมีทัวร์นาเมนต์รายสัปดาห์ที่แจกเงินจริง) Pocket Option ยังมีแอปมือถือ แต่ CloseOption ไม่มี
- เงื่อนไข: ทั้งคู่ฝากขั้นต่ำราว $5 และเทรดขั้นต่ำ $1 พอ ๆ กัน Pocket Option เป็นที่รู้จักเรื่องอัตราจ่ายสูง (90–92% สำหรับบัญชีทั่วไป) ขณะที่ CloseOption มักเริ่มที่ ~75–80% สำหรับ Copper ดังนั้น Pocket Option อาจจ่ายสูงกว่าสำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป เว้นแต่จะอัปเกรดเป็น Diamond ที่ CloseOption
- พื้นที่ใช้งาน: Pocket Option ไม่ให้บริการลูกค้าใน EU หรือ US ขณะที่ CloseOption เปิดรับ US ภายใต้เงื่อนไข ทั้งนี้ CloseOption ก็ไม่รับรัสเซีย ยูเครน เบลารุสเช่นกัน (เพิ่งเพิ่มเข้าในลิสต์จำกัด)
- สรุป: ถ้าต้องการฟีเจอร์มากและสินทรัพย์หลากหลาย Pocket Option อาจดีกว่า แต่ถ้าต้องการฝากขั้นต่ำที่ต่ำสุด หรือชอบใช้ PayPal หรือคุณอยู่สหรัฐ CloseOption จะเหมาะกว่า ทั้งสองต่างก็ไม่มีใบอนุญาตชั้นนำ จึงมีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
CloseOption เทียบกับ BinaryCent
BinaryCent ก็เป็นโบรกเกอร์นอกชายฝั่งที่มีจุดขายเฉพาะ:- เกณฑ์เปิดบัญชี: BinaryCent กำหนดฝากขั้นต่ำสูงถึง 250 ดอลลาร์ เน้นลูกค้าที่มีทุนมากกว่า แต่สามารถเทรด Micro-lot ได้ตั้งแต่ $0.1 (จึงเรียกว่า “Cent”) ส่วน CloseOption ฝากขั้นต่ำแค่ 5 ดอลลาร์ แต่เทรดขั้นต่ำ $1
- สินทรัพย์: BinaryCent ให้บริการทั้ง Binary Options, Forex, และ CFD (หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต) จึงหลากหลายกว่า CloseOption ที่มีแต่ไบนารีออปชันและเน้นสกุลเงินกับคริปโต
- แพลตฟอร์ม: ทั้งคู่ใช้เว็บแพลตฟอร์มเป็นหลัก BinaryCent เริ่มเชื่อมต่อ TradingView ทำให้มีอินดิเคเตอร์ประมาณ 70 ตัว CloseOption ยังมีเครื่องมือพื้นฐานน้อย นอกจากนี้ BinaryCent ยังไม่มีภาษาไทยเต็มรูปแบบ แต่ CloseOption มี (แม้บางส่วนจะแปลไม่สมบูรณ์)
- ฟังก์ชันพิเศษ: BinaryCent มี Copy-trading ช่วยให้มือใหม่ตามมืออาชีพได้ ส่วน CloseOption ไม่มี แต่มีทัวร์นาเมนต์รายสัปดาห์ที่เงินรางวัลน่าสนใจ BinaryCent ขึ้นชื่อเรื่องโบนัสเงินฝาก (20%–200%) แต่ต้องทำเทิร์นโอเวอร์สูงเช่นกัน
- การกำกับดูแล: BinaryCent จดทะเบียนใน Marshall Islands และอ้างมีใบอนุญาต VFSC (วานูอาตู) ซึ่งจัดว่าระดับไม่เข้มงวด ส่วน CloseOption ก็มีแค่ใบอนุญาตจอร์เจีย ทั้งสองมีความเสี่ยงเช่นกัน BinaryCent ไม่รับ US ขณะที่ CloseOption รับ
- สรุป: CloseOption เหมาะกับคนที่เริ่มต้นทุนน้อย ต้องการแพลตฟอร์มเรียบง่าย และอาจอาศัยใน US หรือใช้ PayPal ส่วน BinaryCent เหมาะกับผู้ที่มีทุนใหญ่ และอยากเทรดหลายตลาด (Forex, CFD) มีระบบคัดลอกออเดอร์ แต่เสี่ยงเรื่องใบอนุญาตเช่นกัน
CloseOption เทียบกับ IQ Option
IQ Option เป็นแบรนด์ใหญ่ในวงการออปชัน ปัจจุบันให้บริการนอกเหนือจากไบนารีออปชันด้วย:- ใบอนุญาตและสถานะทางกฎหมาย: ในยุโรป IQ Option ใช้ใบอนุญาตจาก CySEC (ไซปรัส) จัดว่ามีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่ง (แยกเงินลูกค้า ตรวจสอบบัญชี ฯลฯ) แต่ในกลุ่ม EU การเทรดไบนารีออปชันถูกจำกัด จึงเน้นเป็น “Digital Options” หรือผลิตภัณฑ์อื่น สำหรับนอก EU ใช้หน่วยงาน Offshore แต่ยังมีชื่อแบรนด์ที่แข็งแกร่งกว่า CloseOption ที่เป็นใบอนุญาตจอร์เจีย
- ขอบเขตผลิตภัณฑ์: IQ Option ไม่ได้มีแค่ไบนารีออปชัน แต่ยังให้บริการ Forex, หุ้น, คริปโต, ETF, Commodities ฯลฯ ผ่าน CFD ครอบคลุมตลาดกว้างกว่ามาก CloseOption จึงเทียบไม่ได้ในแง่ความหลากหลาย ถ้าคุณต้องการลงทุนหลายประเภท IQ Option ย่อมเหนือกว่า
- แพลตฟอร์มและฟีเจอร์: IQ Option มีแพลตฟอร์มที่ทันสมัย และฟีเจอร์เทรดเชิงลึก (เครื่องมือวิเคราะห์กราฟเยอะ, อินดิเคเตอร์หลายสิบชนิด, Timeframe ครบ, ข่าวสาร, แอปมือถือ) ขณะที่ CloseOption มีอินดิเคเตอร์พื้นฐานน้อย เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากกว่า
- ฝากขั้นต่ำ: IQ Option เริ่มที่ $10 ส่วน CloseOption แค่ $5 ต่างกันเล็กน้อย ทั้งคู่ให้เทรดขั้นต่ำที่ $1 สำหรับไบนารีออปชัน
- อัตราผลตอบแทน: IQ Option ในเวอร์ชัน Offshore อาจจ่ายได้ถึง ~95% (โดยเฉพาะคู่สกุลเงินหลัก) ส่วนมากจะอยู่ราว 85% สำหรับบัญชีทั่วไป ขณะที่ CloseOption เริ่มราว 75–80% (Copper) แต่มีโอกาสอัปเกรดสูงถึง 90–95% หากเป็น Diamond ทั้งนี้ IQ Option มีกฎ Dynamic Payout บางครั้งถ้าคุณชนะบ่อย ระบบอาจปรับลดเปอร์เซ็นต์ลง
- พื้นที่ให้บริการ: IQ Option ไม่รองรับสหรัฐ แคนาดา รัสเซีย และประเทศที่มีข้อจำกัด ขณะที่ CloseOption เองก็ไม่ให้บริการรัสเซีย ยูเครน เบลารุสเช่นกัน แต่ยังรับลูกค้าสหรัฐในบางเงื่อนไข
- สรุป: IQ Option ได้เปรียบอย่างชัดเจนในด้านฟีเจอร์ ความน่าเชื่อถือ (บางส่วน) และสินทรัพย์ที่หลากหลาย เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการสเกลใหญ่และแพลตฟอร์มก้าวหน้า แต่ถ้าคุณอยู่ในประเทศที่ IQ Option ไม่รองรับ หรืออยากเทรดแบบง่ายที่สุดด้วยเงิน 5 ดอลลาร์ CloseOption อาจเป็นทางเลือก ทั้งนี้ CloseOption มีทัวร์นาเมนต์รายสัปดาห์ ส่วน IQ Option ปัจจุบันลดทัวร์นาเมนต์ลงไปพอสมควร
บทสรุปการเปรียบเทียบ
CloseOption เป็นแพลตฟอร์มเทรดไบนารีออปชันที่ค่อนข้างเบสิก เน้นยอดฝากต่ำ เหมาะมือใหม่ แต่ขาดสินทรัพย์หลากหลายและไม่มีการกำกับดูแลเชิงลึก เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น เช่น Quotex, Pocket Option, BinaryCent ที่ก็มีสถานะนอกชายฝั่งเช่นกัน CloseOption มีจุดเด่นตรงที่มีทัวร์นาเมนต์ทุกสัปดาห์และรองรับ PayPal รวมถึงเงินฝากขั้นต่ำเพียง $5 แต่อัตราการจ่ายปกติอาจไม่สูง หากไม่เป็น VIP หรือ Diamond และยังไม่มีแอปมือถือ
ในแง่ความน่าเชื่อถือ แพลตฟอร์มนอกชายฝั่งทั้งหมดที่ไม่ได้กำกับโดยองค์กรระดับโลกมักจะมีความเสี่ยงคล้าย ๆ กัน ขณะที่โบรกเกอร์รายใหญ่บางเจ้าหรือ IQ Option อาจดูน่าเชื่อถือกว่า แต่ก็อาจไม่รับลูกค้าในบางประเทศหรือห้ามเทรดไบนารีออปชันเลย ดังนั้น CloseOption จึงเหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการความเรียบง่าย ฝากขั้นต่ำน้อย อยู่ในพื้นที่ที่เลือกใช้งานไบนารีออปชันได้ยาก หรือชอบระบบฝากผ่าน PayPal ควรตระหนักถึงข้อดีข้อเสียทั้งหมด และพิจารณาตามสถานการณ์ของตนเอง
บทวิจารณ์และความคิดเห็น