ทำไม Deriv ถึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการเทรด Binary Options และ CFD ในปี 2025
Deriv เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติที่ให้บริการเทรด Binary Options และ CFD โดดเด่นด้วยรากฐานที่สืบทอดจากบริษัทเก่าแก่ที่สุดรายหนึ่งของวงการ เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 1999 (ใช้ชื่อ Binary.com ก่อนจะรีแบรนด์เป็น Deriv ในปี 2020) และให้บริการเทรดเดอร์มากกว่า 2.5 ล้านรายทั่วโลก ในรีวิวนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกแพลตฟอร์มของ Deriv: ฟีเจอร์ที่สำคัญ เงื่อนไขการเทรด รีวิวจากผู้ใช้งานจริง และเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์คู่แข่งยอดนิยมอย่าง Pocket Option, Binolla และ Quotex
สารบัญ
- Deriv คืออะไร? ข้อมูลทั่วไป
- ข้อดีและข้อเสียของ Deriv
- การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือของ Deriv
- แพลตฟอร์มและเครื่องมือของ Deriv
- ตราสารและตลาดที่มีให้เทรด
- บัญชีและเงื่อนไขการเทรด
- รีวิวจากผู้ใช้งานจริงของ Deriv
- เปรียบเทียบ Deriv กับคู่แข่ง (Pocket Option, Binolla, Quotex)
- โบรกเกอร์ไหนเหมาะที่สุด และเหมาะกับใคร: เลือก Deriv หรือคู่แข่ง?
- FAQ – คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Deriv
- บทสรุป
Deriv คืออะไร? ข้อมูลทั่วไป
Deriv เป็นโบรกเกอร์ Binary Options และ CFD ที่ให้บริการในระดับสากล เดิมเริ่มต้นในชื่อ Binary.com (ก่อตั้งปี 1999) และได้รีแบรนด์เป็น Deriv ในปี 2020 ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี โบรกเกอร์นี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรม และมีประสบการณ์อย่างครอบคลุม
แพลตฟอร์มของ Deriv มีตราสารให้เลือกมากมาย ตั้งแต่คู่สกุลเงิน หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ ไปจนถึง synthetic indices (ดัชนีความผันผวน) ที่เป็นเอกสิทธิ์เทรดได้ 24/7 นอกจากนี้ Deriv ยังมีทั้ง binary options สัญญา CFD และอนุพันธ์ชนิดพิเศษที่เรียกว่า Multipliers ซึ่งผสานจุดเด่นของออปชันและการเทรดแบบมาร์จิ้น
การกำกับดูแลและใบอนุญาต: Deriv ได้รับใบอนุญาตในหลายเขตอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในวงการโบรกเกอร์ที่มี Binary Options ตัวอย่างเช่น กลุ่มบริษัท Deriv มีใบอนุญาตจาก Malta Financial Services Authority (MFSA), Labuan FSA (มาเลเซีย), Vanuatu Financial Services Commission (VFSC) และ BVI FSC (บริติชเวอร์จินไอส์แลนด์) การมีใบอนุญาตอย่างเป็นทางการช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้เทรดเดอร์และเป็นสัญญาณว่าโบรกเกอร์ปฏิบัติตามมาตรฐาน ด้านคู่แข่งหลายเจ้าที่มี Binary Options อาจขาดข้อได้เปรียบเรื่องการถูกกำกับดูแล (รายละเอียดจะกล่าวในภายหลัง)
แพลตฟอร์มเทรด: Deriv โดดเด่นอย่างมากเรื่องความหลากหลายของแพลตฟอร์ม คุณสามารถเลือกได้ถึง 7 แพลตฟอร์ม เช่น DTrader (เว็บ), MetaTrader 5 (Deriv MT5), Deriv X (cTrader), แอปมือถือ Deriv GO และ DBot สำหรับสร้างระบบเทรดอัตโนมัติ ความยืดหยุ่นนี้ช่วยตอบโจทย์เทรดเดอร์ได้ทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่จนถึงสายเทรดอัลกอริทึม
ตารางสรุปข้อมูลสำคัญของ Deriv:
พารามิเตอร์ | Deriv |
---|---|
ปีที่ก่อตั้ง | 1999 (ใช้ชื่อ Binary.com), รีแบรนด์เป็น Deriv ในปี 2020 |
การกำกับดูแล | MFSA (มอลตา), Labuan FSA, VFSC (วานูอาตู), BVI FSC |
ผลิตภัณฑ์เทรด | Binary options, CFD, Forex, คริปโต, ดัชนี, Synthetic indices |
ประเภทสัญญา | Digital options, “Accumulators”, Vanilla Options, Turbo, Multipliers |
แพลตฟอร์ม | DTrader (เว็บ), Deriv MT5, Deriv X (cTrader), แอป Deriv GO, DBot (เทรดอัตโนมัติ), SmartTrader |
บัญชีเดโม่ | มีให้ฟรี พร้อมเงินเสมือนและไม่มีข้อจำกัด |
เงินฝากขั้นต่ำ | 5 ดอลลาร์ (ถือว่าต่ำมาก) |
ขนาดเทรดขั้นต่ำ | 0.35 ดอลลาร์ (สำหรับ binary options) |
วิธีฝาก/ถอนเงิน | บัตรธนาคาร, การโอนผ่านธนาคาร, e-wallet (Skrill, Neteller ฯลฯ), คริปโต, ช่องทางท้องถิ่น, การแลกเปลี่ยน P2P |
เวลาประมวลผลถอนเงิน | ภายใน 24 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นอยู่กับวิธีถอน (ตั้งแต่นาทีไปจนถึงหลายวัน) |
ฝ่ายสนับสนุน | สนับสนุน 24/7 ผ่าน Live Chat, อีเมล และคอมมูนิตี้เทรดเดอร์ (ฟอรัม) |
คู่แข่ง | Pocket Option, Binolla, Quotex, IQ Option, Olymp Trade เป็นต้น |
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า Deriv ผสานจุดเด่นในเรื่องเงินฝากเริ่มต้นต่ำ (แค่ $5 และเทรดขั้นต่ำ $0.35) เข้ากับตัวเลือกสินทรัพย์และแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ต่อไปเราจะวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของโบรกเกอร์นี้อย่างละเอียด
ข้อดีและข้อเสียของ Deriv
เพื่อให้เห็นภาพสมดุลมากขึ้น ด้านล่างนี้เป็นข้อดีและข้อเสียหลักของ Deriv ที่สรุปจากการเปรียบเทียบกับโบรกเกอร์คู่แข่งและความคิดเห็นผู้ใช้งาน
ข้อดีของ Deriv:
- ประสบการณ์ยาวนานและความน่าเชื่อถือสูง: ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 20 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงความมั่นคงและมีชื่อเสียง โบรกเกอร์ในเครือ Binary Group เปิดมาตั้งแต่ปี 1999 สร้างความเชื่อมั่นแก่เทรดเดอร์ทั่วโลก
- เป็นโบรกเกอร์ที่ถูกกำกับดูแล: ได้รับใบอนุญาตหลายแห่ง (มอลตา, วานูอาตู, Labuan, BVI) ซึ่งหาได้ยากในวงการ Binary Options ช่วยให้เทรดเดอร์อุ่นใจมากขึ้น
- เงินฝากขั้นต่ำต่ำมาก: เริ่มต้นเพียง $5 จึงเป็นโบรกเกอร์ที่เข้าถึงได้ง่าย แม้แต่มือใหม่ก็สามารถลองเทรดด้วยทุนไม่มาก ส่วนขนาดเทรดขั้นต่ำที่ $0.35 ก็ให้ทดลองกลยุทธ์โดยเสี่ยงน้อยลง
- มีแพลตฟอร์มให้เลือกหลากหลาย: Deriv มีแพลตฟอร์มให้เลือกใช้งานถึง 7 แบบ ตั้งแต่เว็บแอปใช้ง่ายไปจนถึง MetaTrader 5 และระบบสร้างบอทเทรด ตอบโจทย์เทรดเดอร์ทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม
- ตราสารเทรดกว้างขวาง: มีมากกว่า 150+ ตลาด ทั้ง Forex, ดัชนีหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ คริปโต และ Synthetic Indices เฉพาะของ Deriv เอง นอกจากนี้ยังเทรด Binary ได้ตลอด 24/7 ด้วยตลาด Synthetic
- เงื่อนไขการเทรดที่แข่งขันได้: สำหรับ CFD มีสเปรดต่ำ (EUR/USD ประมาณ ~0.5 pips ในบัญชีมาตรฐาน) และไม่มีค่าคอมมิชชั่นส่วนใหญ่ การประมวลผลออเดอร์และเงื่อนไขการจ่ายเงินก็อยู่ในระดับที่ดี สำหรับ Binary Options ได้ผลตอบแทนถึง 90%+ ในบางคู่เงิน และมีกำไรสูงสุดต่อสัญญาได้ถึง $50,000
- ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับลูกค้า: ทางบริษัทระบุว่าจัดเก็บเงินลูกค้าในบัญชีแยกจากเงินดำเนินกิจการ ทำให้เงินของคุณปลอดภัยแม้ในกรณีบริษัทมีปัญหา
- ฝ่ายสนับสนุน 24/7: มี Live Chat ตลอด 24 ชั่วโมง ศูนย์ช่วยเหลือ (Help Center) และฟอรัมชุมชนที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล
- ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง: ปกติไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นสำหรับการฝาก/ถอน (ยกเว้นค่าบริการจากระบบชำระเงินเอง) และโบรกเกอร์แจ้งค่าธรรมเนียมทั้งหมดอย่างโปร่งใส (เช่น ค่าธรรมเนียมกรณีไม่เคลื่อนไหวในบัญชีนานเกิน 12 เดือน)
- นวัตกรรมและรางวัล: ในปี 2023–2024 Deriv ได้รับรางวัลในอุตสาหกรรม เช่น “Broker of the Year 2024” และ “Most Innovative Broker 2023” จาก UF Awards ตอกย้ำสถานะและความเป็นมืออาชีพของบริษัท
ข้อเสียของ Deriv:
- ไม่รองรับบางประเทศ: Deriv ไม่เปิดรับลูกค้าจากสหรัฐอเมริกา และบางประเทศที่มีกฎเกณฑ์เข้มงวด (เช่น แคนาดา หรือพื้นที่ที่ Binary Options, CFD ถูกห้าม) สำหรับกลุ่มเหล่านี้อาจต้องหาโบรกเกอร์อื่น
- ความเสี่ยงสูงใน Binary Options: แม้ Deriv จะมีการกำกับดูแล แต่ออปชันแบบนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยง มือใหม่อาจเสียทุนได้ง่ายหากไม่มีแผนการหรือกลยุทธ์ที่รัดกุม แม้จะมีบัญชีเดโม่และสื่อการสอน แต่ก็ยังต้องระวัง
- ทรัพยากรการสอนค่อนข้างจำกัด: คู่แข่งบางรายมีหลักสูตรหรือเว็บบินาร์มากมาย แต่ Deriv อาจยังมีคอร์สไม่มากนัก อาจไม่ครอบคลุมความต้องการของผู้เริ่มต้นบางกลุ่ม
- ไม่มีบริการสนับสนุนทางโทรศัพท์: ให้บริการเฉพาะทางแชทและอีเมล ไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ตรง บางคนอาจมองว่าการโทรคุยด่วนเป็นเรื่องสำคัญ
- แพลตฟอร์มหลากหลายจนเลือกยาก: เนื่องจากมีแพลตฟอร์มหลายตัว (DTrader, MT5, Deriv X ฯลฯ) อาจทำให้มือใหม่สับสนว่าจะเลือกใช้อันไหนดี
- Synthetic Indices เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะ: แม้มีความยืดหยุ่น 24/7 แต่ดัชนีเหล่านี้เป็นตลาดจำลองในระบบของ Deriv เอง ไม่มีราคาจากภายนอก บางคนจึงกังวลเรื่องความโปร่งใสในการกำหนดราคา สุดท้ายอยู่ที่ความเชื่อมั่นต่อ Deriv
- มีผู้ร้องเรียนเรื่องถอนเงิน: มีรีวิวด้านลบออนไลน์เกี่ยวกับการถอนเงินและการใช้บอท ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้รายหนึ่งระบุ ว่า “รู้สึกผิดหวังมากกับ Deriv พอเริ่มทำกำไร บอทหยุดทำงานจนขาดทุน” รวมถึงบางกรณีเจอความล่าช้าในการถอนหรือการยืนยันตัวตน สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าแม้เป็นโบรกเกอร์ชั้นนำก็ยังมีลูกค้าไม่พอใจได้
- ไม่มีโบนัสมากนัก: เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์บางรายที่มีโบนัสเงินฝาก Deriv ไม่ค่อยจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าทั่วไป (เนื่องจากข้อกำกับทางกฎหมาย) แม้จะสะท้อนความโปร่งใส แต่บางคนอาจมองว่าไม่ “คุ้มค่า” เท่าโบรกเกอร์ที่มีโปรโบนัสดึงดูด
โดยรวมแล้ว ข้อดีของ Deriv นั้นโดดเด่นกว่า ข้อเสียส่วนใหญ่เกิดจากลักษณะผลิตภัณฑ์ (ความเสี่ยงใน Binary Options) หรือเหตุการณ์เฉพาะกรณี ขณะที่ข้อดีเป็นปัจจัยสำคัญ (การกำกับดูแล ประสบการณ์ยาวนาน เงื่อนไขดี) ในลำดับถัดไป เราจะเจาะลึกจุดเด่นหลักของ Deriv ตั้งแต่แพลตฟอร์มจนถึงเสียงตอบรับผู้ใช้ และเปรียบเทียบกับคู่แข่งหลัก
การกำกับดูแลและความน่าเชื่อถือของ Deriv
คำถามสำคัญเมื่อเลือกโบรกเกอร์คือ “เราเชื่อถือได้ไหม?” ในแง่ความน่าเชื่อถือ (Trust) Deriv มีจุดแข็งหลายประการ:
ใบอนุญาตและการปฏิบัติตามกฎ
อย่างที่กล่าวไว้ Deriv มีบริษัทในเครือที่ถูกกำกับดูแลหลายแห่ง:
- Deriv Investments (Europe) Ltd – ได้รับอนุญาตโดย MFSA (มอลตา) เพื่อดำเนินงานใน EU
- Deriv (FX) Ltd – ได้รับอนุญาตโดย Labuan FSA (มาเลเซีย)
- Deriv (BVI) Ltd – ได้รับอนุญาตโดย BVI FSC (บริติชเวอร์จินไอส์แลนด์)
- Deriv (V) Ltd – ได้รับอนุญาตโดย VFSC (วานูอาตู)
การมีใบอนุญาตเหล่านี้หมายความว่าโบรกเกอร์ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านเงินทุน การรายงาน และการคุ้มครองนักลงทุน ตัวอย่างเช่น ใบอนุญาตในยุโรปกำหนดให้ต้องแยกเก็บเงินลูกค้า (segregated) และเข้าร่วมกองทุนชดเชย (Investor Compensation Fund) การดำเนินงานที่โปร่งใสนี้ผ่านการตรวจสอบอิสระ ทำให้ลูกค้ามั่นใจยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน คู่แข่งที่ให้บริการ Binary Options หลายเจ้ามักไม่มีใบอนุญาตที่เป็นทางการ (เช่น Pocket Option, Quotex, Binolla)
ประวัติและชื่อเสียง
การที่บริษัทดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 1999 สะท้อนความแข็งแกร่ง ผ่านช่วงวิกฤตและการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งในตลาดได้โดยไม่ล้มเลิก ในปี 2020 บริษัท Binary.com รีแบรนด์เป็น Deriv และขยายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ปัจจุบัน (ข้อมูลถึงปลายปี 2024) Deriv มีลูกค้ากว่า 2.5 ล้านรายทั่วโลก ซึ่งยากจะทำได้หากเป็นบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ
ความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมต่อสาธารณะ
เว็บไซต์ของ Deriv ให้ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาต ที่ตั้งสำนักงาน และเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน บริษัทปรากฏตัวในงานแสดงสินค้าหรือกิจกรรมด้านการลงทุนอยู่เป็นประจำ (เช่น Smart Vision Investment Expo 2023 ในตะวันออกกลาง ซึ่ง Deriv ถูกยกย่องเป็น “Top 100 Trusted Financial Institutions (MENA)”) รวมทั้งมีช่องทางคอมมูนิตี้และโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ เพื่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างเปิดเผย การเปิดกว้างนี้ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ (Authoritativeness)
การรักษาความปลอดภัยของเงินและข้อมูลลูกค้า
ตามนโยบายของ Deriv เงินลูกค้าจะถูกเก็บในบัญชีธนาคารแยกจากบัญชีปฏิบัติการของบริษัท ดังนั้นหากบริษัทเกิดปัญหาทางการเงิน เงินของลูกค้าจะไม่ถูกนำไปใช้ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) และระบบ KYC
ความคิดเห็นและการจัดอันดับจากผู้ใช้งาน
โดยทั่วไปแล้ว เสียงตอบรับออนไลน์มีทั้งเชิงบวกและลบสำหรับทุกโบรกเกอร์ แต่ในภาพรวม Deriv ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างปลอดภัย จากใบอนุญาตและการมีอยู่ในตลาดมายาวนาน การประเมินเชิงผู้เชี่ยวชาญจาก FXEmpire สรุปว่า “Deriv สร้างความประทับใจในทางบวกเป็นส่วนใหญ่... มองว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีความปลอดภัยเพียงพอ”
เทรดเดอร์จำนวนมากชื่นชมเรื่องการประมวลผลออเดอร์ที่เชื่อถือได้และการถอนเงินที่รวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การรีวิวบางแห่ง (Sitejabber) อาจมีคะแนนเฉลี่ยค่อนข้างต่ำ (ราว 1.3/5) เนื่องจากผู้ใช้บางรายวิจารณ์ว่าถอนเงินล่าช้าหรือมีปัญหา อย่างไรก็ดี ผู้ใช้อีกจำนวนมหาศาลเทรดกับ Deriv โดยไม่มีปัญหา
ควรตระหนักว่าการเทรดมาพร้อมความเสี่ยง และทุกโบรกเกอร์ย่อมมีลูกค้าที่ไม่พอใจ บางรายอาจติดปัญหาเงื่อนไขการยืนยันตัวตนหรือการละเมิดกฎส่งผลให้ถอนเงินไม่ได้ ซึ่งถ้าเกิดล่าช้าหรือต้องตรวจสอบเพิ่มเติม ก็เป็นขั้นตอนปกติของโบรกเกอร์ที่ถูกกำกับดูแล (มาตรการ AML)
ข้อสรุปด้านความน่าเชื่อถือ
สรุปแล้ว Deriv โดดเด่นด้านความน่าเชื่อถือ จากการมีใบอนุญาตจริง การดำเนินธุรกิจยาวนาน และความโปร่งใส ต่างจากโบรกเกอร์หน้าใหม่ที่ไม่ได้ถูกกำกับดูแล หากคุณคำนึงถึงความปลอดภัยของเงินทุน Deriv จัดว่าเป็นตัวเลือกที่ไว้วางใจได้สูงในกลุ่ม Binary Options
แพลตฟอร์มและเครื่องมือของ Deriv
อีกจุดแข็งสำคัญของ Deriv คือการมีแพลตฟอร์มและฟีเจอร์มากมาย ส่วนนี้เราจะมาดูกันว่า Deriv มีอะไรให้ใช้งานบ้าง
แพลตฟอร์มการเทรดของ Deriv
DTrader – แพลตฟอร์มเว็บหลักสำหรับเทรด Binary Options, Digital Contracts และ Multipliers อินเทอร์เฟซใช้ง่าย: เลือกสินทรัพย์ ทิศทาง (ขึ้น/ลง หรือเงื่อนไขสัญญาอื่นๆ) จำนวนเงินและระยะเวลา ระบบจะแสดงกำไรขาดทุนที่เป็นไปได้ให้เห็นชัดเจน เหมาะมากกับมือใหม่ แต่ยังมีอินดิเคเตอร์เทคนิคให้ใช้วิเคราะห์เบื้องต้นได้
Deriv MT5 (DMT5) – เป็นเวอร์ชัน MetaTrader 5 ที่ปรับแต่งสำหรับ Deriv สามารถเทรด CFD บน Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึง Synthetic Indices ด้วย เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างละเอียด รองรับ Expert Advisor (EA) สามารถเลือกบัญชีประเภทต่างๆ เช่น บัญชี Synthetic (เทรดดัชนีเฉพาะ 24/7) บัญชี Financial (เทรด Forex และสินค้าโภคภัณฑ์ด้วยเลเวอเรจเฉพาะ) เป็นต้น
Deriv X – เป็นเทอร์มินัลสมัยใหม่ (เทียบเท่ากับ cTrader) ที่ปรับแต่งได้ตามใจชอบ เน้นเทรด CFD สำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบปรับแผงเทรดและใช้ออเดอร์รูปแบบพิเศษ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์โซเชียล (คล้าย cTrader) ให้ติดตามหรือแชร์กลยุทธ์ได้ เหมาะกับเทรดเดอร์สายก๊อปปี้เทรดหรือแชร์สัญญาณ
DBot – ตัวสร้างบอทของ Deriv ที่พัฒนาในระบบเว็บ ใช้การลากและวางบล็อกเงื่อนไข/คำสั่งเพื่อสร้างกลยุทธ์ ตั้งแต่เลือกสินทรัพย์ เงื่อนไขการเทรด ไปจนถึงการตั้งค่าเพิ่มหรือลดขนาดสัญญาเมื่อแพ้/ชนะ ใช้งานได้ทั้งบัญชีเดโม่และบัญชีจริง แต่ควรระวังความเสี่ยงจากการเทรดอัตโนมัติที่อาจทำให้ขาดทุนมากหากระบบไม่เสถียรตามที่หวัง
SmartTrader – แพลตฟอร์มเว็บอีกรุ่น (สืบทอดมาจาก Binary.com) อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ออกแบบมาให้กดซื้อ/ขายสัญญาแบบเร็วๆ คล้าย DTrader แต่ปรับแต่งได้น้อยกว่า ปัจจุบัน DTrader ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมจนใช้งานสะดวกขึ้น จึงเป็นที่นิยมมากกว่า
Deriv GO Mobile App – แอปบน iOS/Android สำหรับเทรดได้ทุกที่ ฟีเจอร์คล้าย DTrader (Binary Options, Multipliers) และจัดการบัญชีได้ในตัว รีวิวผู้ใช้ค่อนข้างประทับใจในเสถียรภาพและการใช้งานง่าย หากต้องการเทรด MT5 บนมือถือ ก็สามารถใช้แอป MetaTrader โดยเชื่อมเซิร์ฟเวอร์ Deriv
MetaTrader 5 สำหรับ Multipliers (Deriv MT5) – นอกจาก MT5 มาตรฐาน Deriv ยังมีแอปมือถือที่รองรับ Multipliers (ซึ่งบางส่วนทับซ้อนกับ Deriv GO) โดย Multipliers จะเป็นเครื่องมือที่ผสานเอฟเฟกต์ Leverage พร้อมจำกัดการขาดทุนคล้าย Stop-Loss เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นที่ได้กำไรมากขึ้นจากความเคลื่อนไหวของราคา แต่ขาดทุนถูกจำกัด
จากแพลตฟอร์มเหล่านี้จะเห็นว่า Deriv รองรับเทรดเดอร์ได้ทุกระดับ ตั้งแต่มือใหม่ที่ชอบใช้ง่ายๆ อย่าง DTrader หรือแอปมือถือ ไปจนถึงมืออาชีพที่ถนัด MT5 หรือ Deriv X และสายอัลกอริทึมที่ใช้ DBot หรือ API ต่างๆ ในขณะที่คู่แข่งส่วนใหญ่มีแพลตฟอร์มเว็บ/มือถือเฉพาะของตัวเอง แต่ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงเทียบเท่า MetaTrader หรือระบบอัตโนมัติเท่าที่ Deriv มี
ตราสารและตลาดที่มีให้เทรด
Binary Options
ถือเป็นผลิตภัณฑ์หลักของ Deriv มาแต่เดิม โบรกเกอร์นี้มี ประเภทออปชันหลายแบบ เช่น Digital Options (Up/Down, Touch/No-Touch พร้อมอัตราจ่ายคงที่), Turbo (ระยะเวลาสั้นมากตั้งแต่ 1 นาทีลงไป), Vanilla Options (คล้ายกับออปชันในตลาดฟิวเจอร์ส), และ Accumulators (เปิดตัวในปี 2023) ที่เพิ่มกำไรสะสมต่อทิกหากตรงเงื่อนไข (สูงสุดถึง 5% ต่อทิก)
Deriv ให้เลือกเทรด Binary Options ในกว่า 50+ สินทรัพย์ ได้แก่ คู่เงิน ดัชนี สินค้าโภคภัณฑ์ และ Synthetic Indices ตั้งแต่สัญญาระยะสั้นมาก (1 ทิก หรือ 30 วินาที) ไปจนถึงสัญญาระยะยาวหลายชั่วโมงหรือเป็นวัน ที่พิเศษคือมูลค่าการจ่ายเงินต่อสัญญาสูงสุดมากถึง $50,000 ซึ่งสูงกว่าโบรกเกอร์หลายรายที่จำกัดไว้แค่หลักพันดอลลาร์
CFD และ Forex
Deriv กำลังขยายผลิตภัณฑ์ CFD อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2023 มีรายการเพิ่มขึ้นจนปัจจุบันมีหลายร้อยตลาดให้เลือก เทรดได้ผ่าน MT5 หรือ Deriv X มีมากกว่า 270 สินทรัพย์ เช่น
- Forex: ราว 50 คู่เงิน (ทั้ง Major, Minor, Exotic) สเปรดแข่งขันได้มาก เช่น EUR/USD ~0.4–0.5 pips ในบัญชีมาตรฐาน (ไม่เก็บคอมมิชชั่น) เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:1000 (แต่ใน EU จะจำกัดที่ 1:30 ตามกฎ ESMA)
- ดัชนีและหุ้น: มีดัชนีหุ้นหลักระดับโลก (S&P 500, Nasdaq, DAX เป็นต้น) และหุ้นของบริษัทดัง (Apple, Tesla ฯลฯ) ในรูปสัญญา CFD
- สินค้าโภคภัณฑ์: ทองคำ เงิน น้ำมัน และสินค้าอื่นๆ แบบ CFD รีวิวสายสแคลเปอร์หลายคนชอบสเปรดน้ำมันของ Deriv ที่ค่อนข้างต่ำ
- คริปโตเคอเรนซี: มีให้เทรดประมาณ 30 คู่ (BTC/USD, ETH/USD ฯลฯ) สามารถเทรดได้ 24/7 พร้อมเลเวอเรจสูงสุด 1:2 และไม่มีค่าคอมมิชชั่น เหมาะแก่การเก็งกำไรคริปโตโดยไม่ต้องถือเหรียญจริง
Synthetic Indices
หนึ่งในจุดเด่นของ Deriv คือดัชนีจำลอง (Derived Indices) หรือ Synthetic Indices ที่สร้างขึ้นจากอัลกอริทึมสุ่มความผันผวน เช่น Volatility 10, Volatility 100 หรือ Jump, Crash/Boom ฯลฯ ซึ่งซื้อขายได้ตลอดทั้งสัปดาห์โดยไม่ยึดติดกับเวลาตลาดจริง เทรดเดอร์บางกลุ่มชื่นชอบดัชนีเหล่านี้เพราะเปิดโอกาสเทรดตลอดเวลาและมักมีลักษณะความผันผวนที่ต่อเนื่อง แต่ควรระวังเพราะเป็นตลาดจำลองและเชื่อใจกลไกกำหนดราคา Deriv เป็นสำคัญ
Multipliers
อนุพันธ์พิเศษของ Deriv ที่ผสานคุณสมบัติของ Binary Options กับมาร์จิ้นเทรด โดยเมื่อคุณเปิดออเดอร์ด้วยตัวคูณ (Multiplier) เช่น x50 หรือ x1000 หากราคาขยับทางที่คาด คุณจะทำกำไรเหมือนเปิดออเดอร์ใหญ่ขึ้นตามตัวคูณ แต่ความเสี่ยงขาดทุนจะถูกจำกัดตามเงื่อนไข (คล้ายการตั้ง Stop-Loss) เหมาะสำหรับสายเก็งกำไรระยะสั้นที่อยากเพิ่มผลลัพธ์จากความผันผวนของราคา โดยเทรดได้ทั้งใน Forex, คริปโต หรือดัชนีบางตัวผ่าน DTrader และมือถือ
บัญชีและเงื่อนไขการเทรด
Deriv อนุญาตให้เปิดบัญชีหลักเดียวเชื่อมกับซับแอคเคานต์หลายประเภท (CFD, Synthetic ฯลฯ) รองรับสกุลเงินบัญชีหลากหลาย (USD, EUR, GBP, AUD และคริปโต) เงินฝากขั้นต่ำ $5 เป็นจุดดึงดูดสำหรับมือใหม่ ส่วนค่าธรรมเนียมในกรณีไม่มีความเคลื่อนไหว (Inactivity) จะคิดที่ ~$25 ถ้าปล่อยบัญชีทิ้งเกิน 12 เดือน และจะคิดซ้ำทุก 6 เดือนหากยังไม่ใช้งาน
โปรแกรม Loyalty หรือ VIP
สำหรับผู้ถือยอดเงินสูง Deriv ไม่มีประกาศชัดเจนเกี่ยวกับระดับ VIP แต่จะมีโปรแกรมพาร์ทเนอร์และบางครั้งมีโค้ดโปรโมชั่นจากพันธมิตรเป็นครั้งคราว (ไม่มีโบนัสเงินฝากแบบปกติ) โครงสร้างบัญชีโดยรวมค่อนข้างเข้าใจง่าย ไม่ได้แบ่งเลเวลซับซ้อน
บทสรุปย่อ
Deriv มีตัวเลือกหลากหลายในการเทรด ทั้ง Binary Options และ CFD หรืออนุพันธ์พิเศษอย่าง Multipliers จะเลือกแพลตฟอร์มแบบไหนก็ได้ตามความถนัด ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่ต้องการแพลตฟอร์มใช้ง่าย หรือผู้เชี่ยวชาญสายเทคนิคที่ต้องการ MetaTrader/ระบบอัตโนมัติ ความยืดหยุ่นนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Deriv ได้รับความนิยม
รีวิวจากผู้ใช้งานจริงของ Deriv
ไม่มีรีวิวไหนจะครบถ้วนเท่าฟังจากผู้ใช้งานจริง ด้านล่างนี้เรารวบรวมทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้คนพูดถึง Deriv เพื่อให้เห็นภาพรวม
รีวิวเชิงบวก:
ผู้ใช้งานหลายคนยกให้ Deriv เป็นโบรกเกอร์ที่ครบเครื่องและประสิทธิภาพดี โดยเฉพาะ:
- ถอนเงินได้รวดเร็ว – “เทรดกับ Deriv มา 2 ปี ถอนผ่าน Skrill ได้เงินใน 1–2 วันตลอด ไม่มีปัญหา” หลายคนชี้ว่า Deriv ไม่เคยยกเลิกออเดอร์กำไรหรือแทรกแซงราคาเหมือนโบรกเกอร์ที่ไม่ถูกกำกับดูแล
- Synthetic Indices ได้รับความนิยมสูง – “ผมชอบ Volatility 75 Index เพราะเทรดกลางคืนหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ได้” Deriv แทบจะเป็นเจ้าตลาดในผลิตภัณฑ์นี้
- แพลตฟอร์มและเครื่องมือ – ผู้ใช้ชื่นชม DBot ที่ทำให้สร้างบอทได้ง่าย: “ผมสร้างบอทส่วนตัวและทดสอบในเดโม่ ใช้งานดีมาก ตอนนี้เทรดจริงทีละน้อยๆ พอใจมาก” Deriv X ก็ถูกชื่นชมว่ามีการออกแบบเป็นมิตรและประมวลผลไว
- ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า – “ติดต่อ Live Chat 24/7 สะดวกมาก เคยติดปัญหา KYC ติดต่อไม่เกิน 15 นาทีก็จบ” ฟอรัมชุมชนของ Deriv เองก็ช่วยเหลือได้ดี
- ประสบการณ์โดยรวม – หลายคนสรุปว่า Deriv เป็นโบรกเกอร์ที่ดีมากสำหรับ Binary Options และ CFD เพราะผสมผสานฟีเจอร์ขั้นสูงเข้ากับความน่าเชื่อถือ FXLeaders เองก็จัดว่า Deriv “โดดเด่นด้านความยืดหยุ่นและความปลอดภัย”
รีวิวเชิงลบ:
แน่นอนว่ายังมีผู้ใช้บางส่วนที่ผิดหวัง โดยปัญหาที่มักเจอคือ:
- การถอนเงิน – บางรายโวยว่า “ถอนเงินไม่ได้ทันที โดนบล็อกบัญชี” หรือ “ระบบแคชเชียร์มีปัญหา” จนอาจเชื่อว่า Deriv ถ่วงเวลาจ่าย แต่ในหลายเคส ผู้ใช้ยังไม่ผ่าน KYC หรือมีข้อโต้แย้งเรื่องโบนัสหรือกฎบางอย่าง จึงล่าช้า
- บอทและความโปร่งใสราคา – บางคนกล่าวหาว่า “Synthetic Indices ถูกควบคุม” หรือ “บอทหยุดทำงานตอนกำไรเยอะ” มีผู้ใช้ ForexPeaceArmy รายหนึ่ง บอกว่า “Deriv โกง... ปั่นราคาในตลาดจำลอง” แม้ยากพิสูจน์ แต่ตลาดจำลองย่อมมีข้อกังขาจากผู้ไม่มั่นใจในอัลกอริทึม
- การบล็อกบัญชี – ผู้ใช้บางคนกล่าวว่า “บัญชีถูกปิดหลังจากทำกำไรเยอะ หรือร้องขอถอน” ซึ่ง Deriv อ้างว่าเป็นมาตรการ AML หรือผู้ใช้ทำผิดเงื่อนไข (เช่น มีหลายบัญชี) หากไม่เตรียมตัวหรือเข้าใจเงื่อนไข ก็อาจไม่พอใจได้
- ขาดฟีเจอร์บางอย่าง – เช่น “อยากให้มี Copy-Trading ในตัว” (บางส่วนมีใน Deriv X แต่ไม่ได้ทำตลาดจริงจัง) หรือ “ไม่มีโบนัสฝากเงินใหญ่ๆ” บางรายชอบกิจกรรมการแข่งขันหรือโบนัสแบบ Pocket Option ซึ่ง Deriv ไม่มี
สรุปเสียงผู้ใช้: ภาพรวม Deriv ได้รับรีวิวดีจากคนที่มองหาความน่าเชื่อถือและฟังก์ชันครบ ด้านลบส่วนมากเป็นปัญหาความเสี่ยงในตลาด Binary Options หรือกระบวนการตรวจสอบเอกสารตามมาตรฐานโบรกเกอร์ที่ถูกกำกับดูแล ซึ่งอาจขัดใจกับความคาดหวังของบางคน
เปรียบเทียบ Deriv กับคู่แข่ง (Pocket Option, Binolla, Quotex)
ตลาด Binary Options และ Digital Trading มีการแข่งขันสูง นอกจาก Deriv ยังมีผู้เล่นเช่น Pocket Option, Binolla, Quotex, IQ Option, Olymp Trade เราจะเปรียบเทียบ Deriv กับสามคู่แข่งหลักที่ถูกกล่าวถึง คือ Pocket Option, Binolla, และ Quotex โดยดูจุดเด่นและสรุปในตาราง
Pocket Option
ก่อตั้งในปี 2017 ภายใต้ Gembell Limited (ประเทศเซเชลส์) โด่งดังอย่างรวดเร็วเพราะแพลตฟอร์มใช้ง่ายและการโปรโมตสูง ให้บริการ Binary Options แบบ High/Low ในสินทรัพย์ราว 100 รายการ (Forex, หุ้น, คริปโต)
การกำกับดูแล: ไม่มีใบอนุญาตจริง มีแค่ใบรับรอง IFMRRC (หน่วยงานเอกชนไม่เป็นทางการ) จัดเป็นโบรกเกอร์ Offshore ที่เสี่ยง แต่ได้รับความนิยมจากมือใหม่ไม่น้อย
จุดขาย: ฟีเจอร์โซเชียลเทรด (Copy-Trading) และทัวร์นาเมนต์ Pocket Option จัดการแข่งขันพร้อมรางวัล มีระบบ “Gamification” ที่ให้ Achievement/Bonus สำหรับกิจกรรมต่างๆ
ฝากขั้นต่ำ: $50 (สูงกว่า Deriv ที่ $5 ถึง 10 เท่า) ขนาดเทรดขั้นต่ำ $1 ผลตอบแทนสูงสุดราว ~92% มักมีบริการฝาก/ถอนที่รวดเร็ว โดยเฉพาะผ่านคริปโต แต่ถูกจับตามองในหลายประเทศ (CFTC ของสหรัฐฯ ใส่บัญชีดำ)
Binolla
เป็นแพลตฟอร์มใหม่ ปรากฏเมื่อปี 2021 จดทะเบียนใน St. Vincent and the Grenadines (Offshore) ในนาม Zen E-way LLC
การกำกับดูแล: ไม่มี (Offshore ไร้ใบอนุญาต)
Binolla โฆษณาว่าเป็นโบรกเกอร์ Digital Options ในคู่เงินที่ให้อัตราจ่ายสูง (และเพิ่ม Forex CFD ในช่วงต้นปี 2025) โดยระบุว่ามีสินทรัพย์ราว 200 รายการ ฝากขั้นต่ำ $10 ขนาดเทรดขั้นต่ำ $1 แพลตฟอร์มหลักเป็นเว็บและแอปมือถือ บางส่วนใช้ MT5 สำหรับ CFD
จุดขาย: เน้นตลาดเกิดใหม่ (บราซิล ฯลฯ) พร้อมช่องทางจ่ายเงินท้องถิ่น (Pix, Boleto) มอบเดโม่ฟรี มีสภาพแวดล้อมการเทรดเรียบง่าย แต่ยังขาดข้อมูลในวงกว้าง รีวิวมีทั้งบวกและลบ บน Sitejabber ได้ราว 4.1/5 จากผู้ใช้บางกลุ่ม อย่างไรก็ตามยังมีคนกังวลว่าเป็นสแกมหรือไม่เพราะอายุยังสั้น
Quotex
เริ่มปี 2019 โดย Awesomo Ltd (เซเชลส์)
การกำกับดูแล: ไม่มี (Offshore, ไม่ถูกกำกับ)
Quotex ได้รับความสนใจเพราะเปิดตัว Binary Options ดิจิทัล (Digital) ในช่วงที่บางแพลตฟอร์มหยุดให้บริการในบางประเทศ
จุดขาย: แพลตฟอร์มล้ำสมัย สั่งออเดอร์ได้รวดเร็ว มีสินทรัพย์กว่า 400 รายการ (Forex, หุ้น, ดัชนี, คริปโต, สินค้าโภคภัณฑ์) และอัตราจ่ายสูงสุดถึง 95–98% ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยในตลาด
ฝากขั้นต่ำ: $10, เทรดขั้นต่ำ $1 มีบัญชีเดโม่ โฆษณาโบนัสเงินฝากบ่อยๆ (เช่น +30%) ยังไม่มี MT4/MT5 ทุกอย่างเทรดบนแพลตฟอร์มเฉพาะของ Quotex
ชื่อเสียง: แม้จะโตเร็ว แต่ปี 2021–2022 หน่วยงานในสเปน (CNMV) และอิตาลี (CONSOB) เตือนว่า Quotex ดำเนินงานผิดกฎหมายและเสี่ยงหลอกลวง อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ใช้จำนวนมากนิยมเพราะอัตราจ่ายสูงและแพลตฟอร์มรวดเร็ว
ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์
เกณฑ์ | Deriv (ตั้งแต่ 1999) | Pocket Option (ตั้งแต่ 2017) | Binolla (ตั้งแต่ 2021) | Quotex (ตั้งแต่ 2019) |
---|---|---|---|---|
การกำกับดูแล | มอลตา (MFSA), Labuan, BVI, วานูอาตู – มีใบอนุญาต | IFMRRC (Offshore, ไม่เป็นทางการ) | ไม่มีใบอนุญาต (Offshore SVG) | Offshore, ไม่มีใบอนุญาต |
ความน่าเชื่อถือ | ดำเนินงานกว่า 20 ปี มีผลงานพิสูจน์ แยกเก็บเงินลูกค้า | มากกว่า 6 ปี สถานะทางกฎหมายไม่ชัด (มีหน่วยงานเตือน) | 2–3 ปี ประวัติสั้น ความน่าเชื่อถือต้องรอดู | ~5 ปี เติบโตเร็ว แต่หลายหน่วยงานเตือนว่าผิดกฎหมาย |
ฝากขั้นต่ำ | $5 | $5–10 | $10 | $10 |
เทรดขั้นต่ำ | $0.35 (บนออปชัน), ส่วนใหญ่ $1 | $1 | $1 | $1 |
ผลิตภัณฑ์เทรด | Binary Options (หลากหลาย), CFD (Forex, ดัชนี, สินค้าโภคภัณฑ์, คริปโต), Multipliers, Synthetic Indices | Binary Options (High/Low) บน Forex, หุ้น, คริปโต; มี Forex/CFD ทาง MT5 (ไม่แพร่หลาย) | Digital Options คู่เงิน, CFD | Binary Options มากกว่า 400 สินทรัพย์ (Forex, หุ้น, ดัชนี, คริปโต, สินค้าโภคภัณฑ์) |
แพลตฟอร์ม | DTrader, Deriv MT5, Deriv X (cTrader), DBot, SmartTrader, แอปมือถือ | เว็บแพลตฟอร์มเฉพาะ, แอปมือถือ, (MT5 สำหรับบางบัญชี) | เว็บแพลตฟอร์มเฉพาะ, แอปมือถือ, MT5 | เว็บแพลตฟอร์มเฉพาะ, แอปมือถือ |
จุดเด่น | เทรด Synthetic 24/7, มีแพลตฟอร์มหลายตัว, ถูกกำกับดูแล, มี Multipliers (x1000) | Social Trading (Copy), ทัวร์นาเมนต์, รองรับการจ่ายผ่านหลายช่องทาง (รวมถึงคริปโต) | เน้นคู่เงิน, รองรับช่องทางท้องถิ่น (LatAm), ใช้งานง่ายสำหรับมือใหม่ | อัตราจ่าย Binary สูงสุด (95–98%), แพลตฟอร์มเร็ว, มีสินทรัพย์ระยะสั้นมาก |
อัตราจ่ายสูงสุด (Binary) | ~90% (อัตราคงที่) กำไรสูงสุดต่อสัญญา ~$50,000 | ~92% (เฉพาะบางสินทรัพย์) | ~90% | 95–98% (สูงเป็นอันดับต้นๆ) |
บัญชีเดโม่ | มี (ไม่จำกัด) | มี (ไม่จำกัด) | มี | มี (ไม่จำกัด) |
โบนัสและโปรโมชั่น | ไม่มีโบนัสฝากปกติ | มีโบนัส (สูงสุด 50%), โค้ดโปรโมชั่น, ระบบ Achievement | ยังไม่ชัดเจน | มีโบนัส (~30%), โปรโมชั่นบ่อย |
การถอนเงิน | 0% ค่าธรรมเนียม ปกติประมวลผล 24 ชม. จากนั้นขึ้นอยู่กับช่องทาง | 0% ค่าธรรมเนียม ปกติประมวลผล 0–1 วัน (คริปโตอาจเร็วไม่กี่นาที) | 0% ค่าธรรมเนียม แจ้งว่า 1–48 ชม. | 0% ค่าธรรมเนียม ปกติ ~1 วัน (บางทีเร็ว) รองรับ e-wallet และคริปโต |
ข้อจำกัดประเทศ | ไม่รับ US, แคนาดา, ฮ่องกง ฯลฯ | ไม่รับ US (ทางการ), แต่บางคนใช้ VPN | ไม่รับ US, แคนาดา, EEA, UK, ฮ่องกง | รับหลายประเทศ (ยกเว้นประเทศคว่ำบาตร) สหรัฐฯ อาจเข้าได้แบบไม่เป็นทางการ |
วิเคราะห์เปรียบเทียบ
จากตาราง จะเห็นความแตกต่างสำคัญระหว่าง Deriv กับ Pocket Option, Binolla, Quotex ดังนี้:
การกำกับดูแลและความปลอดภัย
Deriv เป็นโบรกเกอร์เดียวที่มีใบอนุญาตจริงและประวัติยาวนาน Pocket Option และ Quotex ไม่มีการกำกับแบบทางการ ส่วน Binolla ก็ยังใหม่มาก ความเสี่ยงจึงสูงกว่า เรื่องความไว้วางใจและเงินทุนปลอดภัย Deriv นำหน้าคู่แข่ง
เงื่อนไขเริ่มต้น
Deriv ฝากขั้นต่ำเพียง $5 ต่ำกว่าคนอื่นๆ (Pocket Option เริ่ม $5–$10, Binolla กับ Quotex ที่ $10) ขนาดเทรดขั้นต่ำของ Deriv อยู่ที่ $0.35 ยิ่งลดความเสี่ยงได้ดี ถ้าเทียบกับขั้นต่ำ $1 ของเจ้าอื่นๆ
แพลตฟอร์มและฟีเจอร์
Deriv ทิ้งห่างอีกครั้งด้วยแพลตฟอร์มที่หลากหลาย คู่แข่งอย่าง Pocket Option มี Copy Trading แต่ไม่มี MT4/MT5 หรือระบบสร้างบอท ส่วน Quotex และ Binolla ส่วนใหญ่เน้นแพลตฟอร์มเฉพาะตัว ไม่มีเครื่องมือเทียบเท่า ความหลากหลายของ Deriv (MT5, cTrader, DBot, Synthetic ฯลฯ) จึงครอบคลุมทุกสไตล์เทรด
อัตราผลตอบแทน
Quotex โปรโมตอัตราจ่าย Binary สูงสุด (ถึง 98%) ขณะที่ Pocket Option ราว ~90%+ Deriv ประมาณ 90–95% ได้เป็นบางช่วง แต่ Deriv มีข้อได้เปรียบคือไม่จำกัดเพดานกำไรรวมต่อสัญญาที่ $50,000 ซึ่งสูงกว่าโบรกเกอร์อื่น สายเทรดไม้ใหญ่จึงได้ประโยชน์
โบนัสและโปรโมชั่น
Deriv ไม่มีโบนัสฝาก เนื่องจากข้อกำกับ ส่วน Pocket Option กับ Quotex เน้นโปรโมชันแรง บางคนอาจชอบที่ได้ “เงินฟรี” แต่ต้องอ่านเงื่อนไขเทิร์นโอเวอร์ด้วย ในขณะที่ Deriv มุ่งเน้นความโปร่งใส ไม่ติดเงื่อนไขโบนัส
ประสบการณ์ผู้ใช้และความสนุก
Pocket Option เน้นการเล่นเกม (Gamification) และทัวร์นาเมนต์ เพิ่มความสนุก Quotex ขึ้นชื่อว่าอินเทอร์เฟซลื่นไหล ส่วน Deriv จะโทนจริงจัง มืออาชีพ ไม่เน้นฟีเจอร์ขำๆ จุดนี้แล้วแต่รสนิยม
การถอนเงินและช่องทางชำระ
ทั้งสี่เจ้ารองรับหลายช่องทาง ที่แตกต่างคือ Deriv มีระบบ P2P (DP2P) ให้โอนเงินระหว่างเทรดเดอร์ในบางประเทศซึ่งสะดวกมาก ส่วน Pocket Option และ Quotex อาจได้เปรียบด้านความรวดเร็วคริปโต หากมองความเข้มงวดด้านเอกสาร Deriv จะตรวจสอบละเอียดกว่า (เป็นธรรมดาของโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาต)
บทวิจารณ์และความคิดเห็น