วางแผนออปชั่นไบนารีในปี 2025: คู่มือสำหรับเทรดเดอร์
Updated: 06.05.2025
แผนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี: อัลกอริทึมเพื่อการเทรดออปชั่นไบนารีอย่างถูกต้อง (2025)
เคยสงสัยไหมว่าเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารีมืออาชีพทำกำไรได้อย่างไร? ถ้าคุณมองจากภายนอก อาจคิดว่าการเทรดเป็นเรื่องง่ายมากที่ใคร ๆ ก็ทำได้ ทุกการกระทำของเทรดเดอร์มืออาชีพดูสมเหตุสมผล และการเปิดออเดอร์ก็ดูเป็นไปอย่างง่ายดายอย่างน่าอัศจรรย์ แต่คุณเคยลองทำตามขั้นตอนเหล่านั้นด้วยตัวเองหรือเปล่า?
ทันทีที่ลองทำ คุณจะเข้าใจเลยว่าการเทรดไม่ง่ายขนาดนั้น และบางประเด็นของการเทรดก็ถูกซ่อนอยู่หลัง “กำแพงความไม่เข้าใจ” อย่างหนา ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เหตุใดระหว่างการเทรดของมืออาชีพกับมือใหม่จึงต่างกันมหาศาล ทั้งที่การกระทำดูคล้ายกันมาก? คำตอบก็คือ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมี “แผนการเทรด” ในขณะที่มือใหม่ยังไม่มี
แผนการเทรด คือชุดอัลกอริทึมสำหรับรองรับทุกสถานการณ์ในการเทรด พูดง่าย ๆ คือ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนจะเกิดขึ้นระหว่างเทรด เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมีแผนรับมือที่จะช่วยลดการขาดทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไร ซึ่งเราจะพูดถึงแผนการเทรดนี้กันในวันนี้
หากมองกลับกัน จะได้ว่า: “กลยุทธ์ใด ๆ ก็สามารถสร้างกำไรได้ ถ้าคุณมีแนวทางที่ถูกต้องในการเทรด” แปลว่า หากเทรดเดอร์มีความรู้พื้นฐานที่แน่น การใช้แม้แต่กลยุทธ์ที่ดูเหมือนไม่มีประสิทธิภาพ ก็อาจทำกำไรได้ ในขณะที่ผู้ที่ขาดความรู้นั้น ต่อให้หยิบยืมกลยุทธ์ซึ่งหลายคนบอกว่าทำกำไรได้ดี ก็อาจเจ๊งได้เหมือนเดิม
ตัวอย่างก็เห็นได้ไม่ยาก เช่น การใช้ Bollinger Bands บางคนบอกว่าไร้ประโยชน์ ขาดทุนมากกว่ากำไร แต่บางคนบอกว่านี่คือ “Grail” ของจริง เพราะสามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงไซด์เวย์และช่วงที่ราคาเป็นเทรนด์ สมมติว่าผมบอกคุณว่าการเทรดด้วย Bollinger Bands คือวิธีที่ดีที่สุด คุณจะเริ่มเทรดทันทีเลยหรือเปล่า? อาจไม่แน่ แต่ถ้าผมไม่ได้แค่พูด แต่ยังโชว์การเทรดจริงให้ดูว่ากลยุทธ์นี้สร้างสัญญาณที่แม่นยำได้มาก บางคนก็อาจลองเทรดตามดูและสุดท้ายก็ล้มเหลว
สาเหตุของความล้มเหลวนี้ได้พูดไว้แล้ว เพราะผมมี:
นี่คือเหตุผล—แผนการเทรดจำเป็นเพื่อยกระดับผลลัพธ์การเทรดของคุณ และยังทำให้มีโอกาสได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอมากขึ้น หากไม่มีแผนการเทรด การได้กำไรใด ๆ อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ระบบหรือรูปแบบที่แท้จริง แน่นอนว่าในตลาดไม่มีอะไร “การันตี 100%” แต่แผนการเทรดจะเป็นเหมือน “เส้นทาง” ให้คุณเดินไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีโครงสร้าง
ลองสังเกตตัวเองตอนเทรด คุณ:
แผนการเทรดเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ทั้งหมดที่ต้องทำคือทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด! กล่าวคือ คุณต้องมีวินัยในการเทรด ที่ดี—ไม่ใช่ว่า “วันนี้จะทำตามแผน พรุ่งนี้ขอแหกกฎดู” แบบนั้นไม่ควรเกิดขึ้น
การเทรดก็เช่นเดียวกัน การฝ่าฝืนแผนการเทรดเปรียบได้กับการขับรถย้อนศร—ถ้าโชคดีคุณอาจแค่ตกใจ แต่ถ้าโชคไม่ดีคุณอาจเสียเงินฝาก (เทรดดิ้งเดโพซิต) ไปทั้งหมด คิดดูว่าคุณอยากเสี่ยงไหม?
มันง่ายกว่ามากที่จะเดินทางจากจุด “A” ไปยังจุด “B” โดยทำตามกฎ—ปลอดภัยกว่า โอกาสไปถึงเป้าหมายก็สูง ถึงแม้จะอาจใช้เวลามากกว่า แต่ถ้าคุณรีบร้อนเกินไป คุณอาจไม่ได้ไปถึงจุดหมายเลยก็ได้ คำกล่าวที่ว่า “ขับช้าได้พร้าเล่มงาม” ก็สื่อถึงสิ่งนี้
การฝ่าฝืนแผนการเทรดจะมีผลลัพธ์เดียวเท่านั้น—เสียเงิน ถ้าคุณไม่กลัวขาดทุนก็จะแหกกฎได้ทุกวัน แต่ต้องจำไว้ว่าการเสียเงินของคุณอาจเป็น “กำไร” ให้คนอื่น
สำหรับออเดอร์ที่ขาดทุน ออเดอร์ที่วิเคราะห์แล้วแต่ก็ยังขาดทุนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่มีระบบหรือเทคนิคไหนแม่นยำ 100% ส่วนออเดอร์ที่ขาดทุนแบบสุ่มก็คือ “รางวัล” ที่คุณได้จากการเปิดออเดอร์โดยไม่มีเหตุผลนั่นเอง
ตัวอย่างของเป้าหมายที่ดี เช่น “ทำกำไร 20% จากเงินฝาก $10,000 ภายใน 1 เดือน” ซึ่ง:
ทั้งนี้ แต่ละคนต่างกัน บางคนยอมรับการขาดทุนต่อเนื่องมากกว่า 3 ไม้ได้ หรือมีกลยุทธ์ที่ต้องทน drawdown ได้มากกว่านั้น ก็ต้องปรับให้เหมาะกับตนเอง ตลอดจนมีการตั้งขีดจำกัดกำไรด้วย เช่น
ควรเตรียมเวลาล่วงหน้า เพราะการเทรดต้องใช้พลังงานสูง ถ้าคุณกลับบ้านมาเหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ การเทรดอาจไม่คุ้มเสี่ยง การเทรดแค่วันละ 1–4 ชั่วโมงอย่างมีคุณภาพก็เพียงพอแล้ว
หรือในบางครั้ง สัญญาณกลยุทธ์อาจจะเกิดขึ้นตายตัว ณ เวลาหนึ่ง เช่น เวลาเปิดตลาด คุณก็ระบุไปเลยว่า “10:00 น. ตามเวลา Moscow จะเปิด 3 ออเดอร์ในคู่สกุลเงิน (EUR/USD, EUR/JPY, USD/CAD) ตามกลยุทธ์ N ใช้เงินลงทุนออเดอร์ละ 2% ตั้งเวลาหมดอายุ 30 นาที”
ควรระบุให้ชัดเจนว่า คุณจะทำอะไร อย่างไร เพราะตอนลงสนามจริงจะมีแบบแผนชัด ไม่มีความสับสน “ต้องทำยังไงดี?” เพราะคุณวางแผนมาแล้ว
จุดสำคัญคือ เป้าหมายต้องเป็นจริงและทำได้ คุณอาจแยกเป็นรายวันก็ได้ เช่น “ถ้าจะได้ $100,000 ใน 1 เดือน ก็ต้องได้ประมาณ $5,000 ต่อวัน” เห็นภาพได้ง่ายกว่า
และที่สำคัญ เป้าหมายต้องไม่ละเมิดกฎการจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินทุน หากคุณมีเงิน $10,000 แล้วตั้งเป้าจะทำให้ได้ $1 ล้านในเดือนเดียว นั่นอาจบีบให้คุณต้องแหกกฎความเสี่ยงและจบด้วยการเสียเงินทั้งหมด
ดังนั้น ควรตั้งเป้าตามสถานการณ์จริง เช่น ถ้ามี $10,000 บางทีได้ 2–3 พันเหรียญต่อเดือนก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่าคิดตาม “ความอยาก” เป็นหลัก แต่จงตั้งตามความเป็นจริง
ส่วนเรื่องสภาพอารมณ์และร่างกาย คุณก็ควรกำหนดไว้ในแผนการเทรดด้วย เช่น
ถ้าระหว่างเทรดแล้วเกิดคำถามหรือความลังเล จงตระหนักว่า ตอนที่คุณเขียนแผน คุณเขียนในภาวะที่ไม่มีอารมณ์เร่งเร้า ไม่มีความกลัวหรือความโลภ คุณจึงวางแผนได้อย่างมีเหตุผล แต่ตอนนี้คุณอยู่ในตลาด อาจถูกอารมณ์ต่าง ๆ กดดันอยู่ ดังนั้น “คุณในตอนเขียนแผน” ย่อมมีเหตุผลและรอบคอบกว่ามาก
หลายครั้งที่เราควรเชื่อคนที่มีประสบการณ์—แผนการเทรดของคุณก็เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” คนนั้นในอีกรูปแบบหนึ่ง ฟังคำสั่งที่คุณวางไว้ก่อนหน้านี้ และเดินตามนั้น!
ไม่ว่าผลการเทรดจะเป็นอย่างไร:
อย่าเอา “อยากได้ล้าน” มาเป็นเป้าหลัก แต่ควรเอา “ทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด” เป็นเป้าหมายอันดับแรก
แผนการเทรดเป็น “อาวุธลับ” ที่จะทำให้คุณก้าวผ่านด่านสำคัญคือ “เลิกเสียเงิน” และเมื่อคุณมั่นคงแล้ว ค่อยเดินหน้าสู่การเพิ่มกำไรได้
ทันทีที่ลองทำ คุณจะเข้าใจเลยว่าการเทรดไม่ง่ายขนาดนั้น และบางประเด็นของการเทรดก็ถูกซ่อนอยู่หลัง “กำแพงความไม่เข้าใจ” อย่างหนา ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เหตุใดระหว่างการเทรดของมืออาชีพกับมือใหม่จึงต่างกันมหาศาล ทั้งที่การกระทำดูคล้ายกันมาก? คำตอบก็คือ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมี “แผนการเทรด” ในขณะที่มือใหม่ยังไม่มี
แผนการเทรด คือชุดอัลกอริทึมสำหรับรองรับทุกสถานการณ์ในการเทรด พูดง่าย ๆ คือ ไม่ว่าสถานการณ์ไหนจะเกิดขึ้นระหว่างเทรด เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมีแผนรับมือที่จะช่วยลดการขาดทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไร ซึ่งเราจะพูดถึงแผนการเทรดนี้กันในวันนี้
เนื้อหา
- กลยุทธ์การเทรดออปชั่นไบนารีที่ดีที่สุดและมีกำไรมากที่สุด
- แผนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี: ทำไมถึงจำเป็น
- การสร้างแผนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- การตั้งเป้าหมายในการเทรดออปชั่นไบนารี
- การบริหารเงินทุนในแผนการเทรดของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- การบริหารเวลาและช่วงเวลาในการเทรดตามแผนของเทรดเดอร์
- คาดหวังผลกำไรต่อเดือนจากออปชั่นไบนารี
- การเตรียมตัวก่อนการเทรดออปชั่นไบนารี
- อย่าเบี่ยงเบนจากแผนการเทรดของคุณ
- แผนการเทรดในออปชั่นไบนารี: บทสรุป
กลยุทธ์การเทรดออปชั่นไบนารีที่ดีที่สุดและมีกำไรมากที่สุด
หลายคน—including ตัวผมเองในช่วงหนึ่ง—เคยเสียพลังงานไปมากมายในการตามหา “Grail” หรือกลยุทธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้กลายเป็นเศรษฐีออปชั่นไบนารีใน 24 ชั่วโมง ตามที่คุณเข้าใจ การค้นหานั้นสูญเปล่า แต่ถึงกระนั้น ทุกคนก็ต้องผ่านเส้นทางนี้ก่อนจะตระหนักถึงความจริงง่าย ๆ ว่า “ความสำเร็จในการเทรดออปชั่นไบนารีเพียง 10% เท่านั้นที่มาจากกลยุทธ์”หากมองกลับกัน จะได้ว่า: “กลยุทธ์ใด ๆ ก็สามารถสร้างกำไรได้ ถ้าคุณมีแนวทางที่ถูกต้องในการเทรด” แปลว่า หากเทรดเดอร์มีความรู้พื้นฐานที่แน่น การใช้แม้แต่กลยุทธ์ที่ดูเหมือนไม่มีประสิทธิภาพ ก็อาจทำกำไรได้ ในขณะที่ผู้ที่ขาดความรู้นั้น ต่อให้หยิบยืมกลยุทธ์ซึ่งหลายคนบอกว่าทำกำไรได้ดี ก็อาจเจ๊งได้เหมือนเดิม
ตัวอย่างก็เห็นได้ไม่ยาก เช่น การใช้ Bollinger Bands บางคนบอกว่าไร้ประโยชน์ ขาดทุนมากกว่ากำไร แต่บางคนบอกว่านี่คือ “Grail” ของจริง เพราะสามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงไซด์เวย์และช่วงที่ราคาเป็นเทรนด์ สมมติว่าผมบอกคุณว่าการเทรดด้วย Bollinger Bands คือวิธีที่ดีที่สุด คุณจะเริ่มเทรดทันทีเลยหรือเปล่า? อาจไม่แน่ แต่ถ้าผมไม่ได้แค่พูด แต่ยังโชว์การเทรดจริงให้ดูว่ากลยุทธ์นี้สร้างสัญญาณที่แม่นยำได้มาก บางคนก็อาจลองเทรดตามดูและสุดท้ายก็ล้มเหลว
สาเหตุของความล้มเหลวนี้ได้พูดไว้แล้ว เพราะผมมี:
- ความรู้ด้าน จิตวิทยาการเทรด
- ความรู้ด้าน วินัยในการเทรด
- ความรู้ด้าน การจัดการความเสี่ยง และ การบริหารเงินทุน
- แผนการเทรด
- แค่กลยุทธ์เปล่า ๆ – เพียง 10% ของความสำเร็จเท่านั้น
แผนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี: ทำไมถึงจำเป็น
หลายคนอาจสงสัยว่า “ทำไมต้องมีแผนการเทรด? ฉันก็เทรดมาได้สักพักแล้ว ไม่เห็นเคยมีมันเลย แล้วทำไมต้องมีตอนนี้?” คำตอบคือ คุณเคยเทรดโดยไม่มีแผนก็จริง แต่ว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร?นี่คือเหตุผล—แผนการเทรดจำเป็นเพื่อยกระดับผลลัพธ์การเทรดของคุณ และยังทำให้มีโอกาสได้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอมากขึ้น หากไม่มีแผนการเทรด การได้กำไรใด ๆ อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ระบบหรือรูปแบบที่แท้จริง แน่นอนว่าในตลาดไม่มีอะไร “การันตี 100%” แต่แผนการเทรดจะเป็นเหมือน “เส้นทาง” ให้คุณเดินไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมีโครงสร้าง
ลองสังเกตตัวเองตอนเทรด คุณ:
- ถูกอารมณ์ชี้นำอย่างมาก
- เปิดออเดอร์ตามใจชอบ
- พลาดโอกาสในดีลที่ควรเปิด
- ลงทุนด้วยจำนวนเงินที่ต่างกันในแต่ละดีล เพื่อหวังได้กำไรเยอะหรือเอาคืนสิ่งที่ขาดทุน
- เป็น “overtrading” (เทรดมากเกินไป)
- กระโดดข้ามจากกลยุทธ์หนึ่งไปอีกกลยุทธ์หนึ่ง
- ไม่มีเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าจะหยุดเทรดเมื่อไหร่
- ไม่มี การบริหารเวลา ที่ชัดเจน
แผนการเทรดเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ ทั้งหมดที่ต้องทำคือทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด! กล่าวคือ คุณต้องมีวินัยในการเทรด ที่ดี—ไม่ใช่ว่า “วันนี้จะทำตามแผน พรุ่งนี้ขอแหกกฎดู” แบบนั้นไม่ควรเกิดขึ้น
จะเกิดอะไรขึ้นหากฝ่าฝืนแผนการเทรด
คุณเคยขับรถไหม? แล้วคิดว่าจะเกิดอะไรถ้าคุณแหกกฎจราจร? ในสถานการณ์ที่ดีอาจเสียแค่ค่าปรับ แต่ถ้าร้ายแรงคุณอาจเกิดอุบัติเหตุได้ คุณเข้าใจดีอยู่แล้ว จึงพยายามทำตามกฎจราจรเสมอการเทรดก็เช่นเดียวกัน การฝ่าฝืนแผนการเทรดเปรียบได้กับการขับรถย้อนศร—ถ้าโชคดีคุณอาจแค่ตกใจ แต่ถ้าโชคไม่ดีคุณอาจเสียเงินฝาก (เทรดดิ้งเดโพซิต) ไปทั้งหมด คิดดูว่าคุณอยากเสี่ยงไหม?
มันง่ายกว่ามากที่จะเดินทางจากจุด “A” ไปยังจุด “B” โดยทำตามกฎ—ปลอดภัยกว่า โอกาสไปถึงเป้าหมายก็สูง ถึงแม้จะอาจใช้เวลามากกว่า แต่ถ้าคุณรีบร้อนเกินไป คุณอาจไม่ได้ไปถึงจุดหมายเลยก็ได้ คำกล่าวที่ว่า “ขับช้าได้พร้าเล่มงาม” ก็สื่อถึงสิ่งนี้
การฝ่าฝืนแผนการเทรดจะมีผลลัพธ์เดียวเท่านั้น—เสียเงิน ถ้าคุณไม่กลัวขาดทุนก็จะแหกกฎได้ทุกวัน แต่ต้องจำไว้ว่าการเสียเงินของคุณอาจเป็น “กำไร” ให้คนอื่น
การเปิดออเดอร์ในออปชั่นไบนารี: คาดการณ์ที่กำไรและขาดทุน
ออเดอร์ในออปชั่นไบนารีจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท:- ออเดอร์ที่มีการวิเคราะห์อย่างตั้งใจ
- ออเดอร์แบบสุ่ม
สำหรับออเดอร์ที่ขาดทุน ออเดอร์ที่วิเคราะห์แล้วแต่ก็ยังขาดทุนเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่มีระบบหรือเทคนิคไหนแม่นยำ 100% ส่วนออเดอร์ที่ขาดทุนแบบสุ่มก็คือ “รางวัล” ที่คุณได้จากการเปิดออเดอร์โดยไม่มีเหตุผลนั่นเอง
การสร้างแผนการเทรดสำหรับเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
อย่างที่กล่าวไว้ แผนการเทรดคือชุดอัลกอริทึมที่เข้มงวดสำหรับทุกสถานการณ์ในการเทรด เช่น- แผนรับมือกำไร
- แผนรับมือขาดทุน
- แผนกลยุทธ์
- แผนเกี่ยวกับจำนวนออเดอร์
- แผนเรื่องช่วงเวลาการเทรด
- แผนการจัดการความเสี่ยง
- แผนการจัดการอารมณ์
- แผนสำหรับบันทึกการเทรด (ไดอารี่การเทรด)
- แผนสำหรับการเตรียมตัวก่อนเทรด
- แผนสำหรับ “การผิดแผน”!
- ถ้าเริ่มขาดทุนต่อเนื่อง ต้องทำอะไรบ้าง
- ถ้าจำนวนออเดอร์ถึงขีดจำกัดในแต่ละวัน ต้องทำยังไง
- ถ้าฝ่าฝืนกฎความเสี่ยง ต้องมีอัลกอริทึมอย่างไรต่อ
- ถ้าผิดจากแผนการเทรด ต้องมีมาตรการยังไง
การตั้งเป้าหมายในการเทรดออปชั่นไบนารี
เป้าหมายในการเทรดใด ๆ ก็ตาม ควรผ่านเกณฑ์ 5 ข้อ คือ- มีความชัดเจน (Specific)
- มีกรอบเวลาชัดเจน (Time-bound)
- เป็นจริง (Realistic)
- ทำได้จริง (Achievable)
- วัดผลได้ (Measurable)
ตัวอย่างของเป้าหมายที่ดี เช่น “ทำกำไร 20% จากเงินฝาก $10,000 ภายใน 1 เดือน” ซึ่ง:
- สมเหตุสมผล—ไม่เกินจริง
- ชัดเจน—ระบุว่าต้องการ 20%
- มีกรอบเวลา—ใน 1 เดือน
- ทำได้—เพราะ 20% ในเดือนเดียวเป็นไปได้
- วัดผลได้—ดูได้ว่าได้ 20% หรือไม่
การบริหารเงินทุนในแผนการเทรดของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
เกี่ยวกับ การบริหารเงินทุน และ การจัดการความเสี่ยง เราได้พูดถึงบ่อยครั้ง กฎเหล่านี้ต้องถูกระบุไว้ในแผนการเทรดของคุณด้วย เพื่อให้คุณมีหลักปฏิบัติเมื่อ:- เกิดการขาดทุน—ควรหยุดเทรดหรือไม่? เพราะอะไร?
- กำไรเพิ่มขึ้น—ควรหยุดหรือเดินหน้าต่อ? เพราะอะไร?
- ขีดจำกัดการขาดทุน – เมื่อถึงแล้วต้องหยุดเทรด
- ขีดจำกัดกำไร – เมื่อถึงแล้วต้องหยุดเทรด
- ขีดจำกัดจำนวนออเดอร์ – เมื่อครบแล้วต้องหยุดเทรด
- ขีดจำกัดเรื่องเวลา – เมื่อเวลาที่กำหนดหมด ก็ต้องหยุดเทรด
- ความเสี่ยงต่อการเทรด (คุณยอมเสียได้สูงสุดเท่าไรต่อดีล)
- ความเสี่ยงรายวัน (คุณยอมเสียได้เท่าไรในวันนั้น)
ทั้งนี้ แต่ละคนต่างกัน บางคนยอมรับการขาดทุนต่อเนื่องมากกว่า 3 ไม้ได้ หรือมีกลยุทธ์ที่ต้องทน drawdown ได้มากกว่านั้น ก็ต้องปรับให้เหมาะกับตนเอง ตลอดจนมีการตั้งขีดจำกัดกำไรด้วย เช่น
- หากวันนี้ได้กำไรตามเป้าแล้วแต่เทรดยาก ก็ควรหยุด
- หากวันนี้ได้กำไรตามเป้าแล้วแต่เทรดง่าย ยังจังหวะดี ก็อาจไปต่อได้
- จะหยุดเทรดเมื่อกำไรถึงจุดที่กำหนด
- จะหยุดเทรดถ้าเสียกำไรบางส่วนไป (เช่น 10–50% ของกำไรที่ได้มา)
- เริ่มเทรดตามกฎที่วางไว้
- เช็กว่าถึงขีดจำกัดแล้วหรือยัง (ขาดทุน, กำไร, จำนวนออเดอร์, เวลา)
- ถ้าใช่ – หยุดเทรด
- ถ้าไม่ –
- เทรดต่อไปตามกฎ
- วนมาเช็กขีดจำกัดอีกครั้ง
การบริหารเวลาและช่วงเวลาในการเทรดตามแผนของเทรดเดอร์
ช่วงเวลาในการเทรดขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่คุณใช้ ความสะดวก และเวลาว่างที่คุณมี สิ่งที่ควรทำคือ จัดทำแผนการเทรดไว้ล่วงหน้าวันรุ่งขึ้น เพื่อให้มีเวลาคิดและตัดสินใจ เช่นเดียวกับการบริหารเวลา:- เลือกกลยุทธ์ที่คุณจะใช้
- เลือกช่วงเวลาที่เหมาะกับกลยุทธ์นั้น
- เช็กข่าวเศรษฐกิจเพื่อปรับแผนหากจำเป็น
ควรเตรียมเวลาล่วงหน้า เพราะการเทรดต้องใช้พลังงานสูง ถ้าคุณกลับบ้านมาเหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ การเทรดอาจไม่คุ้มเสี่ยง การเทรดแค่วันละ 1–4 ชั่วโมงอย่างมีคุณภาพก็เพียงพอแล้ว
หรือในบางครั้ง สัญญาณกลยุทธ์อาจจะเกิดขึ้นตายตัว ณ เวลาหนึ่ง เช่น เวลาเปิดตลาด คุณก็ระบุไปเลยว่า “10:00 น. ตามเวลา Moscow จะเปิด 3 ออเดอร์ในคู่สกุลเงิน (EUR/USD, EUR/JPY, USD/CAD) ตามกลยุทธ์ N ใช้เงินลงทุนออเดอร์ละ 2% ตั้งเวลาหมดอายุ 30 นาที”
ควรระบุให้ชัดเจนว่า คุณจะทำอะไร อย่างไร เพราะตอนลงสนามจริงจะมีแบบแผนชัด ไม่มีความสับสน “ต้องทำยังไงดี?” เพราะคุณวางแผนมาแล้ว
คาดหวังผลกำไรต่อเดือนจากออปชั่นไบนารี
การเทรดไม่มีอะไรแน่นอน แต่คุณก็ยังสามารถวางแผนได้ โดยก่อนเริ่มแต่ละเดือน คุณควรตั้งเป้าหมายว่าอยากได้อะไรจากเดือนนั้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน:- บางคนพอใจแค่ 10%
- บางคนอยากได้ $100,000 ต่อเดือน
- บางคนก็แค่ขอไม่ขาดทุน
จุดสำคัญคือ เป้าหมายต้องเป็นจริงและทำได้ คุณอาจแยกเป็นรายวันก็ได้ เช่น “ถ้าจะได้ $100,000 ใน 1 เดือน ก็ต้องได้ประมาณ $5,000 ต่อวัน” เห็นภาพได้ง่ายกว่า
และที่สำคัญ เป้าหมายต้องไม่ละเมิดกฎการจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินทุน หากคุณมีเงิน $10,000 แล้วตั้งเป้าจะทำให้ได้ $1 ล้านในเดือนเดียว นั่นอาจบีบให้คุณต้องแหกกฎความเสี่ยงและจบด้วยการเสียเงินทั้งหมด
ดังนั้น ควรตั้งเป้าตามสถานการณ์จริง เช่น ถ้ามี $10,000 บางทีได้ 2–3 พันเหรียญต่อเดือนก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่าคิดตาม “ความอยาก” เป็นหลัก แต่จงตั้งตามความเป็นจริง
การเตรียมตัวก่อนการเทรดออปชั่นไบนารี
การเตรียมตัวก่อนเทรดประกอบด้วยงานสำคัญหลายอย่าง:- วิเคราะห์ผลการเทรดที่ผ่านมาและทุกออเดอร์ (แล้วสรุปบทเรียน)
- ปรับแผนการเทรดตามบทเรียนที่ผ่านมา (ถ้าจำเป็น)
- ตรวจสอบตารางข่าวเศรษฐกิจซ้ำอีกครั้ง—เผื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลง
- เช็กอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ หากโบรกเกอร์มีการจ่ายผลตอบแทนแบบลอยตัว—กลยุทธ์บางอย่างอาจต้องใช้เปอร์เซ็นต์การจ่ายสูง
ส่วนเรื่องสภาพอารมณ์และร่างกาย คุณก็ควรกำหนดไว้ในแผนการเทรดด้วย เช่น
- ถ้าเมื่อคืนไม่ได้นอนเต็มที่—ยกเลิกเซสชันเทรดตอนเช้า เพราะประสิทธิภาพการตัดสินใจอาจลดลง พยายามพักสัก 1 ชั่วโมง ถ้ายังไม่ไหวก็เลื่อนไปเทรดตอนเย็น โดยใช้ “แผน B” ที่วางไว้
- ถ้ากลับมาจากงานเหนื่อยมาก—เลื่อนการเทรดไปวันถัดไป
- ถ้ากลัวขาดทุนกะทันหัน—เว้นไปสักสองชั่วโมงเพื่อปรับสภาพจิตใจ ถ้าพร้อมแล้วค่อยเทรดตาม “แผน B” ถ้ายังไม่พร้อมก็เลื่อนการเทรดจนกว่าจะหาเหตุผลและแก้ไขได้
- เช็กความพร้อมก่อนเริ่มเทรด ถ้ารู้สึกสบายใจ แน่ใจ ก็ดำเนินการตามแผน ถ้ารู้สึกไม่โอเค ก็ใช้ “แผน B”
กลยุทธ์และเครื่องมือที่ใช้ในการเทรดออปชั่นไบนารี
จดบันทึกย่อ ๆ ถึงเครื่องมือทั้งหมดที่คุณใช้ ไม่ว่าจะเป็นกราฟ เว็บไซต์ข่าวเศรษฐกิจ หรือกลยุทธ์ใด ๆ ก็ตาม และจะดีมากหากคุณเขียน “ขั้นตอน” สำหรับกลยุทธ์ (Strategy) ไว้อย่างละเอียดด้วยโครงสร้าง “ถ้า...แล้ว...” เช่น- ราคาทะลุเส้นบนของ Bollinger Bands
- เส้น RSI อยู่เหนือระดับ 80
- เปิดออเดอร์ “ลง” ด้วยความเสี่ยง 1% ของยอดเงินทุน
- กำหนดเวลาหมดอายุ (Expiration) ไว้ 5 นาที
อย่าเบี่ยงเบนจากแผนการเทรดของคุณ
จำไว้ว่า แผนการเทรดคือเครื่องมือที่จะพาคุณไปถึงผลกำไรอย่างเป็นระบบ คุณจึงต้องไม่ฝ่าฝืนหรือเปลี่ยนแปลงไปมา แต่จงทำตามอย่างเคร่งครัดถ้าระหว่างเทรดแล้วเกิดคำถามหรือความลังเล จงตระหนักว่า ตอนที่คุณเขียนแผน คุณเขียนในภาวะที่ไม่มีอารมณ์เร่งเร้า ไม่มีความกลัวหรือความโลภ คุณจึงวางแผนได้อย่างมีเหตุผล แต่ตอนนี้คุณอยู่ในตลาด อาจถูกอารมณ์ต่าง ๆ กดดันอยู่ ดังนั้น “คุณในตอนเขียนแผน” ย่อมมีเหตุผลและรอบคอบกว่ามาก
หลายครั้งที่เราควรเชื่อคนที่มีประสบการณ์—แผนการเทรดของคุณก็เป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” คนนั้นในอีกรูปแบบหนึ่ง ฟังคำสั่งที่คุณวางไว้ก่อนหน้านี้ และเดินตามนั้น!
ไม่ว่าผลการเทรดจะเป็นอย่างไร:
- ถ้าได้กำไร—ดี
- ขาดทุน 3 ไม้ติด—ก็ดี
- ถึงลิมิตขาดทุน—ก็ดี
- ถึงลิมิตจำนวนออเดอร์—ก็ดี
- หมดเวลาที่วางไว้—ก็ดี
- ไม่ฝ่าฝืนกฎของกลยุทธ์
- ไม่ฝ่าฝืนกฎการจัดการความเสี่ยง
- ไม่ฝ่าฝืนกฎการบริหารเวลา
- ไม่ฝ่าฝืนแผนการเทรด
อย่าเอา “อยากได้ล้าน” มาเป็นเป้าหลัก แต่ควรเอา “ทำตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด” เป็นเป้าหมายอันดับแรก
แผนการเทรดที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเทรดออปชั่นไบนารี
ถ้าคุณทำได้ครบถ้วน:- วางเป้าหมายอย่างดี
- คำนวณความเสี่ยงได้ถูกต้อง
- เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเทรด
- กำหนดกฎการเปิดออเดอร์
- เขียนแผนการเทรดโดยละเอียด
- พิจารณาทุกสถานการณ์และผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น
แผนการเทรดในออปชั่นไบนารี: บทสรุป
ได้เวลาเรียบเรียงทุกอย่างเข้าด้วยกัน สิ่งที่แผนการเทรดของคุณควรมี:- สร้างแผนให้เหมาะกับสไตล์และบุคลิกส่วนตัวของคุณ
- ระบุชัดเจนถึงการจัดการความเสี่ยงและการบริหารเงินทุน
- กำหนดเป้าหมายที่สมเหตุสมผล
- รวมถึงการบริหารเวลา
- มีกฎที่บังคับให้คุณเทรดเฉพาะตอนที่ร่างกายและจิตใจพร้อม
- มีกฎสำหรับการเปิดออเดอร์ขณะเทรด
- มีกฎสำหรับเตรียมตัวก่อนเทรด
- มีแผนรับมือทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
แผนการเทรดเป็น “อาวุธลับ” ที่จะทำให้คุณก้าวผ่านด่านสำคัญคือ “เลิกเสียเงิน” และเมื่อคุณมั่นคงแล้ว ค่อยเดินหน้าสู่การเพิ่มกำไรได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น