เคล็ดลับบริหารเวลาในการเทรดออปชั่นไบนารี (2025)
Updated: 06.05.2025
การบริหารเวลาในการเทรดและออปชั่นไบนารี: เลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรดออปชั่นไบนารี (2025)
ผู้ให้บริการเทรดออปชั่นไบนารีหลายแห่งอนุญาตให้ลูกค้าเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากตลาดค่าเงินเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังมีสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถเทรดได้ตลอด 7 วันต่อสัปดาห์โดยไม่มีช่วงหยุดพัก
จึงไม่แปลกที่เทรดเดอร์มือใหม่จะสับสนว่าจะเลือกช่วงเวลาใดดีในการเทรด เพราะมีตัวเลือกมากมายจนทำให้ตัดสินใจยาก อย่างไรก็ตาม การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น:
ในทางกลับกัน เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้เวลาเทรดน้อยมาก เซสชันเทรดของพวกเขามักไม่เกินสองชั่วโมง ซึ่งภายในเวลานั้นจะพอสำหรับการเปิดออร์เดอร์ต่าง ๆ โดยเวลาเทรดอาจขึ้นอยู่กับเซสชันของตลาดโลกและการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ
ยังมีเทรดเดอร์ที่ทำงานในธนาคาร องค์กรการเงิน หรือกองทุน ซึ่งเทรดตลอดวันทำงาน และไม่ใช่การใช้เงินตัวเองเทรด แต่เป็นเงินของบริษัทหรือนักลงทุน อย่างไรก็ตาม เราจะยังไม่พูดถึงในบทความนี้ เพราะเราจะโฟกัสไปที่เทรดเดอร์ทั่วไปที่เทรดเพื่อสร้างรายได้ส่วนตัว
ไม่ว่าคุณจะอยากลาออกมากแค่ไหน ก็ไม่ควรลาออกจากงานทันที! เหตุผลก็เพราะหากคุณยังไม่เชี่ยวชาญในการเทรดจริง ๆ ก็เสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างหนักจากออปชั่นไบนารี แล้วหากคุณสูญเสียรายได้จากงานเดิมไป จะทำอย่างไร?
ในการย้ายมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ควรมีเงินสำรอง (Financial Cushion) ที่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ในวิถีชีวิตแบบที่คุณคุ้นเคย หากยังทำงานประจำอยู่ รายได้ที่มั่นคงจะทำให้คุณอุ่นใจ และหากมีปัญหาขาดทุนในการเทรด คุณยังพอมีแผนรับมือ
จึงไม่มีเหตุผลที่ควรรีบลาออกจากงานเพื่อเทรดออปชั่นไบนารี อย่างน้อยในช่วงเริ่มต้น คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องก่อน คือเทรดได้กำไร 8-12 เดือนติดต่อกัน และต้องเทรดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ถ้าสูญเงินในพอร์ตต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด!
และแม้ในกรณีที่เทรดได้กำไรต่อเนื่องแล้ว คุณก็ยังควรลาออกก็ต่อเมื่อ:
อย่าลืมว่าความแตกต่างระหว่างงานอดิเรก (Hobby) กับอาชีพ (Profession) นั้นต่างกันมาก เทรดเดอร์บางคนเทรดแค่ช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือช่วงเย็นหรือดึกหลังเลิกงาน เพราะหลายคนไม่โชคดีที่ได้ทำงานในสิ่งที่รัก ส่วนใหญ่เป็นงานรูทีนที่ต้องทำซ้ำ ๆ
สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ พวกเขาจะมีเวลาเต็มวันในการเทรด สามารถเลือกช่วงเวลาเทรดและระยะเวลาที่ต้องการได้ตามใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวันตั้งแต่เช้าจนดึก ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มืออาชีพจะเทรดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับการทำกำไรจากออปชั่นไบนารี
ความแตกต่างสำคัญคือ เทรดเดอร์มือใหม่ที่มีงานประจำอาจเทรดได้เฉพาะหลังเลิกงานเท่านั้น ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้
สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตเวลาใกล้เคียงกับยุโรปหรือรัสเซีย (เช่น มอสโก) มักจะเทรดในช่วงท้ายของเซสชันเอเชีย ต่อด้วยเซสชันยุโรป และอาจรอจนถึงช่วงเปิดตลาดอเมริกา
การเคลื่อนไหวของราคา (Price Movement) มักจะเด่นที่สุดช่วงที่ตลาดยุโรปกับอเมริกาเปิดพร้อมกัน เนื่องจากความผันผวน (Volatility) จะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับการเทรดระยะสั้น ข้อมูลช่วงเวลาทำการเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น ๆ ได้
หากคุณมีเวลาจำกัดมาก ก็ต้องเลือกกลยุทธ์ที่สร้างโอกาสทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้น ๆ โดยต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว นี่เป็นความท้าทายหนึ่งของเทรดเดอร์มือใหม่ที่มักเทรดหลังเลิกงาน เช่น ช่วงเย็นหรือช่วงดึก ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าต้องการเทรดในเซสชันใด
ที่สำคัญ ช่วงเวลาเทรดต้องเป็นช่วงที่คุณโฟกัสได้เต็มที่ ไม่ถูกขัดจังหวะด้วยสิ่งรบกวนอื่น ๆ เพราะการเทรดต้องการสมาธิสูง
ให้มองว่าการเทรดเป็นงานอย่างหนึ่ง คุณควรจัดตารางเวลาที่แน่นอน เช่น “ฉันจะเทรดตั้งแต่ 19:00 ถึง 22:00 น.” แม้จะทำได้แค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน ก็ไม่เป็นไร ความสม่ำเสมอในการเทรดช่วงเวลาเดิมเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้คุณคุ้นเคยกับพฤติกรรมตลาดในเวลานั้น ๆ
การเทรดในช่วงเวลาเดิมจะช่วยให้คุณจดจำลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา และวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเซสชันนั้นได้
สำหรับผู้ที่มีอิสระในการเลือกเวลาเทรด (ไม่ได้มีงานประจำ) อาจตัดสินใจเลือกเวลาเทรดโดยพิจารณาจากความสะดวกและประสิทธิภาพของตัวเอง เช่น บางคนถนัดเทรดช่วงเช้า บางคนถนัดเทรดช่วงดึก ซึ่งควรทดสอบและประเมินผลลัพธ์จากการเทรดในแต่ละเซสชัน
ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนมักเทรดช่วงเซสชันยุโรปจนถึงก่อนตลาดอเมริกาเปิด เพราะเป็นเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับตนเอง บางครั้งก็เทรดช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ในช่วงตลาดอเมริกา หรือเทรดกลางดึกในช่วงตลาดแปซิฟิก (Pacific Session) แล้วแต่กลยุทธ์
ดังนั้น คุณควรทดสอบและค้นหาว่าช่วงเวลาใดที่ทำให้คุณเทรดได้ผลดีที่สุด รวมถึงควรดูว่าช่วงไหนราคาเคลื่อนไหวเหมาะกับกลยุทธ์ที่คุณใช้
ระหว่างเทรด คุณต้องมีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อม ไม่ง่วงหรือเหนื่อยจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อการวิเคราะห์และตัดสินใจ
ปิดการแจ้งเตือนและสิ่งรบกวนอื่น ๆ ทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะสิ่งที่จำเป็น:
คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มเทรด เช่น อาบน้ำเพื่อปลุกสมอง ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น และรักษาอารมณ์เชิงบวกให้พร้อม
อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวจนไม่มีแรงคิด ถ้าคุณกลับจากที่ทำงานแล้วถึงเวลาต้องเทรด แต่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ควรใช้เวลา 15-20 นาทีเพื่อรับประทานอาหารหรือนั่งพักสมองก่อน แล้วค่อยมาเทรด ไม่เช่นนั้นอาจจบลงด้วยการเทรดที่ปราศจากสมาธิ
พยายามเคลียร์งานหรือเรื่องค้างคาให้เรียบร้อย เพื่อจะได้โฟกัสกับการเทรดได้อย่างเต็มที่
ลองย้อนหลังไปดูกราฟของสินทรัพย์เหล่านั้นในช่วงเวลาที่คุณเลือก เพื่อศึกษาพฤติกรรมราคา อาจพบรูปแบบที่ทำกำไรได้ซ้ำ ๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้ได้
เริ่มต้นจากสินทรัพย์ 2-3 ชนิดก็เพียงพอแล้วสำหรับการเทรดอย่างต่อเนื่องและได้สัญญาณที่บ่อยพอสมควร ถ้าเลือกเทรดหลายสินทรัพย์เกินไป เช่น 10-20 ชนิด อาจทำให้คุณเหนื่อยล้าและยากต่อการควบคุมวินัยในการเทรด
เทรดเดอร์มือใหม่มักคิดว่าตนเอง “เอาอยู่” ไม่จำเป็นต้องตั้งขีดจำกัดใด ๆ สุดท้ายอาจจบด้วยการขาดทุนจนหมดพอร์ต
การกำหนดขีดจำกัดจะทำให้คุณรู้ว่าควรหยุดเมื่อใด เช่น
การกำหนดขีดจำกัดกำไรขึ้นอยู่กับขนาดพอร์ตเทรดของแต่ละคน สำหรับพอร์ตเล็กอาจตั้งไว้ 5-10% ต่อวัน ส่วนพอร์ตใหญ่ก็สามารถลดเปอร์เซ็นต์ลงได้ เพราะผลกำไรในจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่น้อยลงก็อาจยังเป็นตัวเลขที่เยอะมากอยู่ดี
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีพอร์ต 1,000 ดอลลาร์ อาจตั้งขีดจำกัดกำไรไว้ที่ 1-5% ต่อวัน ฟังดูเหมือนน้อย แต่ถ้านับเป็นรายสัปดาห์ก็ได้ 5-25% หรือรายเดือนก็ 25-125% ถือว่าไม่น้อยเลย และถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ การได้ 2-3% ต่อเดือนก็อาจเป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว
โดยทั่วไป การเพิ่มพอร์ต 15-30% ต่อเดือนถือเป็นผลงานที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ หากคุณต้องการทำกำไรสูง พอร์ตคุณก็ต้องมีขนาดใหญ่เช่นกัน ไม่ใช่เริ่มต้นที่ขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์แล้วหวังจะรวยเร็ว
นอกจากนี้คุณไม่สามารถทำกำไรได้ทุกวันแน่นอน หากเมื่อวานขาดทุนมาก ก็ไม่ควรพยายาม “เอาคืน” ในวันถัดไป แต่ควรยึดตามขีดจำกัดกำไรที่ตั้งไว้ เช่น วันไหนได้ถึง 5% แล้วก็ควรหยุด เพื่อป้องกันการขาดทุนที่อาจตามมา
ควรจดบันทึกลงใน ไดอารี่การเทรด ทุกครั้ง เมื่อสิ้นเดือนก็วิเคราะห์ว่าคุณทำได้ตามเป้าหรือไม่:
บทเรียนสำคัญคือ:
มีเทรดเดอร์จำนวนมากเคยชินกับการเทรดออปชั่นไบนารีแบบสั้น ๆ (ตั้งแต่ไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง) ซึ่งเห็นผลแพ้ชนะรวดเร็ว แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เทรดแบบตั้งอายุสัญญายาวขึ้น เช่น หมดวันหรือหมดสัปดาห์
การเทรดระยะยาวจะคาดการณ์ราคาได้ง่ายขึ้น และสัญญาณการเทรดอาจไม่ถี่ แต่ก็ลดความกดดันได้มาก และลดความเสี่ยงของการเทรดมากเกินไป
หากคุณเปิดดีลตั้งแต่เช้าด้วยอายุสัญญาสิ้นวัน คุณอาจแค่เข้ามาตรวจสอบไม่กี่ครั้ง หรือไม่ต้องเช็กเลยก็ได้ เพราะคุณวางแผนการจัดการความเสี่ยงไว้อยู่แล้ว แม้จะขาดทุนก็ไม่เสียหายจนเกินไป สรุปคือ การเทรดออปชั่นไบนารีอาจใช้เวลาวันละ 5-20 นาทีเท่านั้นสำหรับบางกลยุทธ์ ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยแต่ยังอยากทำกำไรได้
จึงไม่แปลกที่เทรดเดอร์มือใหม่จะสับสนว่าจะเลือกช่วงเวลาใดดีในการเทรด เพราะมีตัวเลือกมากมายจนทำให้ตัดสินใจยาก อย่างไรก็ตาม การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น:
- กลยุทธ์ใดสามารถใช้ได้ผล
- ความผันผวนในตลาดเป็นอย่างไร
- ปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานบางอย่าง
- อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์จากโบรกเกอร์ออปชั่นไบนารี
- ความพร้อมในการเทรดสินทรัพย์บางประเภท
ในทางกลับกัน เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้เวลาเทรดน้อยมาก เซสชันเทรดของพวกเขามักไม่เกินสองชั่วโมง ซึ่งภายในเวลานั้นจะพอสำหรับการเปิดออร์เดอร์ต่าง ๆ โดยเวลาเทรดอาจขึ้นอยู่กับเซสชันของตลาดโลกและการประกาศข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ
ยังมีเทรดเดอร์ที่ทำงานในธนาคาร องค์กรการเงิน หรือกองทุน ซึ่งเทรดตลอดวันทำงาน และไม่ใช่การใช้เงินตัวเองเทรด แต่เป็นเงินของบริษัทหรือนักลงทุน อย่างไรก็ตาม เราจะยังไม่พูดถึงในบทความนี้ เพราะเราจะโฟกัสไปที่เทรดเดอร์ทั่วไปที่เทรดเพื่อสร้างรายได้ส่วนตัว
เนื้อหา
- การเทรดเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- เซสชันการเทรดของโลกในตลาดออปชั่นไบนารี
- กฎการบริหารเวลาในการเทรดออปชั่นไบนารี
- เวลาในการเทรดออปชั่นไบนารี
- ควรเทรดออปชั่นไบนารีเมื่อไหร่
- การเลือกเซสชันสำหรับเทรดออปชั่นไบนารี
- เคลียร์ตารางเวลาทั้งหมดให้พร้อมสำหรับเทรดออปชั่นไบนารี
- เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเทรดออปชั่นไบนารี
- โฟกัสเฉพาะสิ่งที่ถนัดในการเทรดออปชั่นไบนารี
- หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไป (Overtrading) ในออปชั่นไบนารี
- ขีดจำกัดกำไร (Profit Limit) ในออปชั่นไบนารี
- หยุดเทรดออปชั่นไบนารีเมื่อถึงเวลาที่ควรหยุด
- กรณีเวลาว่างมีจำกัดสำหรับการเทรดออปชั่นไบนารี
การเทรดเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
โดยสรุปแล้ว เทรดเดอร์ในตลาดจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ:- ผู้ที่เทรดเป็นครั้งคราว (มือสมัครเล่น) ไม่ได้เทรดสม่ำเสมอ
- ผู้ที่เทรดอย่างจริงจังและมืออาชีพ ที่การเทรดเป็นรายได้หลักหรือรายได้เดียว
จะลาออกจากงานเพื่อเทรดออปชั่นไบนารีทั้งวันดีไหม
เป็นคำถามที่เทรดเดอร์มือใหม่จำนวนมากมักถามกัน ว่าควรจะลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำกำไรในออปชั่นไบนารีดีหรือไม่ เพราะมีโอกาสทำเงินได้มากกว่าเงินเดือนหลาย ๆ คนไม่ว่าคุณจะอยากลาออกมากแค่ไหน ก็ไม่ควรลาออกจากงานทันที! เหตุผลก็เพราะหากคุณยังไม่เชี่ยวชาญในการเทรดจริง ๆ ก็เสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างหนักจากออปชั่นไบนารี แล้วหากคุณสูญเสียรายได้จากงานเดิมไป จะทำอย่างไร?
ในการย้ายมาเป็นเทรดเดอร์เต็มตัว ควรมีเงินสำรอง (Financial Cushion) ที่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี ในวิถีชีวิตแบบที่คุณคุ้นเคย หากยังทำงานประจำอยู่ รายได้ที่มั่นคงจะทำให้คุณอุ่นใจ และหากมีปัญหาขาดทุนในการเทรด คุณยังพอมีแผนรับมือ
จึงไม่มีเหตุผลที่ควรรีบลาออกจากงานเพื่อเทรดออปชั่นไบนารี อย่างน้อยในช่วงเริ่มต้น คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องก่อน คือเทรดได้กำไร 8-12 เดือนติดต่อกัน และต้องเทรดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ถ้าสูญเงินในพอร์ตต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด!
และแม้ในกรณีที่เทรดได้กำไรต่อเนื่องแล้ว คุณก็ยังควรลาออกก็ต่อเมื่อ:
- มีเงินสำรองเพียงพอสำหรับดำรงชีวิตโดยไม่ต้องมีรายได้เพิ่มในช่วงแรก
- มีคนรอบข้างหรือครอบครัวที่สามารถช่วยเหลือได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
- มีโอกาสหารายได้เสริมจากที่อื่น
- มีงานที่สามารถกลับไปทำได้ หรือมีบริษัทที่รอรับคุณกลับ
อย่าลืมว่าความแตกต่างระหว่างงานอดิเรก (Hobby) กับอาชีพ (Profession) นั้นต่างกันมาก เทรดเดอร์บางคนเทรดแค่ช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือช่วงเย็นหรือดึกหลังเลิกงาน เพราะหลายคนไม่โชคดีที่ได้ทำงานในสิ่งที่รัก ส่วนใหญ่เป็นงานรูทีนที่ต้องทำซ้ำ ๆ
สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ พวกเขาจะมีเวลาเต็มวันในการเทรด สามารถเลือกช่วงเวลาเทรดและระยะเวลาที่ต้องการได้ตามใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะนั่งเฝ้าหน้าจอทั้งวันตั้งแต่เช้าจนดึก ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มืออาชีพจะเทรดเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เพียงพอสำหรับการทำกำไรจากออปชั่นไบนารี
ความแตกต่างสำคัญคือ เทรดเดอร์มือใหม่ที่มีงานประจำอาจเทรดได้เฉพาะหลังเลิกงานเท่านั้น ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองได้
เซสชันการเทรดของโลกในตลาดออปชั่นไบนารี
เทรดเดอร์แต่ละคนอาจอยู่ในเขตเวลาที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นรายใหญ่ เช่น ธนาคาร บริษัทการลงทุน หรือตลาดหลักทรัพย์ จะมีเวลาทำการของตนเอง ซึ่งไม่ใช่ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเกิดการแบ่งเซสชันเทรดต่าง ๆ ตามภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกาสำหรับผู้ที่อยู่ในเขตเวลาใกล้เคียงกับยุโรปหรือรัสเซีย (เช่น มอสโก) มักจะเทรดในช่วงท้ายของเซสชันเอเชีย ต่อด้วยเซสชันยุโรป และอาจรอจนถึงช่วงเปิดตลาดอเมริกา
การเคลื่อนไหวของราคา (Price Movement) มักจะเด่นที่สุดช่วงที่ตลาดยุโรปกับอเมริกาเปิดพร้อมกัน เนื่องจากความผันผวน (Volatility) จะสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับการเทรดระยะสั้น ข้อมูลช่วงเวลาทำการเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับช่วงเวลานั้น ๆ ได้
หากคุณมีเวลาจำกัดมาก ก็ต้องเลือกกลยุทธ์ที่สร้างโอกาสทำกำไรได้ในระยะเวลาสั้น ๆ โดยต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว นี่เป็นความท้าทายหนึ่งของเทรดเดอร์มือใหม่ที่มักเทรดหลังเลิกงาน เช่น ช่วงเย็นหรือช่วงดึก ส่วนเทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าต้องการเทรดในเซสชันใด
กฎการบริหารเวลาในการเทรดออปชั่นไบนารี
ในยุคปัจจุบัน ตลาดการเงินเปิดตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้น การจัดสรรเวลา (Time Management) จึงเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเวลาได้มีประสิทธิภาพและไม่พลาดสิ่งที่สำคัญเวลาในการเทรดออปชั่นไบนารี
เทรดเดอร์ทุกคนควรแก้ปัญหาสองข้อใหญ่ ๆ คือ:- ควรเทรดออปชั่นไบนารีเมื่อไหร่
- การเลือกเซสชันสำหรับเทรดออปชั่นไบนารี
ควรเทรดออปชั่นไบนารีเมื่อไหร่
อันดับแรก คุณควรกำหนดช่วงเวลาที่สะดวกในการเทรดออปชั่นไบนารี หากคุณมีงานประจำ อาจเลือกเทรดตอนเย็นหรือหลังเลิกงานที่สำคัญ ช่วงเวลาเทรดต้องเป็นช่วงที่คุณโฟกัสได้เต็มที่ ไม่ถูกขัดจังหวะด้วยสิ่งรบกวนอื่น ๆ เพราะการเทรดต้องการสมาธิสูง
ให้มองว่าการเทรดเป็นงานอย่างหนึ่ง คุณควรจัดตารางเวลาที่แน่นอน เช่น “ฉันจะเทรดตั้งแต่ 19:00 ถึง 22:00 น.” แม้จะทำได้แค่สัปดาห์ละ 2-3 วัน ก็ไม่เป็นไร ความสม่ำเสมอในการเทรดช่วงเวลาเดิมเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้คุณคุ้นเคยกับพฤติกรรมตลาดในเวลานั้น ๆ
การเทรดในช่วงเวลาเดิมจะช่วยให้คุณจดจำลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา และวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับเซสชันนั้นได้
การเลือกเซสชันสำหรับเทรดออปชั่นไบนารี
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถนั่งเทรดได้ทั้งวัน และบางช่วงเวลาก็มีความผันผวนของตลาดมากกว่าช่วงอื่น ๆสำหรับผู้ที่มีอิสระในการเลือกเวลาเทรด (ไม่ได้มีงานประจำ) อาจตัดสินใจเลือกเวลาเทรดโดยพิจารณาจากความสะดวกและประสิทธิภาพของตัวเอง เช่น บางคนถนัดเทรดช่วงเช้า บางคนถนัดเทรดช่วงดึก ซึ่งควรทดสอบและประเมินผลลัพธ์จากการเทรดในแต่ละเซสชัน
ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนมักเทรดช่วงเซสชันยุโรปจนถึงก่อนตลาดอเมริกาเปิด เพราะเป็นเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับตนเอง บางครั้งก็เทรดช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ในช่วงตลาดอเมริกา หรือเทรดกลางดึกในช่วงตลาดแปซิฟิก (Pacific Session) แล้วแต่กลยุทธ์
ดังนั้น คุณควรทดสอบและค้นหาว่าช่วงเวลาใดที่ทำให้คุณเทรดได้ผลดีที่สุด รวมถึงควรดูว่าช่วงไหนราคาเคลื่อนไหวเหมาะกับกลยุทธ์ที่คุณใช้
เคลียร์ตารางเวลาทั้งหมดให้พร้อมสำหรับเทรดออปชั่นไบนารี
สมมติว่าคุณเลือกเวลาเทรดตั้งแต่ 13:00 - 14:30 น. ซึ่งกินเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง คุณควรใช้เวลานี้เพื่อโฟกัสไปที่การเทรดออปชั่นไบนารีเพียงอย่างเดียว ไม่ควรให้มีสิ่งรบกวนระหว่างเทรด คุณต้องมีสภาพร่างกายและจิตใจที่พร้อม ไม่ง่วงหรือเหนื่อยจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสียต่อการวิเคราะห์และตัดสินใจ
ปิดการแจ้งเตือนและสิ่งรบกวนอื่น ๆ ทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะสิ่งที่จำเป็น:
- แพลตฟอร์มเทรดของโบรกเกอร์
- กราฟราคาภายนอก (ถ้าจำเป็น)
- เว็บไซต์ปฏิทินเศรษฐกิจ (ถ้าจำเป็น)
- ไดอารี่การเทรด หรือสมุดจดรายการซื้อขาย
เตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเทรดออปชั่นไบนารี
อย่าให้กิจวัตรประจำวันของคุณกลายเป็นการตื่นมาแล้วเปิดคอมเทรดทันทีขณะยังงัวเงียอยู่บนเตียง เพราะนั่นอาจเป็นหนทางสู่การขาดทุนอย่างรวดเร็วคุณควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มเทรด เช่น อาบน้ำเพื่อปลุกสมอง ออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อสร้างความกระตือรือร้น และรักษาอารมณ์เชิงบวกให้พร้อม
อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวจนไม่มีแรงคิด ถ้าคุณกลับจากที่ทำงานแล้วถึงเวลาต้องเทรด แต่ยังไม่ได้ทานอะไรเลย ควรใช้เวลา 15-20 นาทีเพื่อรับประทานอาหารหรือนั่งพักสมองก่อน แล้วค่อยมาเทรด ไม่เช่นนั้นอาจจบลงด้วยการเทรดที่ปราศจากสมาธิ
พยายามเคลียร์งานหรือเรื่องค้างคาให้เรียบร้อย เพื่อจะได้โฟกัสกับการเทรดได้อย่างเต็มที่
โฟกัสเฉพาะสิ่งที่ถนัดในการเทรดออปชั่นไบนารี
ในเซสชันการเทรดของคุณ ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะใช้ ประเภทของออปชั่น แบบใด และเลือกสินทรัพย์ที่จะเทรดโดยไม่ต้องเยอะเกินไปลองย้อนหลังไปดูกราฟของสินทรัพย์เหล่านั้นในช่วงเวลาที่คุณเลือก เพื่อศึกษาพฤติกรรมราคา อาจพบรูปแบบที่ทำกำไรได้ซ้ำ ๆ ที่คุณสามารถนำมาใช้ได้
เริ่มต้นจากสินทรัพย์ 2-3 ชนิดก็เพียงพอแล้วสำหรับการเทรดอย่างต่อเนื่องและได้สัญญาณที่บ่อยพอสมควร ถ้าเลือกเทรดหลายสินทรัพย์เกินไป เช่น 10-20 ชนิด อาจทำให้คุณเหนื่อยล้าและยากต่อการควบคุมวินัยในการเทรด
หลีกเลี่ยงการเทรดมากเกินไป (Overtrading) ในออปชั่นไบนารี
ตามหลักของ การจัดการเงิน (Money Management) และ การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) คุณควรกำหนดขีดจำกัดขาดทุน (Loss Limit) และขีดจำกัดกำไร (Profit Limit) รวมถึงจำกัดเวลาการเทรด (Time Limit) เอาไว้เทรดเดอร์มือใหม่มักคิดว่าตนเอง “เอาอยู่” ไม่จำเป็นต้องตั้งขีดจำกัดใด ๆ สุดท้ายอาจจบด้วยการขาดทุนจนหมดพอร์ต
การกำหนดขีดจำกัดจะทำให้คุณรู้ว่าควรหยุดเมื่อใด เช่น
- ขีดจำกัดขาดทุนประจำวัน
- ขีดจำกัดกำไรประจำวัน
- ขีดจำกัดเวลาที่ตั้งใจไว้
ขีดจำกัดกำไร (Profit Limit) ในออปชั่นไบนารี
เราอาจเคยได้ยินบ่อย ๆ เกี่ยวกับการตั้งขีดจำกัดขาดทุน แต่ความจริงแล้วการตั้งขีดจำกัดกำไรก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะช่วยป้องกันไม่ให้เรา “เทรดเพลิน” จนสูญเสียกำไรที่หามาได้การกำหนดขีดจำกัดกำไรขึ้นอยู่กับขนาดพอร์ตเทรดของแต่ละคน สำหรับพอร์ตเล็กอาจตั้งไว้ 5-10% ต่อวัน ส่วนพอร์ตใหญ่ก็สามารถลดเปอร์เซ็นต์ลงได้ เพราะผลกำไรในจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่น้อยลงก็อาจยังเป็นตัวเลขที่เยอะมากอยู่ดี
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีพอร์ต 1,000 ดอลลาร์ อาจตั้งขีดจำกัดกำไรไว้ที่ 1-5% ต่อวัน ฟังดูเหมือนน้อย แต่ถ้านับเป็นรายสัปดาห์ก็ได้ 5-25% หรือรายเดือนก็ 25-125% ถือว่าไม่น้อยเลย และถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ การได้ 2-3% ต่อเดือนก็อาจเป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว
โดยทั่วไป การเพิ่มพอร์ต 15-30% ต่อเดือนถือเป็นผลงานที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ หากคุณต้องการทำกำไรสูง พอร์ตคุณก็ต้องมีขนาดใหญ่เช่นกัน ไม่ใช่เริ่มต้นที่ขั้นต่ำเพียง 10 ดอลลาร์แล้วหวังจะรวยเร็ว
นอกจากนี้คุณไม่สามารถทำกำไรได้ทุกวันแน่นอน หากเมื่อวานขาดทุนมาก ก็ไม่ควรพยายาม “เอาคืน” ในวันถัดไป แต่ควรยึดตามขีดจำกัดกำไรที่ตั้งไว้ เช่น วันไหนได้ถึง 5% แล้วก็ควรหยุด เพื่อป้องกันการขาดทุนที่อาจตามมา
ควรจดบันทึกลงใน ไดอารี่การเทรด ทุกครั้ง เมื่อสิ้นเดือนก็วิเคราะห์ว่าคุณทำได้ตามเป้าหรือไม่:
- ถ้าทำได้ตามเป้า ลองเพิ่มขีดจำกัดขาดทุนขึ้นอีกสัก 1-2% เพื่อให้มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นก่อนจะถึงจุดตัดขาดทุน
- ถ้าทำไม่ได้ตามเป้า อาจต้องลดเป้ากำไรลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและกลยุทธ์
- ถ้าขาดทุนบ่อยจนถึงจุดตัดขาดทุน ลองลดจุดตัดขาดทุนลง 1-2% เพื่อลดความเสี่ยง
หยุดเทรดออปชั่นไบนารีเมื่อถึงเวลาที่ควรหยุด
เทรดเดอร์มือใหม่มักมองข้ามกฎต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์อาชีพยึดถือ เพราะคิดว่า “ฉันเอาอยู่” หรือ “ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามกฎ” และมักจะเสียเงินไปอย่างน่าเสียดายกว่าจะเข้าใจบทเรียนสำคัญคือ:
- อย่าเทรดเมื่อคุณเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย
- อย่าเทรดต่อหลังจากถึงขีดจำกัดกำไรหรือขาดทุนที่ตั้งไว้
- อย่าเทรดถ้าคุณไม่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ
- อย่าเทรดแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเพียงเพราะมีเวลาไม่กี่นาที
กรณีเวลาว่างมีจำกัดสำหรับการเทรดออปชั่นไบนารี
ในหลาย ๆ กรณี เทรดเดอร์มีเวลาว่างในการเทรดน้อยมาก เพราะงานประจำ งานบ้าน หรือหน้าที่อื่น ๆ แต่ก็ยังสามารถสร้างผลกำไรได้ แล้วพวกเขาทำได้อย่างไร?มีเทรดเดอร์จำนวนมากเคยชินกับการเทรดออปชั่นไบนารีแบบสั้น ๆ (ตั้งแต่ไม่กี่นาทีถึงไม่กี่ชั่วโมง) ซึ่งเห็นผลแพ้ชนะรวดเร็ว แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เทรดแบบตั้งอายุสัญญายาวขึ้น เช่น หมดวันหรือหมดสัปดาห์
การเทรดระยะยาวจะคาดการณ์ราคาได้ง่ายขึ้น และสัญญาณการเทรดอาจไม่ถี่ แต่ก็ลดความกดดันได้มาก และลดความเสี่ยงของการเทรดมากเกินไป
หากคุณเปิดดีลตั้งแต่เช้าด้วยอายุสัญญาสิ้นวัน คุณอาจแค่เข้ามาตรวจสอบไม่กี่ครั้ง หรือไม่ต้องเช็กเลยก็ได้ เพราะคุณวางแผนการจัดการความเสี่ยงไว้อยู่แล้ว แม้จะขาดทุนก็ไม่เสียหายจนเกินไป สรุปคือ การเทรดออปชั่นไบนารีอาจใช้เวลาวันละ 5-20 นาทีเท่านั้นสำหรับบางกลยุทธ์ ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยแต่ยังอยากทำกำไรได้
บทวิจารณ์และความคิดเห็น