หน้าหลัก ข่าวไซต์
SabioTrade: รีวิวและเปรียบเทียบ (2025)
Updated: 18.05.2025

SabioTrade – เจาะลึกทุกแง่มุมและเปรียบเทียบความน่าสนใจของ Prop-Trading Broker รายนี้ (2025)

SabioTrade เป็นบริษัทเทรดแบบ Prop (Prop Firm) ที่กำลังมาแรง ซึ่งเปิดบัญชีทุน CFD ให้ผู้เทรดสามารถรับส่วนแบ่งกำไรสูงสุดถึง 90% ในโลกการเทรดออนไลน์ที่มีการแข่งขันคึกคัก SabioTrade โดดเด่นด้วยแนวทางแบบ 360° ผสานโปรแกรมให้ทุน แพลตฟอร์มเทรด และสื่อการเรียนรู้ไว้ในระบบเดียวกัน

รีวิวฉบับจัดเต็มนี้จะอธิบายฟีเจอร์สำคัญของ SabioTrade ทั้งเงื่อนไขการเทรด ประเภทบัญชี และความน่าเชื่อถือ พร้อมเปรียบเทียบกับบริษัทคู่แข่งระดับแนวหน้าอย่าง SmartPropTrader และ FundedNext ว่า SabioTrade สู้พวกเขาได้แค่ไหนในปีปัจจุบัน

ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ Forex/CFD หรือเคยเทรดไบนารี่ ออปชันมาก่อนและอยากลองเข้าสู่โลก Prop Trading บทความนี้มีมุมมองเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลาง เราจะพิจารณาทุกแง่มุม ทั้งโปรแกรมให้ทุน สัดส่วนผลกำไร กฎการเทรด แพลตฟอร์ม จุดเด่น จุดด้อย ไปจนถึงการเปรียบเทียบด้านเงื่อนไข ค่าธรรมเนียม และความน่าเชื่อถือของบริษัท เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดว่าศักยภาพและตำแหน่งของ SabioTrade ในตลาดเป็นอย่างไร ก่อนตัดสินใจเลือกเส้นทางลงทุนที่เหมาะสม



เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนายหน้าซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

การเทรด Forex และไบนารี่ ออปชันมีความเสี่ยงสูง จากสถิติหลายแห่งพบว่า 70–90% ของผู้เทรดสูญเสียเงินทุนในการเทรด ดังนั้นการมีองค์ความรู้เฉพาะทางจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเริ่มเทรด คุณควรเข้าใจกลไกของเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้ และเตรียมพร้อมต่อความเป็นไปได้ในการขาดทุน อย่าเสี่ยงด้วยเงินที่คุณไม่สามารถสูญเสียได้โดยไม่กระทบคุณภาพชีวิต

SabioTrade คืออะไร? ทำความรู้จัก Prop-Trading Broker รายนี้

SabioTrade เป็น Prop Firm (หรือบางครั้งเรียกว่า “Prop Trading Broker”) ที่เปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ได้ใช้เงินทุนของบริษัทเมื่อผ่านการทดสอบหรือการประเมินเบื้องต้น แตกต่างจากโบรกเกอร์ทั่วไปที่ต้องมีเงินฝากของคุณเอง SabioTrade มีโมเดล “เทรดด้วยเงินเรา พร้อมรับกำไรสูงสุดถึง 90%”

สรุปข้อมูลเบื้องต้นของ SabioTrade:

  • ปีที่ก่อตั้ง: จดทะเบียนอย่างถูกต้องในปี 2020 แต่เริ่มให้บริการจริงปี 2023 จึงถือว่ายังใหม่ในตลาด
  • ที่ตั้ง: ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ (SabioTrade ดำเนินงานจากไอร์แลนด์ ทำให้เข้าถึงตลาดทั่วโลกได้กว้างขวาง)
  • โปรแกรมให้ทุน: ขั้นตอนเดียว ผู้เทรดเลือกขนาดบัญชี ทำกำไรถึงเป้าบนบัญชีเดโม่ (demo account) โดยไม่ผิดกฎ risk management แล้วจะได้บัญชีจริงจากบริษัท
  • ขนาดบัญชี: แบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก — Standard ($10,000), Premium ($50,000), Gold ($100,000) และ Platinum ($200,000)
  • ส่วนแบ่งกำไร: ผู้เทรดรับตั้งแต่ 70–90% (ถือว่าสูงมากในอุตสาหกรรม และ 90% จะได้รับสำหรับบัญชีใหญ่สุด)
  • แผนภาษีของนายหน้าซื้อขายเสา SabioTrade

  • เลเวอเรจ: สูงสุด 1:30 สำหรับการเทรด Forex เป็นระดับที่เหมาะสมกับระบบควบคุมความเสี่ยงของ Prop Firm เพื่อช่วยให้ผู้เทรดสามารถทำกำไรได้ยั่งยืน
  • สินทรัพย์เทรด: มีมากกว่า 250 รายการ ทั้งสกุลเงิน (Forex) ทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนี หุ้น คริปโต และ ETF บางตัว ถือว่ามีสินทรัพย์หลากหลายกว่าที่ Prop Firm ทั่วไปมักนำเสนอ
  • แพลตฟอร์มเทรด: SabioTraderoom ซึ่งเป็นเว็บเทอร์มินัลที่พัฒนาโดย Quadcode ผสานเข้ากับ Dashboard ผู้ใช้งานอย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถเทรดผ่านเว็บไซต์ของ SabioTrade โดยตรง ไม่ต้องใช้ MetaTrader หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ รองรับการเปิดหลายกราฟ เครื่องมือวิเคราะห์ อินดิเคเตอร์ มีความทันสมัยและใช้งานง่าย
  • กลุ่มเป้าหมาย: เทรดเดอร์ทั่วโลก (ไม่มีข้อจำกัดมาก ยกเว้นประเทศที่ถูก OFAC คว่ำบาตร) ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงมืออาชีพที่สนใจเทรด Forex/CFD ผ่านบัญชีที่ได้รับทุน แม้แต่ผู้ที่เคยเทรดไบนารี่ ออปชันและต้องการก้าวสู่ตลาดมาตรฐาน ก็อาจชอบแพลตฟอร์มไม่ซับซ้อนของ SabioTrade ที่มีศักยภาพจ่ายกำไรสูง และไม่มีความเสี่ยงต่อเงินทุนตนเอง
  • จุดเด่นที่แตกต่าง: ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นต่ำ (เริ่มจาก $50), ถอนกำไรได้ตลอดไม่มีรอบ, ไม่มีการกำหนดจำนวนวันที่เทรดเพื่อผ่านการทดสอบ, มีการฝึกอบรมและสัญญาณการเทรดฟรี แถมระบบครบวงจรภายในที่เดียว (Dashboard + Platform + Education)

ข้อดีของโบรกเกอร์ SabioTrade

พันธกิจของ SabioTrade คือสนับสนุนให้ผู้เทรดลงมือเทรดโดยไม่ต้องกลัวเสียเงินทุนตนเอง “เงินทุนของเรา แต่ฝีมือของคุณ – คุณไม่มีอะไรจะเสีย” ตามคำโปรยของบริษัท

กล่าวอย่างง่าย ๆ คือ หากคุณพิสูจน์ได้ว่าทำกำไรถึงเป้าที่กำหนดโดยไม่ผิดกฎด้านความเสี่ยง SabioTrade จะเปิดบัญชีทุนให้คุณ โดยคุณได้กำไรหลักจากบริษัทโดยแทบไม่ต้องเสี่ยงเงินส่วนตัวเลย

ฟีเจอร์เด่นและเงื่อนไขการเทรดที่ SabioTrade

เรามาสำรวจในรายละเอียดว่า SabioTrade นำเสนออะไรบ้าง ทั้งประเภทบัญชี กติกาการทดสอบ ค่าธรรมเนียม และการใช้งานแพลตฟอร์ม เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ประเภทบัญชีและโปรแกรมทดสอบ

SabioTrade เลือกใช้โมเดลที่เข้าใจได้ง่าย: ทดสอบเพียงขั้นตอนเดียวกับ 4 ขนาดบัญชี

ต่างจากคู่แข่งบางรายที่มีหลายรูปแบบการทดสอบหรือบัญชี Instant Funding แต่ SabioTrade ให้คุณผ่านการประเมินขั้นเดียวเท่านั้น:

  • Single-Step Evaluation Challenge: ต้องทำกำไรให้ถึง +10% ในบัญชีทดสอบโดยไม่ละเมิดกฎขาดทุน และที่สำคัญ ไม่มีเดดไลน์ คุณจะใช้เวลากี่วันหรือกี่เดือนก็ได้ ถือเป็นจุดที่ช่วยลดความกดดันในการเร่งเทรด
  • ไม่มีขั้นต่ำวันเทรด: หลายบริษัทกำหนดให้ต้องเทรดอย่างน้อย 5 วัน เพื่อกันไม่ให้ผ่านจากการชนะไม่กี่ไม้ แต่ที่ SabioTrade ไม่มีข้อบังคับนี้ หากคุณเก่งจนทำกำไร 10% ภายใน 1 วัน ก็ถือว่าสอบผ่านทันที
  • กฎขาดทุน: ค่อนข้างเข้มงวดที่ 3% ต่อวัน และ 6% รวม (เป็น trailing ด้วย คือคิดจากจุด Equity สูงสุดด้วย) เช่น ถ้าบัญชี $100,000 จะขาดทุนเกิน $3,000 ในวันเดียวไม่ได้ และห้ามขาดทุนสะสมเกิน $6,000 โดยระบบจะตัดสิทธิ์อัตโนมัติ ซึ่งเป็นกลไกป้องกันความเสี่ยงเชิงวินัย
  • ทดสอบทักษะการซื้อขายของคุณกับนายหน้าซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

  • กฎเสริม: ห้ามถือโพซิชันข้ามสัปดาห์ (ต้องปิดก่อนวันศุกร์) และต้องมีการเทรดอย่างน้อย 1 ครั้งใน 30 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงสถานะ Non-Active ไม่บังคับ Stop-Loss ในทุกออร์เดอร์ และไม่มีการจำกัดกำไรสูงสุด ไม่ว่าจะเทรดสั้น เทรดยาว หรือเทรดข่าว ก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ไม่ผิดกฎขาดทุน
  • สอบใหม่ได้ไม่จำกัด: หากคุณพลาดในการทดสอบ (ติด Drawdown) ก็สามารถชำระค่าธรรมเนียมสมัครใหม่ได้เรื่อย ๆ ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้ง

แบบฟอร์มลงทะเบียนสำหรับบัญชีการฝึกอบรมกับนายหน้าซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

ถ้าคุณผ่านขั้นตอนนี้ได้ (ทำกำไร 10% โดยไม่โดนตัดสิทธิ์) คุณก็จะได้รับ “บัญชีทุน” จริงตามขนาดที่เลือก (10k / 50k / 100k / 200k) จาก SabioTrade

  • การขยายบัญชี (Scaling): ณ ปัจจุบัน SabioTrade ยังไม่มีโปรแกรมขยายเงินทุนอย่างเป็นทางการ (สูงสุด $200,000) แต่อนาคตอาจมีเพิ่มได้ ผู้ที่ต้องการเงินทุนมากกว่านี้สามารถซื้อทดสอบหลายบัญชีและบริหารหลายพอร์ตพร้อมกัน


ส่วนแบ่งกำไรและการถอนเงิน

โมเดลจ่ายกำไรของ SabioTrade ถือว่าน่าสนใจมาก:

  • ส่วนแบ่งกำไร (Profit Split): เทรดเดอร์จะได้รับ 70% ถึง 90% ขึ้นอยู่กับขนาดบัญชี
    • $10k (Standard): 70%
    • $50k (Premium) และ $100k (Gold): 80%
    • $200k (Platinum): 90%
    ถือเป็นสัดส่วนที่ดึงดูดทีเดียว แม้ 70% จะไม่ได้สูงสุดในตลาด แต่ก็ถือว่าดีใกล้เคียงค่าเฉลี่ย ส่วน 90% ถือเป็นระดับบนของวงการ ซึ่งปกติบางเจ้าให้สูงเท่านี้หลังเทรดมาสักระยะ แต่ SabioTrade ให้ตั้งแต่เริ่มต้นหากคุณเลือกบัญชีใหญ่ที่สุด
  • การถอนกำไร: ขอถอนเมื่อไรก็ได้ ในจำนวนเท่าใดก็ได้—ไม่มีรอบจ่ายเงินตายตัว ฟีเจอร์นี้โดดเด่นมาก หากคุณทำกำไร $5,000 ในสัปดาห์แรก ก็ถอนออกได้ทันทีโดยไม่ต้องรอรอบสิ้นเดือน แสดงถึงความโปร่งใสที่ให้ผู้เทรดเข้าถึงผลกำไรได้อย่างอิสระ
  • ช่องทางชำระเงิน: ค่าธรรมเนียม Challenge จ่ายด้วยบัตรเครดิต (Visa/MasterCard)
    การถอนกำไรจะโอนเข้าบัญชีธนาคารของคุณ (ตามรายละเอียดที่กรอกไว้) SabioTrade ไม่เก็บข้อมูลการชำระเงินแบบถาวร จึงลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลหลุด
  • นโยบายการคืนเงิน (Refund): หากคุณสอบผ่าน SabioTrade จะคืนค่าธรรมเนียม (มักคืนในครั้งแรกที่คุณถอนกำไร) เช่น หากคุณสอบผ่านบัญชี Platinum 200k (ค่าธรรมเนียม $939) คุณจะได้รับเงินจำนวนนี้คืนเมื่อคุณขอถอนกำไรครั้งแรก ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ Prop Firm ใหญ่ ๆ หลายเจ้าก็ใช้
  • เงื่อนไขเพิ่มเติมในการถอน: ก่อนจะได้รับบัญชีทุนหรือถอนกำไร คุณต้องทำ KYC (ยืนยันตัวตน) และเซ็นสัญญาบริการกับข้อมูลบัญชีธนาคาร เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและยืนยันว่ากำไรจะถูกโอนไปยังเจ้าของบัญชีที่ถูกต้อง

แม้จะดูว่าขั้นตอนเอกสารเยอะขึ้น แต่ก็เป็นไปเพื่อความปลอดภัยและโปร่งใสสำหรับทั้งบริษัทและผู้เทรดเอง

โดยรวม ระบบส่วนแบ่งกำไรของ SabioTrade แข่งขันได้ดี และรูปแบบถอนเงินตามต้องการก็น่าสนใจมาก เพราะให้อิสระแก่ผู้เทรด ไม่ต้องรอรอบปิดงบหรือจำนวนเงินขั้นต่ำ จุดนี้เป็นจุดดึงดูดใหญ่สำหรับเทรดเดอร์สายมั่นใจที่พร้อมดึงกำไรออกทันทีที่ทำได้ (รวมถึงอดีตผู้เทรดไบนารี่ที่ชอบดึงกำไรรายวันโดยไม่ต้องคอย)

แพลตฟอร์มเทรดและเครื่องมือของ SabioTrade

หนึ่งในจุดแข็งของ SabioTrade คือแพลตฟอร์มเทรดที่เชื่อมต่อในระบบเดียวกัน แทนที่จะใช้ MT4/MT5 หรือ cTrader พวกเขาเลือกสร้าง “SabioTraderoom” ขึ้นมาเอง

แดชบอร์ดของบัญชีการฝึกอบรมกับนายหน้าซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

  • เป็นแพลตฟอร์มเว็บ พัฒนาร่วมกับ Quadcode—ผู้ให้บริการเทคโนโลยีแพลตฟอร์มให้บริษัทโบรกเกอร์อื่น ๆ ตัว Traderoom ผสานอยู่ใน Dashboard ของ SabioTrade เมื่อคุณล็อกอิน คุณจะจัดการบัญชีและเทรดได้ในที่เดียว
  • การตั้งค่าแผนภูมิราคาสำหรับนายหน้าซื้อขาย Prop SabioTrade

  • การออกแบบอินเทอร์เฟซ: ทันสมัยและปรับแต่งได้สูง รองรับการเปิด 9 กราฟในหน้าจอเดียว มีอินดิเคเตอร์เชิงเทคนิคกว่า 100 รายการ เครื่องมือวาดกราฟ และการแจ้งเตือนราคา ตอบโจทย์สายเทคนิคที่ดูหลาย ๆ ตลาดพร้อมกัน (เช่น EUR/USD, GBP/USD, Gold, ดัชนี S&P 500)
  • กราฟและการส่งคำสั่ง: มีเครื่องมือเทียบเท่า MT4/MT5 ทั้งฟีดราคาที่รวดเร็ว ประเภทคำสั่งหลากหลาย ข้อมูลเรียลไทม์ ครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งหมด เป็นเว็บเทอร์มินัลจึงเทรดได้ทุกที่ ไม่ต้องลงโปรแกรมเสริม เหมาะกับผู้ที่คุ้นชินกับแพลตฟอร์มเว็บ (รวมถึงผู้เคยเทรดไบนารี่) แต่มีฟังก์ชันที่ลึกกว่ามาก
  • SabioDashboard: มีหน้ามอนิเตอร์สถิติแบบเรียลไทม์ แสดงผลกำไร Drawdown ลิมิตขาดทุน ฯลฯ อัปเดตทุกนาที ซึ่งหลาย Prop Firm ให้ผู้ใช้คำนวณกันเอง แต่ SabioTrade ทำเป็นระบบอัตโนมัติ ลดโอกาสคำนวณผิด
  • เทรดบนมือถือ: SabioTrade มีแอปบน Android ชื่อ “SabioTrader” (คาดว่ามีบน iOS เช่นกัน)
    ตัวแอปช่วยให้คุณเทรดและตรวจสอบสถานะได้ทุกที่ ไม่ต้องเปิดคอมพิวเตอร์
  • เปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น: เทรดเดอร์หลายคนคุ้นชินกับ MetaTrader แต่ว่า SabioTrade ออกแบบแพลตฟอร์มของตัวเองให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเสริม เหมาะกับมือใหม่ จุดด้อยคือไม่รองรับ EA (Expert Advisor) หรือสคริปต์อัตโนมัติของ MT4/MT5 ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับเทรดเดอร์สายระบบอัตโนมัติ

แผงสำหรับเปิดการซื้อขายที่นายหน้าซื้อขายเสา SabioTrade

สินทรัพย์เทรดและเงื่อนไขตลาด

SabioTrade นำเสนอตลาดให้ซื้อขายมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับ Prop Firm อื่น ๆ:

  • Forex: คู่หลัก คู่รอง รวมถึงคู่ที่ค่อนข้าง Exotic บางส่วน
  • Commodities: ทองคำ เงิน น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ (เกิน 10 รายการ)
  • Indices: ดัชนีหุ้นชั้นนำจากอเมริกา ยุโรป และเอเชีย
  • Stocks: CFDs บนหุ้นหลายร้อยตัว (250+ ชื่อ) จากตลาดสหรัฐและยุโรป
  • Cryptocurrency: เหรียญหลักอย่าง BTC, ETH, XRP เทียบกับ USD หรือ USDT
  • ETFs: กองทุน ETF ที่ได้รับความนิยม (เช่น QQQ, SPY)

สินทรัพย์สำหรับการซื้อขายกับนายหน้าซื้อขายเสา SabioTrade

มีตัวเลือกกว่า 250+ รายการ ทำให้ผู้เทรดปรับกลยุทธ์หรือกระจายความเสี่ยงได้หลายทาง ถ้าตลาด Forex นิ่ง ก็ยังไปเทรดหุ้น NASDAQ หรือสินค้าคริปโตแทนได้ หลาย Prop Firm อาจจำกัดแค่ Forex หรือดัชนีไม่กี่ตัว แต่ SabioTrade ครอบคลุมแทบทุกสินทรัพย์

  • สเปรดและคอมมิชชั่น: ไม่มีค่าคอมมิชชั่นตรงสำหรับสินทรัพย์เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะคิดผ่านสเปรด ยังไม่มีการเปิดเผยตารางสเปรดแบบละเอียด แต่เนื่องจากใช้เทคโนโลยีของ Quadcode ที่ใช้ในโบรกเจ้าใหญ่ ๆ บางเจ้า สเปรดจึงคาดว่าประมาณไม่ต่างจากโบรก Retail ทั่วไป (เช่นไม่กี่จุดบนคู่หลัก) ถือว่าโปร่งใส ไม่มีค่าคอมฯ ซ่อนเพิ่มเติม
  • เลเวอเรจ: สูงสุดที่ 1:30 บน Forex
    อาจจะดูน้อยเมื่อเทียบกับโบรกทั่วไปที่ให้สูงถึง 1:100 หรือมากกว่านั้น แต่เป็นระดับที่เหมาะสมกับ Prop Firm ซึ่งต้องรักษาทุนให้อยู่รอด ที่ 1:30 หากคุณถือบัญชี $100,000 ก็เทรดได้ขนาดถึง 3 ล้านเหรียญ (nominal) ซึ่งเพียงพอสำหรับแทบทุกกลยุทธ์ สินทรัพย์ประเภทอื่นอาจมีเลเวอเรจน้อยกว่านี้เพื่อจำกัดความเสี่ยง
    หลาย Prop Firm จริงจังมักจำกัดเลเวอเรจไม่สูง เพื่อผลักดันให้ผู้เทรดบริหารความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
  • ซื้อขาย CFD กับโบรกเกอร์ซื้อขาย Prop SabioTrade

  • ช่วงเวลาเทรด: ยึดตามเวลาตลาดปกติ (Forex, หุ้น, ดัชนี ฯลฯ) และเนื่องจากห้ามถือออร์เดอร์ข้ามสัปดาห์ จึงต้องปิดทั้งหมดก่อนตลาดปิดวันศุกร์ สำหรับคริปโตแม้จะเทรด 24/7 แต่บริษัทอาจกำหนดปิดช่วงสุดสัปดาห์เช่นกันเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง Gap
  • การเทรดข่าว: ไม่มีข้อห้ามชัดเจน หมายความว่าน่าจะเทรดได้ตามปกติ ตราบใดที่ไม่ผิดกฎ Drawdown ทั้งยังไม่มีข้อมูลเรื่อง HFT หรือ Bot ถี่ ๆ ชัดเจน แต่น่าจะยืดหยุ่นได้ หากคุณไม่ละเมิดขอบเขตความเสี่ยง

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินทรัพย์จากนายหน้าซื้อขาย Prop SabioTrade

ดังนั้น SabioTrade สร้างสภาพแวดล้อมเทรดที่หลากหลาย ไม่มีค่าคอมมิชชั่น และเลเวอเรจพอดี ช่วยให้หลายแนวทางการเทรดทำงานได้ ทั้ง Scalping ระยะสั้น EUR/USD หรือลงทุนระยะยาวในหุ้น Amazon ล้วนทำได้ในบัญชีทุนเดียว

การเรียนรู้และชุมชนสนับสนุน

SabioTrade ไม่ได้มีแค่โปรแกรมให้ทุน แต่ยังลงทุนในส่วนการพัฒนาผู้เทรด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีระยะยาว:

การฝึกอบรมจากโบรกเกอร์ซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

  • คอร์สการเรียนรู้ฟรี: ผู้ใช้ทุกคนของ SabioTrade สามารถเข้าถึงคอร์สฟรี 3 ระดับ
    ครอบคลุมพื้นฐานและขั้นสูง ตั้งแต่การวิเคราะห์พื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิค Technical Analysis Risk Management ฯลฯ โดยเทรดเดอร์มืออาชีพ เป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่และผู้ที่ย้ายจากไบนารี่ ออปชันมาเรียนรู้ CFDs ตัวคอร์สมีใน Dashboard เช่นเดียวกัน
  • บล็อกและบทความ: ระบบของ SabioTrade มีบล็อกให้ความรู้
    อัปเดตเรื่องกลยุทธ์ ข่าวสาร และเคล็ดลับการเทรด เพื่อเพิ่มพูนทักษะของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
  • วิดีโอเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มของนายหน้าซื้อขาย Prop SabioTrade

  • ชุมชนและการสื่อสาร: บริษัทระบุว่ามีชุมชนผู้ใช้งานที่คึกคักในโซเชียลมีเดีย
    คาดว่ามีช่องทางให้พูดคุยหรือฟอรัมต่าง ๆ รวมถึงอาจมีอีเวนต์หรือการแข่งขันบางครั้ง การมีชุมชนทำให้การเทรดไม่โดดเดี่ยวเกินไป
  • สัญญาณการเทรด: SabioTrade ยังแจกสัญญาณ (Signals) ฟรีในแพลตฟอร์ม
    อาจเป็นตัวช่วยแนวทาง แต่ควรใช้ควบคู่การวิเคราะห์ตนเอง สิ่งนี้สะท้อนแนวคิดที่ว่าบริษัทพร้อมสนับสนุน เพราะพวกเขาได้กำไรเมื่อผู้เทรดมีกำไรเช่นกัน

สื่อการฝึกอบรมจากโบรกเกอร์ซื้อขายอุปกรณ์ประกอบฉาก SabioTrade

การให้คอร์สและสัญญาณฟรีเป็นสิ่งที่ไม่บ่อยนักใน Prop Firm อื่น ๆ บ่งบอกว่า SabioTrade พยายามผลักดันให้เทรดเดอร์เติบโตอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ตั้งกฎให้ทดสอบแล้วจบ

การบริการลูกค้าและประสบการณ์โดยรวม

การสนับสนุนผู้เทรดเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อมีเงินจริงและเทคนิคต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง SabioTrade ดำเนินการด้านนี้ค่อนข้างครบถ้วน:

  • บริการตลอด 24/7: SabioTrade เคลมว่ามีทีมซัพพอร์ตตลอด 24 ชั่วโมง
    ช่องทางติดต่อ: อีเมล, แชตหน้าเว็บ, โซเชียลมีเดีย
    เอื้อต่อผู้เทรดในเขตเวลาต่าง ๆ ที่อาจต้องการความช่วยเหลือทันที
  • Knowledge Base/FAQ: เว็บไซต์มี FAQ ครอบคลุมคำถามทั่วไป
    เช่น “อนุญาตให้ Copy Trade ไหม?” (ไม่อนุญาต) เพื่อให้ผู้ใช้ตรวจสอบเบื้องต้นได้เองอย่างรวดเร็ว
  • ภาษาที่รองรับ: ภาษาอังกฤษเป็นหลัก (เป็นมาตรฐานสากล) มีแนวโน้มขยายสู่ภาษาอื่นตามฐานลูกค้า เนื่องจากบริษัทเจาะตลาดทั่วโลก
  • ไม่มีเบอร์โทรศัพท์: บางคนชอบติดต่อ Call Center แต่หลาย Prop Firm รุ่นใหม่ก็ใช้ระบบออนไลน์ล้วน SabioTrade ก็ดำเนินงานในรูปแบบเดียวกัน
  • เสียงตอบรับจากผู้ใช้: แม้ยังมีรีวิวน้อยเพราะเพิ่งเปิด แต่กระแสช่วงแรกถือว่าดี มีคนชมว่าทีมงานตอบสนองเร็ว บางรีวิวบน Reddit ก็พูดถึง SabioTrade ไว้เชิงบวก คล้าย ๆ ที่ผู้ใช้งาน SmartPropTrader ยกย่องทีมงาน
  • ประเทศที่รับ: ยอมรับเทรดเดอร์จากหลายประเทศทั่วโลก ยกเว้นที่ติดข้อจำกัดหรือการคว่ำบาตร
    เริ่มมีผู้สมัครจากทั่วโลก (ดูได้จาก Trustpilot และเว็บรีวิว) ในอนาคตคาดว่าขยายกว้างขึ้นอีก


ข้อดีและข้อเสียของ SabioTrade

มาสรุปกันว่าจุดแข็งและข้อจำกัดหลักของ SabioTrade มีอะไรบ้าง

ข้อดี (Pros):

  1. ส่วนแบ่งกำไรสูงสุดถึง 90% — อยู่ในระดับท็อปของอุตสาหกรรม
  2. ค่าธรรมเนียมเริ่มต้นต่ำ — เริ่มเพียง $50 สำหรับบัญชี $10k ช่วยเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์ทุกระดับ
  3. ไม่มีจำกัดเวลาสอบผ่าน — ไม่บังคับผ่านใน x วัน ลดแรงกดดัน
  4. แพลตฟอร์มเว็บในตัว — SabioTraderoom ใช้งานง่าย ไม่ต้องลง MT4/MT5
  5. มีสินทรัพย์ให้เทรดกว่า 250 รายการ — ตั้งแต่ Forex ไปจนถึงหุ้นและ ETF
  6. มีคอร์สและสัญญาณฟรี — ช่วยพัฒนาศักยภาพผู้เทรด
  7. ถอนกำไรได้ทันที — ไม่มีการกำหนดรอบ
  8. ถอนเงินจากนายหน้าซื้อขาย Prop SabioTrade

  9. รองรับผู้เทรดทั่วโลก — บริการซัพพอร์ต 24/7
  10. โปร่งใส — ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง เงื่อนไขชัดเจน ระบุที่อยู่บริษัทและคะแนนรีวิวเอาไว้อย่างเปิดเผย

ข้อเสีย (Cons):

  1. บริษัทใหม่ — ยังไม่มีประวัติยาวนาน เปิดตัวจริงในปี 2023 ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับ (เหมือน Prop Firm อื่น ๆ)
  2. รีวิวยังมีไม่มากเท่าเจ้าที่อยู่มานาน — ต้องใช้เวลาสั่งสมความเชื่อมั่น
  3. ไม่มีโมเดลสองขั้น — ถ้าชอบผ่านเป็น Step ย่อย (เช่น 5%+5%) จะไม่มี ส่วน SabioTradeต้อง +10% ในคราวเดียว
  4. ไม่รองรับ MT4/MT5 — สำหรับคนที่ใช้ EA หรือ Robot บน MetaTrader จะลำบาก
  5. กฎขาดทุนค่อนข้างเข้ม — 3% ต่อวัน 6% รวม หากเทรดแกว่งแรงหรือใจร้อน จะโดนตัดสิทธิ์ได้ง่าย
  6. ช่องทางถอนจำกัด — ตอนนี้มีแค่บัญชีธนาคาร บางรายอาจอยากถอนผ่าน Crypto หรือ eWallet อื่น ๆ
  7. ช่วงเริ่มต้นอาจมีปัญหาการขยายทีม — เพราะบริษัทกำลังโต ไม่มีแผน Scale ทุนที่ชัดเจนแบบเจ้าใหญ่อื่น

โดยรวม SabioTrade มีจุดเด่นที่มากกว่าจุดด้อยหลายประการ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายต่ำ การถอนกำไรยืดหยุ่น และแพลตฟอร์มเทรดทันสมัย ข้อด้อยหลักอาจอยู่ที่อายุยังน้อย ทำให้ข้อมูลหรือรีวิวจากตลาดยังไม่มากพอ แต่หากคุณทำการบ้านดี ๆ และรู้จักบริหารความเสี่ยง SabioTrade ก็เป็นตัวเลือกที่น่าลองอย่างยิ่ง

SabioTrade น่าเชื่อถือและปลอดภัยไหม?

เวลาเลือกโบรกเกอร์หรือ Prop Firm โดยเฉพาะของใหม่ ปัจจัยเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญ อย่างไรก็ดี โมเดลของ Prop Firm มักไม่ได้รับเงินฝากแบบโบรกเกอร์ทั่วไป (นอกจากค่าทดสอบ) จึงไม่มีประเด็นเรื่องเงินลูกค้าที่ต้องแยกเก็บ (segregate) เหมือนโบรกเกอร์ เรามาดูกันว่า SabioTrade จริงจังแค่ไหนในเรื่องความโปร่งใส:

  • ความโปร่งใสของข้อมูลบริษัท: SabioTrade ประกาศข้อมูลบริษัทอย่างเปิดเผย จดทะเบียนในประเทศไอร์แลนด์ มีที่อยู่สำนักงานแน่ชัด
    การมีที่อยู่ที่ตรวจสอบได้ดีกว่าบริษัทที่ปิดบังตัวตน ไอร์แลนด์อยู่ในกลุ่มสหภาพยุโรป จึงมีมาตรฐานทางธุรกิจระดับหนึ่ง แม้เราไม่เห็นข้อมูลทีมผู้บริหารแบบละเอียด แต่ว่ามีการพูดถึงพาร์ทเนอร์ด้านเทคโนโลยี (Quadcode) และการเป็นสปอนเซอร์กิจกรรมต่าง ๆ
  • ไม่มีใบอนุญาตกำกับ (เป็นปกติสำหรับ Prop Firm): Prop Firm ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ใต้หน่วยงานกำกับเพราะไม่ได้รับเงินฝากลูกค้าทั่วไป แต่ใช้โมเดลจ่ายทุนแก่ผู้ผ่านการทดสอบ SabioTrade ก็เป็นลักษณะเดียวกัน จึงไม่มี License ทางการเงิน ดำเนินงานในลักษณะ “ธุรกิจค้นหาผู้เทรดฝีมือดี” มากกว่า
    การไม่มีใบอนุญาตอาจทำให้คุณต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจในโมเดลนี้ แต่ Prop Firm ส่วนใหญ่ก็อยู่ได้ด้วยการแบ่งกำไรจากผู้เทรดที่ประสบความสำเร็จ (ไม่ใช่การโกงกินจากโต๊ะดีลเลอร์)
  • มาตรการรักษาความปลอดภัย: SabioTrade มีระบบภายในตรวจสอบ แสดงให้เห็นว่ามีความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยรัดกุมระดับหนึ่ง
  • รีวิวจาก Trustpilot: ขณะนี้ (ต้นปี) SabioTrade มีคะแนนเฉลี่ย 4.0 จาก 5.0 (รีวิว 400+ รายการ) โดยประมาณ 59% ให้คะแนนเต็ม 5 ดาว หลายคนชื่นชมแพลตฟอร์มที่ใช้ง่ายและทีมสนับสนุน ก่อนหน้านั้นตอนมีรีวิวประมาณ 42 รายการ คะแนนอยู่ที่ 4.3 การที่มีรีวิวเพิ่มมากขึ้น คะแนนเฉลี่ยอาจปรับเปลี่ยนตามปกติ แต่ 4.0 ถือว่าโอเคทีเดียว เทียบกับบาง Prop Firm ที่มีรีวิวเยอะ ๆ มานานแล้ว (อ่านเพิ่มเติมในส่วนเปรียบเทียบ) ทีม SabioTrade เองก็เข้ามาตอบรีวิวอย่างสม่ำเสมอ
  • การเป็นสปอนเซอร์และการรับรองในวงการ: SabioTrade เคยเป็นผู้สนับสนุนงานกีฬาระดับนานาชาติ เช่น เทนนิส Wimbledon 2023 (สนับสนุนนักกีฬาเช่น Jasmine Paolini, Jonny O’Mara, Juan Manuel Cerundolo)
    การที่บริษัทใหม่ลงทุนเป็นสปอนเซอร์ในระดับนี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะบริษัทต้มตุ๋นมักจะไม่กล้าเปิดตัวต่อสาธารณะในเวทีใหญ่ ๆ
  • ระบบพันธมิตร (Affiliate): เว็บไซต์หรือบล็อกบางแห่งอาจมีลิงก์แนะนำของ SabioTrade เช่น DailyForex หรือ Investing.com ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ คนเขียนรีวิวก็ได้ค่าคอมฯ อยู่บ้าง
    อย่างไรก็ตาม การที่ SabioTrade ปรากฏบนแพลตฟอร์มการลงทุนชื่อดังอย่าง Investing.com หรือ ForexPropReviews ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพราะเว็บเหล่านั้นก็คัดกรองพันธมิตรพอสมควร
  • เสียงจากเทรดเดอร์จริง: จุดสำคัญคือบริษัทจ่ายบัญชีทุนและกำไรจริงไหม ในฐานะผู้เล่นใหม่ จึงยังไม่มีหลักฐานแพร่หลายมาก แต่โมเดล (จ่าย 90% ฯลฯ) ถูกระบุไว้อย่างชัด ไม่มีข้อร้องเรียนฉาวโฉ่เหมือนบางบริษัทที่ปฏิเสธการจ่ายเงิน มีคนใน Reddit เริ่มพูดถึง SabioTrade ในลักษณะ “เชื่อถือได้” แทรกในหมู่ Prop Firm หน้าใหม่ด้วย

เมื่อเทียบกับคู่แข่งด้านความน่าเชื่อถือ
บริษัทที่เปิดมานานย่อมมีรีวิวและหลักฐานมากกว่า เช่น FundedNext รีวิว Trustpilot เกิน 25k (4.6 ดาว), SmartPropTrader ~2k รีวิว (4.7 ดาว)
ขณะที่ SabioTrade เพิ่งเริ่มสะสมรีวิว แต่อย่างน้อยไม่มีเคสเสียหายให้เห็น และบริษัทย้ำเรื่องจุดยืนโปร่งใส ให้ถอนกำไรได้ตลอด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ประเมินว่า “น่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง” และคาดว่าหากเปิดมานานขึ้นจะมีข้อมูลรองรับมากขึ้น

สรุปโดยรวม SabioTrade ดูน่าเชื่อถือและปลอดภัยในระดับที่เหมาะสม แม้จะเพิ่งเปิดตลาด แต่ก็แสดงความพยายามสร้างความไว้ใจ ไม่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ สนับสนุนอีเวนต์กีฬา หรือทำงานกับชุมชนเทรดเดอร์อย่างใกล้ชิด เช่นเคย ควรใช้วิจารณญาณ บริหารความเสี่ยงให้ดี (เช่น อย่าสมัครสอบหลายรอบจนเกินตัว ควรถอนกำไรทันทีที่ทำได้) แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ SabioTrade ถือเป็นอีกทางเลือก Prop Firm ที่น่าสนใจผสานความทันสมัยและความจริงใจเข้าด้วยกัน



เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: SabioTrade vs SmartPropTrader vs FundedNext

SabioTrade ก้าวเข้าสู่สนาม Prop Firm ที่มีการแข่งขันสูง มาดูเทียบกันชัด ๆ กับ SmartPropTrader (บริษัทดังที่ใช้ระบบทดสอบสองขั้น) และ FundedNext (บริษัททุนรายใหญ่อีกราย) ว่าแต่ละเจ้าน่าสนใจอย่างไรเมื่อเทียบด้านเงื่อนไขการให้ทุน กฎต่าง ๆ ค่าธรรมเนียม และความน่าเชื่อถือ

ตารางเปรียบเทียบสั้น ๆ

ตารางด้านล่างสรุปฟีเจอร์หลักของ SabioTrade, SmartPropTrader (SPT) และ FundedNext:

หัวข้อ SabioTrade (Prop Broker) SmartPropTrader (Prop Firm) FundedNext (Prop Firm)
รูปแบบการทดสอบ 1-Step Challenge – ทำกำไร +10% เพียงครั้งเดียว 2-Step Challenge – เฟสแรก +7.5%, เฟสสอง +5% มีทั้ง 1-Step และ 2-Step (Express, Stellar, Evaluation)
ขนาดบัญชี 10k, 50k, 100k, 200k 10k, 25k, 50k, 100k, 200k (มาตรฐานสูงสุดถึง 200k) เริ่มตั้งแต่ 5k จนถึง 200k (แล้วแต่โปรแกรม); สูงสุด 300k ใน 2-Step
ส่วนแบ่งกำไร 70–90% (70% สำหรับบัญชี 10k, 90% สำหรับ 200k) สูงสุด 90% (ส่วนใหญ่เริ่มที่ 80% จากนั้นเพิ่มเป็น 90% หลังถอนครั้งแรก) 80–90% (บางโปรแกรมปรับได้ถึง 95% เมื่อระยะยาว)
ทุนสูงสุด 200k ต่อบัญชี ยังไม่มีแผน Scaling 200k ต่อ Challenge; ขยายได้ถึง 2.5 ล้านด้วยแผน Scaling รวมสูงสุด 300k; สามารถขยายเพิ่มได้ (เช่น +40% ทุก 4 เดือน)
เป้ากำไร 10% (ขั้นเดียว) 7.5% + 5% (รวม ~12.5%) 10% + 5% (Two-Step), Express อาจสูงถึง 25%
ขาดทุนรายวัน 3% (ค่อนข้างเข้ม) 4% 5% (บัญชีปกติของ FN)
ขาดทุนรวม 6% แบบ Trailing 8% (คงที่) 10% (มาตรฐาน)
จำนวนวันขั้นต่ำ ไม่มี ไม่มี 2 วัน (Two-Step) หรือไม่มี (Express)
ระยะเวลาสูงสุด ไม่จำกัด รวม 150 วัน (50+100 วัน) ถือว่ายาว 60 วัน (30+60) สำหรับ 2-Step; Express อาจไม่กำหนดเวลา
สินทรัพย์ 250+ (Forex, Commodities, Indices, Stocks, Crypto, ETF) Forex, Indices, Commodities, Crypto (ไม่มีหุ้นรายตัว) Forex, Indices, Commodities, Crypto (หุ้นไม่ค่อยมี)
แพลตฟอร์ม SabioTraderoom (เว็บ/มือถือ) ไม่รองรับ MT4/MT5 MT4 & MT5 (ผ่าน Eightcap) MT4, MT5, cTrader (บางส่วนเชื่อมกับ TradingView)
ค่าธรรมเนียมทดสอบ $50 สำหรับ 10k; $939 สำหรับ 200k (คืนเมื่อสอบผ่าน) ~$90–100 (10k), ~$500 (100k), ~$949 (200k) (คืนเมื่อสอบผ่าน) ~$155 (10k), $549 (100k), $999 (200k) (2-Step), Express มักแพงกว่า (คืนเมื่อสอบผ่าน)
รอบการจ่ายกำไร ถอนตอนไหนก็ได้ ส่วนใหญ่วงรอบรายเดือน (อาจถี่ขึ้นหลังถอนครั้งแรก) ทุก 2 สัปดาห์หรือรายเดือน (2-Step ถอนได้ครั้งแรกวัน 15)
แผนขยายทุน ยังไม่มี (ขนาดบัญชีคงที่) มี — ขยายได้เป็นช่วง ๆ สูงสุด 2.5 ล้าน มี — +40% ทุก 4 เดือน เมื่อผ่านเงื่อนไข
จุดเด่น มีคอร์สฟรี+สัญญาณ, ค่าธรรมเนียมต่ำ, แพลตฟอร์มเฉพาะ, สปอนเซอร์กีฬา เป้ากำไรเฟสแรกต่ำ (7.5%), ไม่มีขั้นต่ำวัน, จ่ายกำไรผ่าน Crypto/Deel/Wise โปรแกรมหลากหลาย (Express, Evaluation), จ่ายบางส่วนระหว่างสอบ, ฐานลูกค้าใหญ่
คะแนน Trustpilot 4.0 / 5 (รีวิว ~422) – ยังใหม่ 4.7 / 5 (รีวิว ~2,320) – ชื่อเสียงค่อนข้างดี 4.6 / 5 (25,000+ รีวิว) – โด่งดังทั่วโลก
ก่อตั้ง 2023 (จดทะเบียน 2020), ไอร์แลนด์ 2022, สหรัฐอเมริกา (SPT LLC, เชื่อมกับกลุ่ม VVS) 2022, สำนักงานใน UAE & บังกลาเทศ (CEO – Abdullah Jayed)

ด้านล่างคือการเปรียบเทียบย่อ ๆ ที่ลงรายละเอียดให้เห็นความแตกต่าง:

รูปแบบการให้ทุน: ขั้นตอนเดียว vs. สองขั้น

SabioTrade ใช้ขั้นตอนเดียว (+10% ทีเดียว) ไม่มีเดดไลน์
SmartPropTrader สองขั้น (7.5% ก่อน แล้วต่ออีก 5% รวม ~12.5%) แต่มีเวลากว้างถึง 150 วัน
FundedNext เลือกได้ จะใช้สองขั้น (10%+5%) หรือโมเดล Express ขั้นเดียว แต่กฎจะต่างไป

บางคนชอบขั้นตอนเดียวเพราะทำเสร็จแล้วได้บัญชีเลย ไม่ต้องผ่านรอบสอง ส่วนสองขั้นอาจดูย่อยเป้าหมาย แต่ก็มีกรอบเวลา หากชอบไม่กดดันด้านวัน SabioTrade เหมาะมาก คุณอยากเทรดช้า ๆ ก็ได้ หรือเร่ง 10% ในไม่กี่วันก็ได้

SmartPropTrader ถือว่าสอบค่อนข้างง่ายเพราะเฟสแรกแค่ +7.5% ไม่มีขั้นต่ำวัน SabioTrade อาจสอบเร็วกว่าได้ ถ้าไม่ติด Daily Drawdown 3%

ส่วนแบ่งกำไรและศักยภาพการหาเงิน

SabioTrade: 70–90%, 90% ให้ตั้งแต่บัญชี 200k
SmartPropTrader: ส่วนใหญ่ 80% แล้วเพิ่มเป็น 90% เมื่อตรงเงื่อนไขหรือหลังถอน
FundedNext: 80–90%, บางครั้งขยายถึง 95% หากเทรดยาว ๆ

โดยรวมทั้งสามมีสัดส่วนส่วนแบ่งที่น่าดึงดูด SabioTrade ให้ถึง 90% ได้เลยถ้าคุณเลือกบัญชีใหญ่ FundedNext อาจให้สูงถึง 95% แต่เป็นเงื่อนไขระยะยาวต้องเทรดสม่ำเสมอ

การถอนกำไร:
SabioTrade — ถอนได้ทันที
SmartPropTrader — ส่วนใหญ่เดือนละครั้ง หลังถอนครั้งแรกอาจเปลี่ยนเป็นรายสองสัปดาห์
FundedNext — ทุก 2 สัปดาห์หรือรายเดือน (บางโปรแกรมได้ไวหรือได้ระหว่างสอบ)

SabioTrade ให้ความยืดหยุ่นสุด ไม่มีรอบตายตัว เหมาะกับคนชอบควบคุมเงินตัวเอง

กฎความเสี่ยง (Drawdown)

SabioTrade: 3% ต่อวัน, 6% รวม (Trailing)
SmartPropTrader: 4% ต่อวัน, 8% รวม (Fixed)
FundedNext: 5% ต่อวัน, 10% รวม

SabioTrade เข้มงวดกว่า โดยเฉพาะการจำกัด 3% ต่อวันและใช้ระบบ Trailing ถ้าเทรดเร็วหรือแกว่งแรงจะมีโอกาสพลาดง่าย แต่ชดเชยด้วยไม่มีกรอบเวลาเทรด คุณสามารถเทรดไซส์เล็ก ๆ เก็บกำไรค่อย ๆ ไปได้

ค่าธรรมเนียมและค่าเริ่มต้น

SabioTrade: ถูกมากที่ $50 สำหรับบัญชี 10k และ $939 สำหรับ 200k
SmartPropTrader: ~90–100 ดอลลาร์ (10k), 500 (100k), 949 (200k) ตามมาตรฐาน
FundedNext: ~155 (10k), 549 (100k), 999 (200k) ใน 2-Step ส่วน Express จะแพงกว่า

SabioTrade คุ้มค่าถ้าคุณเริ่มบัญชีเล็ก ๆ หรืออยากลอง โดยค่าธรรมเนียมทั้งหมดคืนหลังสอบผ่าน

แพลตฟอร์มและการออกคำสั่ง

SabioTrade: เว็บในตัว, ใช้ง่าย, ไม่รองรับ EA
SmartPropTrader: คลาสสิก MT4/MT5
FundedNext: MT4, MT5, cTrader, ต่อ TradingView บางส่วน

ถ้าคุณชอบ MetaTrader หรือใช้ Bot เป็นหลัก SabioTrade อาจไม่ตอบโจทย์ แต่ถ้าชอบความเรียบง่ายแนวเว็บเทอร์มินัล SabioTrade ค่อนข้างสบาย

จุดเด่นพิเศษ

SabioTrade: แจกคอร์สและสัญญาณฟรี, ค่าธรรมเนียมไม่แพง, มีแพลตฟอร์มเฉพาะ, สปอนเซอร์กีฬาระดับโลก
SmartPropTrader: เป้าหมายเฟสแรกต่ำมาก (7.5%), ไม่มีขั้นต่ำวัน, ถอนกำไรผ่าน Crypto ฯลฯ
FundedNext: หลายโหมด, ฐานลูกค้าใหญ่มาก, มีโปรฯ ต่าง ๆ, จ่ายบางส่วนระหว่างสอบ (Express)

ภาพรวมความน่าเชื่อถือ

SmartPropTrader: 4.7/5 (2k รีวิว) เปิดมา 2022
FundedNext: 4.6/5 (25k+ รีวิว) ฐานลูกค้าเยอะทั่วโลก
SabioTrade: 4.0/5 (400+ รีวิว) ยังใหม่แต่ไม่มีประเด็นดราม่า

ใครซีเรียสเรื่องแบรนด์เก่าแก่หรือรีวิวเยอะอาจเอน SmartPropTrader หรือ FundedNext มากกว่า แต่ SabioTrade ก็กำลังก้าวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจุดขาย “ไม่มีเดดไลน์และค่าธรรมเนียมถูก”

ข้อสรุป: SabioTrade ไม่เป็นรองใครในเรื่องการไม่กำหนดเวลาสอบผ่าน ค่าธรรมเนียมต่ำ และมีระบบซัพพอร์ตผู้เทรดค่อนข้างดี จุดที่อาจแพ้คือกฎ Drawdown ค่อนข้างแน่น และยังไม่มีแผนขยายทุน ด้านความเชื่อถือ SPT กับ FN อาจมีรีวิวมากกว่าเพราะเปิดมานานกว่า สุดท้ายขึ้นอยู่กับคุณว่าชอบแนวไหน — ถ้าไม่อยากรีบและชอบแพลตฟอร์มภายใน SabioTrade น่าสนใจมาก ไม่กดดันเรื่องเวลา ค่าใช้จ่ายไม่แพง ส่วนถ้าคุณอยาก Scaling ต่อเนื่องหรือใช้ MT4/MT5 อาจพิจารณาเจ้าอื่น หรือเทรดหลายเจ้าควบคู่กัน

ทำไม SabioTrade จึงดึงดูดผู้เทรด (รวมถึงผู้เคยเทรดไบนารี่ ออปชัน)?

ลองเจาะลึกว่าทำไม SabioTrade ถึงเป็นที่สนใจของกลุ่มคนที่เคยเทรดไบนารี่ ออปชันแล้วอยากขยับขยายสู่ตลาดที่กว้างขึ้น ข้อดีมีดังนี้:

  1. ไม่มีความเสี่ยงเงินตัวเองโดยตรง: ไบนารี่ส่วนใหญ่ต้องใช้ทุนเราเองและเมื่อขาดทุนก็เจ็บจริง ในโมเดล Prop Firm คุณจ่ายแค่ค่าธรรมเนียม Challenge ครั้งเดียว หากผ่านก็เทรดด้วยทุนบริษัท ขาดทุนบริษัทก็รับผิดชอบ โอกาสเสี่ยงของคุณจึงจำกัดแค่ค่าทดสอบ
  2. ศักยภาพกำไรสูงกว่า: ไบนารี่แบบเดิมได้กำไรจำกัด (เช่น 70–90% ต่อการชนะหนึ่งไม้) แต่ CFD หรือ Forex อาจปล่อยกำไรวิ่งได้ไม่จำกัด แถม SabioTrade ให้ส่วนแบ่งสูงถึง 90% หากตลาดวิ่งขาด คุณยิ่งได้มากขึ้น
  3. ซื้อขายในบัญชีจริงกับนายหน้าซื้อขาย Prop SabioTrade

  4. ยืดหยุ่นในการถือออร์เดอร์: ไบนารี่มักกำหนดเวลาหมดอายุสั้น ๆ แต่ SabioTrade เปิดให้เทรดได้ทั้งสั้นและยาวตามต้องการ คุณเลือกปิดเมื่อใดก็ได้
  5. ก้าวสู่วิถีมืออาชีพ: การเทรด Prop เป็นรูปแบบใกล้เคียงมืออาชีพในตลาดหลักมากกว่าไบนารี่ ถ้าคุณอยากสร้างโปรไฟล์การเทรดจริงจัง SabioTrade ก็เป็นเวทีฝึกฝนที่ใช้เงินทุนใหญ่กว่า
  6. แพลตฟอร์มใช้งานง่าย: หลายคนชอบไบนารี่เพราะอินเทอร์เฟซเรียบง่าย SabioTraderoom ก็ใช้ง่ายเช่นกัน แต่มีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการพัฒนาไปอีกขั้น
  7. เข้าถึงได้ทั่วโลก: ไบนารี่หลายเจ้าถูกจำกัดด้วยกฎหมายในบางประเทศ แต่ SabioTrade รับลูกค้าส่วนใหญ่ทั่วโลก (เว้นประเทศที่โดนคว่ำบาตร)
  8. ฝึกวินัยด้านความเสี่ยง: ไบนารี่มีลักษณะ “ได้หรือเสีย” แบบเร็ว ซึ่งอาจสร้างพฤติกรรมเทรดที่เสี่ยงเกินไป แต่กฎ Drawdown ของ SabioTrade บังคับให้คุณต้องตั้งสติกับการบริหารทุน

พูดง่าย ๆ คือ SabioTrade เปิดโอกาสให้ผู้เคยเล่นไบนารี่ได้ลองตลาดที่เป็นมาตรฐานกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าเสียเงินทุนก้อนใหญ่เองอีกต่อไป

บทสรุป: SabioTrade เหมาะกับคุณหรือเปล่า?

ในปีนี้ SabioTrade กำลังได้รับความสนใจในฐานะหนึ่งใน Prop Firm ที่เปิดโอกาสให้ทุนได้ง่ายและมีแพลตฟอร์มครบวงจร เมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง SmartPropTrader และ FundedNext ก็ถือว่าสู้ได้ดีในหลายด้าน ทั้งยังมีจุดเด่นบางส่วนที่เหนือกว่า:

  • ถ้าคุณอยากได้แพลตฟอร์มเทรดที่สวย ใช้ในตัวเดียว ค่าธรรมเนียมเริ่มไม่แพง และไม่กำหนดเดดไลน์การสอบผ่าน SabioTrade ถือว่าเหมาะ
  • ถ้าคุณชอบการสอบสองขั้นหรืออยากได้ Drawdown ที่ยืดหยุ่นขึ้น SmartPropTrader อาจตอบโจทย์
  • ถ้าคุณอยากขยายทุนให้ใหญ่ขึ้นมาก ๆ และเลือกโปรแกรมหลายรูปแบบ FundedNext อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

แต่ไม่ว่าบริษัทจะให้เงื่อนไขเอื้อแค่ไหน สุดท้ายแล้วความสำเร็จขึ้นกับฝีมือและวินัยของคุณเอง หากคุณทำกำไรได้ การแบ่งสูงแค่ไหนก็มีประโยชน์ หากผิดกฎ Drawdown ก็จบเหมือนกัน มือใหม่อาจเริ่มจากบัญชีเล็กเพื่อศึกษาระบบ SabioTrade (แถมมีคอร์สฟรี) ส่วนมืออาชีพอาจกระโดดเข้าสู่บัญชี 200k เพื่อรับ 90% ถ้าคุณมั่นใจ

ภาพรวม SabioTrade: สรุปคะแนนด้านหลัก

บทสรุปสุดท้าย: SabioTrade คือ Prop-Trading Broker สายเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่ให้ผู้เทรดทั่วโลกเข้าถึงเงินทุนก้อนใหญ่พร้อมส่วนแบ่งกำไรที่น่าประทับใจ ระบบใช้ได้ง่าย และหากคุณผ่านการทดสอบ คุณก็แทบไม่ต้องเสี่ยงเงินตัวเองเลย จุดเด่นคือไม่มีการกำหนดเวลาสอบ ค่าธรรมเนียมเริ่มไม่สูง และสินทรัพย์เทรดหลากหลาย ถือเป็นตัวเลือกที่กำลังมาแรงในปีนี้ มีคนในวงการบางส่วนให้ฉายาว่าเป็น “ตัวเลือกลำดับต้น ๆ ใน Prop-Trading” สำหรับคนที่พร้อมพิสูจน์ฝีมือและสร้างผลตอบแทนจากเงินทุนของบริษัท

แต่อย่าลืมว่าการเทรดเป็นเรื่องของทักษะและการควบคุมอารมณ์ ไม่ว่าจะเงื่อนไขดีแค่ไหน หากไร้วินัยก็อาจโดน Stop Out ได้เสมอ

การเทรด Forex และไบนารี่ ออปชันมีความเสี่ยงสูง ตามสถิติพบว่า 70–90% ของผู้เทรดสูญเสียเงินทุน การทำกำไรอย่างสม่ำเสมอต้องอาศัยความรู้เชิงลึก ก่อนเริ่มต้นควรศึกษากลไกทางการเงินเหล่านี้ให้เข้าใจ และต้องยอมรับความเสี่ยงขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ควรใช้เงินที่คุณพร้อมจะเสียโดยไม่กระทบคุณภาพชีวิต


Igor Lementov
Igor Lementov - ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิเคราะห์ที่ Best-Binary.com


บทความที่อาจช่วยคุณได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น
ความคิดเห็นทั้งหมด: 0
avatar