ไดอารี่การเทรดออปชั่นไบนารี: เหตุผลที่นักเทรดทุกคนควรมี
Updated: 06.05.2025
ไดอารี่การเทรดหรือบันทึกของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี: บันทึกรายการและไดอารี่ทางอารมณ์ของเทรดเดอร์ (2025)
หลายคนบอกว่าไดอารี่การเทรดเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์ แต่ทำไมนักเทรดออปชั่นไบนารีบางส่วนถึงยังไม่เริ่มจดไดอารี่ของตนเอง? ในบทความนี้ ผมจะบอกคุณว่าทำไมทุกคนควรมีไดอารี่การเทรด และข้อดีของมันคืออะไร
การบันทึกรายการเทรดในไดอารี่ (หรือการจดไดอารี่การเทรด) ไม่ยากนัก และไม่เปลืองเวลามากเท่าไร แต่ผลลัพธ์กลับมีประโยชน์อย่างมหาศาล ดังนั้น ทันทีที่คุณเทรดเสร็จหรือเทรดอยู่ ควรสละเวลาไม่กี่นาทีเพื่อจดข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับออเดอร์ที่เปิดไว้ในไดอารี่ของคุณ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการจดไดอารี่การเทรดคือจดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บันทึกใน Excel (สเปรดชีต) เพราะใน Excel คุณสามารถสร้างกราฟคำนวณเปอร์เซ็นต์ออเดอร์ที่ได้กำไร ฯลฯ ได้
ไดอารี่การเทรดของเทรดเดอร์จะมีหน้าตาแบบนี้: ภายในจะมีรายการเทรดทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยควรใส่ข้อมูลเหล่านี้:
เทรดเดอร์หลายคนมองข้ามการจดไดอารี่ทางอารมณ์ เพราะคิดว่าไม่น่ามีประโยชน์ แต่ความจริงแล้ว การบันทึกอารมณ์ช่วยให้คุณค้นพบข้อผิดพลาดทางจิตวิทยาที่มักเกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ทันสังเกต
สำหรับการบันทึกอารมณ์ คุณอาจใช้คอลัมน์ “Comment on the transaction” หรือสร้างคอลัมน์แยกขึ้นมาเพื่อจดอารมณ์ของคุณในช่วงเวลาที่เปิดออเดอร์ สิ่งที่สำคัญมากคือ ต้องจดไดอารี่ทางอารมณ์ในระหว่างที่คุณกำลังเทรดจริง เหตุผลที่ต้องจดขณะเทรดคือคุณจะได้รับข้อมูลที่อัปเดตตรงจาก “ต้นฉบับ” และไม่ใช่ข้อมูลที่อาจบิดเบือนไปหลังการเทรด นอกจากนี้ การบันทึกอารมณ์ระหว่างออเดอร์เปิดและหลังออเดอร์ปิดก็เป็นแนวทางที่ดี เพราะเทรดเดอร์หลายคนจะเกิดความเครียดขณะที่รายการยังเปิดอยู่ แต่จะดีใจหรือหดหู่เมื่อออเดอร์ปิด (ขึ้นอยู่กับว่ากำไรหรือขาดทุน)
แล้วควรจดอะไรในไดอารี่ทางอารมณ์? ไม่จำเป็นต้องเขียนยืดยาวจนเป็นเรียงความ เพราะอาจเสียเวลาและทำให้เสียสมาธิในการเทรด จดเฉพาะสิ่งสำคัญแบบกระชับ เช่น:
- เทรดเดอร์มือใหม่: เห็นจุดเข้าเทรด → ตื่นเต้น → ใส่เงินลงทุนมากเกินไป → โดนความโลภครอบงำ → รอดูผลออเดอร์ด้วยความกลัว (กลัวขาดทุน) → ถ้าออเดอร์จบเป็นกำไร → ดีใจสุด ๆ
- เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: เห็นจุดเข้าเทรด → รู้สึกมั่นใจในวิธีเทรดของตัวเอง → ลงเงินไม่เกินกฎความเสี่ยงที่กำหนด → รู้สึกว่าการกระทำถูกต้อง → รอผลด้วยความนิ่ง (ไม่กลัวแม้จะขาดทุน) → เมื่อออเดอร์จบลง (บวกหรือลบ) ก็ยังพอใจเพราะทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามแผน ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด
นอกจากนี้ อารมณ์เดียวกันอาจเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ด้วยตัวเองว่าอะไรเป็นสาเหตุของอารมณ์นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น “ความกลัว” อาจเกิดจาก:
นักเทรดมืออาชีพในออปชั่นไบนารีจะเทรดอย่างไม่มีอารมณ์ หรือพยายามมองอารมณ์เป็นเรื่องเล็กน้อย “จะเกิดอะไรก็ช่าง” ไม่กลัวและไม่ยินดีจนเกินเหตุ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น มองหาจุดเข้าที่แม่นยำหรือควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจ
แนวทางนี้มีประโยชน์อย่างมาก หากคุณจดบันทึกอารมณ์ระหว่างการเทรด และวิเคราะห์หลังการเทรดอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเห็นได้ชัดว่าตัวเองถูกฉุดจากอารมณ์อะไร และเมื่อไร เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิด “อาการแพ้อารมณ์” ในอนาคต
ไดอารี่การเทรดของคุณเปรียบเหมือนสารานุกรมของการเทรดของคุณเอง คุณเป็นผู้เขียนและเขียนเพื่อตัวเองเท่านั้น! ในไดอารี่ควรมี:
จุดประสงค์ของการทำไดอารี่การเทรดคือ ทำให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการเทรดของคุณได้ทุกเมื่อ:
เช่นเดียวกับ แผนการเทรด คุณควรสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันซึ่งรวมถึงการจดไดอารี่ไว้ด้วย และเมื่อทำสำเร็จก็ “ติ๊กเครื่องหมายถูก” ลงไป วิธีง่าย ๆ นี้จะช่วยให้คุณสร้างวินัยในการทำสิ่งที่จำเป็นให้ครบทุกข้อ การได้เห็นว่างานถูกทำจนสำเร็จ (โดยเฉพาะงานที่จำเป็นสำหรับผลลัพธ์ระยะยาว) จะกระตุ้นให้เราทำสิ่งดี ๆ แบบนี้ต่อไป
นักเทรดมือใหม่มักจะเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ พอเทรด 2-3 ออเดอร์แล้วไม่ถูกใจ ก็เปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่น วนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผลลัพธ์ก็คือส่วนใหญ่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง
หลังจากผ่านไปหลายสิบหรืออาจถึงร้อยกลยุทธ์ มือใหม่บางคนอาจคิดว่าตัวเอง “เก๋า” พอจะไม่ต้องใช้กลยุทธ์ใด ๆ แล้ว หันไปเทรดตามสัญชาตญาณล้วน ๆ สรุปจะแนวไหนก็ยังขาดการบันทึกรายละเอียด สุดท้ายจะสับสนว่า “ออเดอร์ไหนดีหรือไม่ดี?” ทำให้ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง นี่คือกับดักของผู้เริ่มต้นบนออปชั่นไบนารีจำนวนมาก
ทุกเทรดเดอร์จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรทำกำไร และอะไรทำให้ขาดทุน! ดังนั้น ในไดอารี่การเทรดของคุณ ต้องจดทุกครั้งว่า “ทำไมถึงเปิดออเดอร์นี้” เนื่องจากหลายคนใช้มากกว่าหนึ่งกลยุทธ์เพื่อหาสัญญาณที่หลากหลาย ถ้าคุณไม่บันทึกแยกให้ชัด ในภายหลังคุณจะจำไม่ได้เลยว่าแต่ละรายการมาจากความคิดหรือสัญญาณกลยุทธ์ใด
โดยปกติ เทรดเดอร์ออปชั่นไบนารีจะจับภาพสองครั้ง:
อีกวิธีที่ดีคือ การใส่สัญลักษณ์ชี้จุดเข้าและเหตุผลลงในภาพเลย และบางคนจะแบ่งภาพเป็นสองส่วน ฝั่งซ้ายแสดงกราฟที่ใช้ดูสัญญาณ (เช่น MT4/MT5, Trading View หรือกราฟสดอื่น ๆ) ฝั่งขวาแสดงหน้าแพลตฟอร์มเทรดของผู้ให้บริการออปชั่นไบนารี ทั้งตอนเปิดและปิดออเดอร์ วิธีนี้ช่วยให้คุณรู้ว่ากลยุทธ์เดียวกันให้ผลต่างกันหรือไม่ หากใช้แพลตฟอร์มต่างกัน เพราะผู้ให้บริการแต่ละรายอาจใช้แหล่งราคาคนละเจ้ากัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดผ่านแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการออปชั่นไบนารีที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบนัก ก็อาจไม่ต้องแยกจอภาพสองส่วนก็ได้
สิ่งที่ควรใส่ลงไป เช่น:
ตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้เงินลงทุนเปลี่ยนแปลง:
แต่คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลย ถ้าไม่จดบันทึกไดอารี่การเทรดอย่างสม่ำเสมอ
ขอแนะนำให้คุณทบทวนไดอารี่การเทรดเป็นประจำ อย่างน้อยก็ทุกสิ้นสัปดาห์ ช่วงที่ตลาด Forex ปิด (ยกเว้นคริปโต) ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:
ดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดพัฒนา เพียงแต่ไม่ควรรับความรู้ใหม่ทีเดียวมากเกินไป เพราะอาจทำให้งงและยิ่งเทรดได้แย่ลง ให้ค่อย ๆ ทำทีละขั้น
หากคุณเทรดได้กำไรแล้ว ควรมุ่งเน้นรักษาระดับผลลัพธ์ให้มั่นคงก่อน:
การเทรดออปชั่นไบนารีเป็นงานที่เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด คุณจะเจอหัวข้อใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้ยินตลอดเวลา แต่สิ่งนี้ไม่ได้กีดกันให้คุณต้องเรียนทุกอย่าง คุณสามารถเลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่สนใจหรือจำเป็นจริง ๆ ความอิสระคือเสน่ห์ของการเทรด ขอแค่คุณมีรากฐานสำคัญ เช่น การจัดการความเสี่ยง, จิตวิทยาการเทรด และ วินัยในการเทรด อยู่ในมือ
การศึกษาสถิติจะช่วยให้คุณเข้าใจ “ทำไม” เทรดของคุณจึงออกมาแบบนี้ คุณอาจคิดว่า “แล้วจะรู้ไปทำไม?” แต่จริง ๆ แล้ว มันคือหัวใจสำคัญของการสร้างผลลัพธ์ที่ดีหรือการแก้ไขผลลัพธ์ที่แย่
แม้คุณจะทำกำไรได้มาก ก็จดบันทึกและวิเคราะห์ต่อไป เพราะตลาดอาจเปลี่ยนแปลงจนคุณไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิมได้ตลอด ถ้าวันใดตลาดเปลี่ยนแล้วคุณไม่มีข้อมูลย้อนหลังให้ดู คุณก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
ถ้าคุณเทรดขาดทุนเรื่อย ๆ ยิ่งต้องมีไดอารี่เก็บสถิติไว้ เพื่อดูว่าอะไรผิดพลาดและจะแก้ไขอย่างไร เพราะการก้าว “ออกนอกทาง” แม้เพียงนิดเดียวในตลาดนี้อาจหมายถึงการเสียเงินก้อนใหญ่
การเทรดก็เหมือนงานอย่างหนึ่ง มีส่วนที่สนุก และส่วนที่ซ้ำซาก ไดอารี่การเทรดจัดอยู่ในส่วนหลัง คุณจึงต้องสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทำสิ่งที่ “ไม่ค่อยอยากทำ” แต่จำเป็นต้องทำ
ไดอารี่การเทรดเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ดีที่สุดของคุณ เคยลองกี่กลยุทธ์แล้ว? หลายคนลองมาจนจำไม่ได้ บ้างก็ไม่รู้ว่าที่ไม่มีกำไรเป็นเพราะกลยุทธ์มันไม่ดีจริง ๆ หรือใช้ไม่ถูกวิธี และถ้าคุณไม่มีไดอารี่ สุดท้ายก็อาจไม่รู้ว่า “พลาดตรงไหน” เพราะคุณไม่มีข้อมูลย้อนกลับให้ดู
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเขียนไดอารี่ยังไงให้ถูกต้องแน่นอน คุณสามารถเขียนในแบบของคุณ อาจใส่อารมณ์ เสียดสีตัวเองเวลาพลาด เยาะเย้ยตัวเองเวลาโง่ เพื่อกระตุ้นให้ครั้งหน้าระวังมากขึ้น บางคนดุว่าตัวเองในไดอารี่ จะได้ไม่อยากกลับไปเป็น “คนโง่คนเดิม” อีก มันเป็นวิธี “จิตวิทยา” แบบหนึ่งที่เห็นผลจริง
ที่สำคัญคือ คุณไม่จำเป็นต้องโชว์ไดอารี่ให้ใครดู จึงไม่ต้องเขินหรืออายใด ๆ เขียนไปตามความจริงให้มากที่สุด มันจะกลายเป็นกระจกสะท้อนตัวคุณในฐานะเทรดเดอร์ และยังเป็นผู้ช่วยและพี่เลี้ยงที่ดี ยิ่งคุณลงทุนเวลากับไดอารี่มากเท่าไร มันจะยิ่งให้ผลตอบแทนคืนมาในรูปของกำไรที่สม่ำเสมอ
เมื่อไดอารี่กลายเป็นสิ่งจำเป็น จงพยายามเปลี่ยนมันให้เป็น “เกมส์” ที่สนุก และรางวัลคือการพัฒนาผลลัพธ์ของคุณ ถ้าทำได้ คุณจะได้ผลตอบแทนที่งดงาม แต่ถ้าทำไม่ได้ คุณจะเลิกจดไดอารี่ไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พลาดโอกาสเก็บข้อมูลสำคัญที่ช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างมหาศาล
เนื้อหา
- ไดอารี่การเทรดของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- ไดอารี่ทางอารมณ์หรือจิตวิทยาของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- ทำไมนักเทรดทุกคนจึงต้องมีไดอารี่การเทรด
- ควรบันทึกอะไรลงในไดอารี่การเทรดออปชั่นไบนารี
- ทำไมคุณถึงเปิดออเดอร์ในการเทรดออปชั่นไบนารี
- การจับภาพหน้าจอ (Screenshots) ของรายการเทรดออปชั่นไบนารี
- รายละเอียดของรายการเทรดในไดอารี่ของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
- การลงทุนต่อออเดอร์และปริมาณการเทรดในออปชั่นไบนารี
- ศึกษาบันทึกการเทรดหรือไดอารี่เทรดเดอร์ของคุณ
- พัฒนาทักษะการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
- ศึกษาสถิติการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
- สถิติการเทรดมีไว้ทำไม และควรทำอย่างไรกับข้อมูลเหล่านั้น
- ไดอารี่เทรดเดอร์: อยู่ไม่ได้หากขาดมัน
- ไดอารี่การเทรด: บทสรุปและข้อสรุปที่สำคัญ
ไดอารี่การเทรดของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
ไดอารี่การเทรด ฟังดูอาจแปลกที่ต้องจดบันทึกรายการเทรดทุกอย่าง แต่การจดไม่เพียงพอ คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลด้วย!การบันทึกรายการเทรดในไดอารี่ (หรือการจดไดอารี่การเทรด) ไม่ยากนัก และไม่เปลืองเวลามากเท่าไร แต่ผลลัพธ์กลับมีประโยชน์อย่างมหาศาล ดังนั้น ทันทีที่คุณเทรดเสร็จหรือเทรดอยู่ ควรสละเวลาไม่กี่นาทีเพื่อจดข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับออเดอร์ที่เปิดไว้ในไดอารี่ของคุณ
วิธีที่ง่ายที่สุดในการจดไดอารี่การเทรดคือจดในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บันทึกใน Excel (สเปรดชีต) เพราะใน Excel คุณสามารถสร้างกราฟคำนวณเปอร์เซ็นต์ออเดอร์ที่ได้กำไร ฯลฯ ได้
ไดอารี่การเทรดของเทรดเดอร์จะมีหน้าตาแบบนี้: ภายในจะมีรายการเทรดทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยควรใส่ข้อมูลเหล่านี้:
- วันที่ของการเทรด
- เวลาที่เปิดออเดอร์
- สินทรัพย์ที่เปิดรายการ
- ทิศทางการคาดการณ์ (ขึ้นหรือลง)
- ระยะเวลา expiration
- จำนวนเงินที่ลงทุน
- ผลลัพธ์ของรายการเทรด
- เหตุผลในการเปิดออเดอร์
- คอมเมนต์หรือข้อสังเกต (หากจำเป็น)
ไดอารี่ทางอารมณ์หรือจิตวิทยาของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
ไดอารี่ด้านอารมณ์เป็นไดอารี่ที่เสริมเข้ามาจากไดอารี่รายการเทรดปกติ ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถติดตามสภาวะอารมณ์ของตนระหว่างการเทรดได้เทรดเดอร์หลายคนมองข้ามการจดไดอารี่ทางอารมณ์ เพราะคิดว่าไม่น่ามีประโยชน์ แต่ความจริงแล้ว การบันทึกอารมณ์ช่วยให้คุณค้นพบข้อผิดพลาดทางจิตวิทยาที่มักเกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ทันสังเกต
สำหรับการบันทึกอารมณ์ คุณอาจใช้คอลัมน์ “Comment on the transaction” หรือสร้างคอลัมน์แยกขึ้นมาเพื่อจดอารมณ์ของคุณในช่วงเวลาที่เปิดออเดอร์ สิ่งที่สำคัญมากคือ ต้องจดไดอารี่ทางอารมณ์ในระหว่างที่คุณกำลังเทรดจริง เหตุผลที่ต้องจดขณะเทรดคือคุณจะได้รับข้อมูลที่อัปเดตตรงจาก “ต้นฉบับ” และไม่ใช่ข้อมูลที่อาจบิดเบือนไปหลังการเทรด นอกจากนี้ การบันทึกอารมณ์ระหว่างออเดอร์เปิดและหลังออเดอร์ปิดก็เป็นแนวทางที่ดี เพราะเทรดเดอร์หลายคนจะเกิดความเครียดขณะที่รายการยังเปิดอยู่ แต่จะดีใจหรือหดหู่เมื่อออเดอร์ปิด (ขึ้นอยู่กับว่ากำไรหรือขาดทุน)
แล้วควรจดอะไรในไดอารี่ทางอารมณ์? ไม่จำเป็นต้องเขียนยืดยาวจนเป็นเรียงความ เพราะอาจเสียเวลาและทำให้เสียสมาธิในการเทรด จดเฉพาะสิ่งสำคัญแบบกระชับ เช่น:
- รู้สึกกลัว
- ไม่มั่นใจในดีลนี้
- ผลลัพธ์ทำให้ฉันผิดหวัง
- ดีใจที่เปิดออเดอร์ได้ถูกจังหวะ
- เทรดเดอร์มือใหม่: เห็นจุดเข้าเทรด → ตื่นเต้น → ใส่เงินลงทุนมากเกินไป → โดนความโลภครอบงำ → รอดูผลออเดอร์ด้วยความกลัว (กลัวขาดทุน) → ถ้าออเดอร์จบเป็นกำไร → ดีใจสุด ๆ
- เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์: เห็นจุดเข้าเทรด → รู้สึกมั่นใจในวิธีเทรดของตัวเอง → ลงเงินไม่เกินกฎความเสี่ยงที่กำหนด → รู้สึกว่าการกระทำถูกต้อง → รอผลด้วยความนิ่ง (ไม่กลัวแม้จะขาดทุน) → เมื่อออเดอร์จบลง (บวกหรือลบ) ก็ยังพอใจเพราะทำทุกขั้นตอนถูกต้องตามแผน ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่ให้ความสำคัญสูงสุด
นอกจากนี้ อารมณ์เดียวกันอาจเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างกันได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ด้วยตัวเองว่าอะไรเป็นสาเหตุของอารมณ์นั้น ๆ ตัวอย่างเช่น “ความกลัว” อาจเกิดจาก:
- ไม่มั่นใจในแนวทางการเทรด (ความลังเล)
- ยังฝึกเทรดน้อยเกินไป (ความไม่มั่นใจ)
- มีเงินในพอร์ตไม่เพียงพอ (ความลังเล)
- กลัวตัดสินใจพลาด (ความไม่มั่นใจ)
- ละเมิดกฎการจัดการความเสี่ยง/เงินทุน (ความกลัว)
- เอาเงินก้อนสุดท้ายหรือเงินยืมมาลงทุน (ความกลัว)
- ไม่อยากศึกษาเชิงลึก (ความใจร้อน)
- อยากรวยเร็ว ๆ ที่นี่เดี๋ยวนี้ (ความใจร้อน)
- ราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับออเดอร์ที่เปิด (ความกลัว)
- ออเดอร์จบขาดทุน (ความไม่พอใจ)
- ลังเล
- ไม่มั่นใจ
- ลังเล
- ไม่มั่นใจ
- กลัว
- กลัว
- ใจร้อน
- ใจร้อน
- กลัว
- ไม่พอใจ
นักเทรดมืออาชีพในออปชั่นไบนารีจะเทรดอย่างไม่มีอารมณ์ หรือพยายามมองอารมณ์เป็นเรื่องเล็กน้อย “จะเกิดอะไรก็ช่าง” ไม่กลัวและไม่ยินดีจนเกินเหตุ สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นกับการทำในสิ่งที่ถูกต้อง เช่น มองหาจุดเข้าที่แม่นยำหรือควบคุมความเสี่ยงอย่างมีวินัย โดยไม่ปล่อยให้อารมณ์มาควบคุมการตัดสินใจ
แนวทางนี้มีประโยชน์อย่างมาก หากคุณจดบันทึกอารมณ์ระหว่างการเทรด และวิเคราะห์หลังการเทรดอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเห็นได้ชัดว่าตัวเองถูกฉุดจากอารมณ์อะไร และเมื่อไร เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิด “อาการแพ้อารมณ์” ในอนาคต
ทำไมนักเทรดทุกคนจึงต้องมีไดอารี่การเทรด
ลองจินตนาการว่าคุณเทรดมาหลายสัปดาห์และได้กำไรดี แต่จู่ ๆ ตลาดเปลี่ยนไป และคุณเริ่มขาดทุนเมื่อใช้วิธีเทรดแบบเดิม คุณจะทำอย่างไร? แน่นอน ต้องหาสาเหตุของการขาดทุน:- เลิกเทรดสินทรัพย์ที่ผลงานแย่
- เลือกช่วงเวลาเทรดที่ให้กำไรเหมาะสม
- ปรับขนาดความเสี่ยง (ลดหรือเพิ่ม) ให้เหมาะกับสถานการณ์
- สร้างหรือปรับปรุง แผนการเทรด ให้ดีขึ้น
- จำได้ราง ๆ ว่าเคยเทรดสินทรัพย์นี้... อาจจะอันนี้ด้วย...
- น่าจะเทรดช่วงกลางวัน แต่จำเวลาเป๊ะ ๆ ไม่ได้
- เสี่ยงมากหรือน้อยก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะปรับตามยอดเงินไปเรื่อย ๆ
- แผนการเทรด? เคยเขียนหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ
- ไม่มีกฎ การจัดการความเสี่ยง และ การจัดการเงินทุน
- ไม่มี ความรู้ด้านจิตวิทยาการเทรด
- ไม่มี วินัยในการเทรด
- ไม่ใช้เงินของตัวเองลงทุน
ควรบันทึกอะไรลงในไดอารี่การเทรดออปชั่นไบนารี
ไดอารี่การเทรดควรมีข้อมูลรายละเอียดของการกระทำระหว่างการเทรด รวมถึงเหตุผลที่ผลักดันให้ตัดสินใจทำเช่นนั้น อย่าวางใจความจำ เพราะการเทรดประกอบด้วยการทำงานซ้ำ ๆ กันทุกวัน คุณจะลืมรายละเอียดได้ง่ายมากไดอารี่การเทรดของคุณเปรียบเหมือนสารานุกรมของการเทรดของคุณเอง คุณเป็นผู้เขียนและเขียนเพื่อตัวเองเท่านั้น! ในไดอารี่ควรมี:
- แรงจูงใจที่ทำให้คุณเข้ามาสู่การเทรด
- วิธีที่คุณวิเคราะห์และประเมินตลาด
- วิธีที่คุณวิเคราะห์ข้อผิดพลาดหรือโอกาสที่พลาดไป และวิธีที่คุณหาทางแก้
- วิธีที่คุณติดตามการเทรดและจัดการกับผลลัพธ์ที่ได้
จุดประสงค์ของการทำไดอารี่การเทรดคือ ทำให้คุณสามารถค้นหาข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับการเทรดของคุณได้ทุกเมื่อ:
- เหตุผลที่คุณเปิดออเดอร์แต่ละรายการ
- ขนาดความเสี่ยงในออเดอร์นั้น ๆ หรือกฎการจัดการความเสี่ยง
- ช่วงเวลาที่เปิดออเดอร์
- รายละเอียดออเดอร์แต่ละรายการ
- สภาพจิตใจของคุณตลอดเวลาที่รายการเปิด (ตั้งแต่เปิดจนปิด)
- การวิเคราะห์รายการเทรดหลังออเดอร์ปิด
เช่นเดียวกับ แผนการเทรด คุณควรสร้างรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันซึ่งรวมถึงการจดไดอารี่ไว้ด้วย และเมื่อทำสำเร็จก็ “ติ๊กเครื่องหมายถูก” ลงไป วิธีง่าย ๆ นี้จะช่วยให้คุณสร้างวินัยในการทำสิ่งที่จำเป็นให้ครบทุกข้อ การได้เห็นว่างานถูกทำจนสำเร็จ (โดยเฉพาะงานที่จำเป็นสำหรับผลลัพธ์ระยะยาว) จะกระตุ้นให้เราทำสิ่งดี ๆ แบบนี้ต่อไป
ทำไมคุณถึงเปิดออเดอร์ในการเทรดออปชั่นไบนารี
การเทรดแบบสะเปะสะปะไม่เคยนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี แต่ตรงกันข้าม มักจะทำให้เสียเงินทุนอย่างง่ายดาย เมื่อคุณเริ่มเทรดออปชั่นไบนารี คุณจะคิดถึงเรื่องอะไร? แน่นอนเรื่องจุดเข้าเทรดว่าจะเปิดออเดอร์ “ขึ้น” หรือ “ลง” วิธีค้นหาสัญญาณเพื่อเปิดออเดอร์มีนับหมื่น แต่ความหลากหลายนี้อาจกระทบต่อผลลัพธ์ของคุณในทางลบนักเทรดมือใหม่มักจะเปลี่ยนกลยุทธ์ไปเรื่อย ๆ พอเทรด 2-3 ออเดอร์แล้วไม่ถูกใจ ก็เปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่น วนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผลลัพธ์ก็คือส่วนใหญ่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง
หลังจากผ่านไปหลายสิบหรืออาจถึงร้อยกลยุทธ์ มือใหม่บางคนอาจคิดว่าตัวเอง “เก๋า” พอจะไม่ต้องใช้กลยุทธ์ใด ๆ แล้ว หันไปเทรดตามสัญชาตญาณล้วน ๆ สรุปจะแนวไหนก็ยังขาดการบันทึกรายละเอียด สุดท้ายจะสับสนว่า “ออเดอร์ไหนดีหรือไม่ดี?” ทำให้ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง นี่คือกับดักของผู้เริ่มต้นบนออปชั่นไบนารีจำนวนมาก
ทุกเทรดเดอร์จำเป็นต้องรู้ว่าอะไรทำกำไร และอะไรทำให้ขาดทุน! ดังนั้น ในไดอารี่การเทรดของคุณ ต้องจดทุกครั้งว่า “ทำไมถึงเปิดออเดอร์นี้” เนื่องจากหลายคนใช้มากกว่าหนึ่งกลยุทธ์เพื่อหาสัญญาณที่หลากหลาย ถ้าคุณไม่บันทึกแยกให้ชัด ในภายหลังคุณจะจำไม่ได้เลยว่าแต่ละรายการมาจากความคิดหรือสัญญาณกลยุทธ์ใด
การจับภาพหน้าจอ (Screenshots) ของรายการเทรดออปชั่นไบนารี
การจับภาพหน้าจอเป็นเครื่องมือช่วยวิเคราะห์การเทรดที่ดีมาก เพราะคุณจะเห็นภาพชัดเจนว่ากลยุทธ์นั้น ๆ ทำงานอย่างไรในจังหวะที่เปิดและปิดออเดอร์ ปัจจุบันมีโปรแกรมที่ช่วยให้คุณเซฟภาพได้ง่ายเพียงคลิกเดียว จึงไม่เสียเวลาเท่าไรโดยปกติ เทรดเดอร์ออปชั่นไบนารีจะจับภาพสองครั้ง:
- ตอนเปิดออเดอร์
- ตอนออเดอร์ปิด (รู้ผลลัพธ์)
อีกวิธีที่ดีคือ การใส่สัญลักษณ์ชี้จุดเข้าและเหตุผลลงในภาพเลย และบางคนจะแบ่งภาพเป็นสองส่วน ฝั่งซ้ายแสดงกราฟที่ใช้ดูสัญญาณ (เช่น MT4/MT5, Trading View หรือกราฟสดอื่น ๆ) ฝั่งขวาแสดงหน้าแพลตฟอร์มเทรดของผู้ให้บริการออปชั่นไบนารี ทั้งตอนเปิดและปิดออเดอร์ วิธีนี้ช่วยให้คุณรู้ว่ากลยุทธ์เดียวกันให้ผลต่างกันหรือไม่ หากใช้แพลตฟอร์มต่างกัน เพราะผู้ให้บริการแต่ละรายอาจใช้แหล่งราคาคนละเจ้ากัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเทรดผ่านแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการออปชั่นไบนารีที่มีเครื่องมือวิเคราะห์ครบนัก ก็อาจไม่ต้องแยกจอภาพสองส่วนก็ได้
รายละเอียดของรายการเทรดในไดอารี่ของเทรดเดอร์ออปชั่นไบนารี
หลังจากเปิดออเดอร์แล้ว ก่อนที่รายการจะจบ คุณมักมีเวลาว่างอยู่บ้าง ให้ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า เพราะจ้องกราฟเฉย ๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรอยู่ดี เขียนรายละเอียดออเดอร์ที่ทำการเปิดไว้ในไดอารี่สิ่งที่ควรใส่ลงไป เช่น:
- เหตุผลที่เปิดออเดอร์
- ข้อสังเกตส่วนตัว
- สมมติฐานที่คาดการณ์
- เหตุผล: คาดว่าราคาจะกลับตัวที่แนวรับ/ต้าน
- ข้อสังเกต: แนวนี้เป็นจุดที่มีผู้เล่นตลาดสนใจมาก ราคามักเด้งกลับหลายครั้ง จึงคิดว่าแนวนี้มีความแข็งแกร่ง
- สมมติฐาน: ราคาน่าจะเคลื่อนที่อยู่ต่ำหรือสูงกว่าแนวรับ/ต้านนี้สัก 30 นาที เพียงพอที่จะปิดกำไร หากแนวนี้ถูกเบรก จะรอเปิดออเดอร์อีกครั้งไปตามทิศทางเทรนด์
การลงทุนต่อออเดอร์และปริมาณการเทรดในออปชั่นไบนารี
คุณเคยสังเกตไหมว่า บางครั้งจำนวนเงินที่ใส่ในออเดอร์จะเปลี่ยนไปตามอารมณ์ในการเทรด? แม้คุณอาจเคยอ่านเรื่อง การจัดการเงินทุน หรือ การจัดการความเสี่ยง มาแล้ว แต่ในความจริงอารมณ์ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อจำนวนเงินลงทุนตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้เงินลงทุนเปลี่ยนแปลง:
- อารมณ์ที่คุณกำลังเผชิญ (ความกลัว ความตื่นเต้น ความดีใจ) ซึ่งอาจกระตุ้นให้คุณเพิ่มหรือลดเงินเดิมพัน
- ความมั่นใจในจุดเข้าเทรด
- ความกังวลเรื่องเงินทุน (อยากได้คืนเร็ว ๆ)
- ความสุขแบบชั่ววูบ (รู้สึกว่าอยากได้กำไรมาก ๆ)
- ความไม่แน่ใจ (จึงใส่เงินน้อยลง)
แต่คุณจะไม่มีทางรู้ได้เลย ถ้าไม่จดบันทึกไดอารี่การเทรดอย่างสม่ำเสมอ
ศึกษาบันทึกการเทรดหรือไดอารี่เทรดเดอร์ของคุณ
การเก็บข้อมูลการเทรดอย่างละเอียดถือว่าดีแล้ว แต่หากไม่ย้อนกลับมาศึกษาก็ไม่มีประโยชน์อะไร การจดไดอารี่เพียงเพื่อ “ทำให้ดูเหมือนมืออาชีพ” แต่ไม่เคยนำข้อมูลมาวิเคราะห์จริง ๆ นั้น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด ๆ จำเป็นต้องหมั่นเปิดมาดูและประเมินสิ่งที่บันทึกไว้ขอแนะนำให้คุณทบทวนไดอารี่การเทรดเป็นประจำ อย่างน้อยก็ทุกสิ้นสัปดาห์ ช่วงที่ตลาด Forex ปิด (ยกเว้นคริปโต) ลองถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้:
- ความเสี่ยงเป็นไปตามมาตรฐานที่ตั้งไว้ไหม? ถ้าไม่ ทำไมถึงละเมิดกฎการจัดการความเสี่ยง?
- ผลลัพธ์ตรงตามคาดไหม? ถ้าไม่ตรง ทำไม?
- มีอะไรบ้างที่ควรปรับปรุงในกลยุทธ์?
- อารมณ์ระหว่างการเทรดเป็นอย่างไร? ช่วงไหนที่อารมณ์เปลี่ยน?
- จำนวนเงินที่ลงทุนเปลี่ยนตามอารมณ์หรือไม่?
- คุณยึดตามแผนการเทรดหรือเปล่า? ถ้าไม่ได้ทำ ทำไม?
- เปิดออเดอร์แบบมีเหตุผลหรือเปิดแบบเร่งรีบ? ทำไม?
- คุณสรุปบทเรียนอะไรได้จากการเทรดครั้งนี้?
- ความเสี่ยงยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ไม่มีการละเมิดกฎ
- ไม่ใช่ทุกออเดอร์จะกำไรตามที่หวังอยู่แล้ว เพราะไม่มีกลยุทธ์ใดแม่นยำ 100%
- ออเดอร์บางส่วนขาดทุนเพราะมีข่าวเข้ามากระทบ ฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับข่าวมากขึ้น
- ตอนเริ่มต้นเทรดอารมณ์นิ่ง แต่เมื่อเจอขาดทุนหลายไม้ติด มีความรู้สึกอยากแก้มือ (Revenge trade)
- จำนวนเงินลงทุนไม่เปลี่ยนตามอารมณ์ ถ้าอารมณ์เสียผมหยุดเทรดทันที
- ไม่ได้เบี่ยงเบนจากแผนการเทรด
- บางออเดอร์เปิดเร็วเกินไป เพราะกลัวพลาดโอกาสทำกำไร
- 1) ยอมรับว่าพลาดโอกาสยังดีกว่าขาดทุน 2) หมั่นติดตามข่าวมากขึ้น 3) หาวิธีหยุดการเทรดแบบเอาคืน
พัฒนาทักษะการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
การพัฒนาตัวเองนั้นไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะในการเทรดออปชั่นไบนารีหรือการเทรดทุกรูปแบบ ยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไร ก็จะยิ่งพบว่ามีสิ่งที่ยังไม่รู้มากมายดังนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะหยุดพัฒนา เพียงแต่ไม่ควรรับความรู้ใหม่ทีเดียวมากเกินไป เพราะอาจทำให้งงและยิ่งเทรดได้แย่ลง ให้ค่อย ๆ ทำทีละขั้น
หากคุณเทรดได้กำไรแล้ว ควรมุ่งเน้นรักษาระดับผลลัพธ์ให้มั่นคงก่อน:
- ศึกษากลยุทธ์ที่คุณใช้ให้ละเอียดขึ้น
- วิเคราะห์ไดอารี่การเทรดเพื่อหารูโหว่และแนวทางปรับปรุง
- ลองปรับใช้วิธีเทรดที่อัปเดตแล้ว
- เทคนิคการจัดการเงินทุน (Money management)
- กลยุทธ์การเทรดแบบใหม่
- จิตวิทยาการเทรดขั้นสูง
- วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลจากไดอารี่การเทรด
การเทรดออปชั่นไบนารีเป็นงานที่เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด คุณจะเจอหัวข้อใหม่ ๆ ที่ไม่เคยได้ยินตลอดเวลา แต่สิ่งนี้ไม่ได้กีดกันให้คุณต้องเรียนทุกอย่าง คุณสามารถเลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่สนใจหรือจำเป็นจริง ๆ ความอิสระคือเสน่ห์ของการเทรด ขอแค่คุณมีรากฐานสำคัญ เช่น การจัดการความเสี่ยง, จิตวิทยาการเทรด และ วินัยในการเทรด อยู่ในมือ
ศึกษาสถิติการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
หากการเทรดของคุณได้กำไรสม่ำเสมอ แสดงว่าต้องมีเหตุปัจจัยที่ชัดเจน และถ้าคุณขาดทุนบ่อย ๆ ก็ย่อมมีสาเหตุเช่นกัน แต่คุณตอบได้ทันทีไหมว่า “ทำไม?” ผมเชื่อว่าหลายคนตอบไม่ได้การศึกษาสถิติจะช่วยให้คุณเข้าใจ “ทำไม” เทรดของคุณจึงออกมาแบบนี้ คุณอาจคิดว่า “แล้วจะรู้ไปทำไม?” แต่จริง ๆ แล้ว มันคือหัวใจสำคัญของการสร้างผลลัพธ์ที่ดีหรือการแก้ไขผลลัพธ์ที่แย่
แม้คุณจะทำกำไรได้มาก ก็จดบันทึกและวิเคราะห์ต่อไป เพราะตลาดอาจเปลี่ยนแปลงจนคุณไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดิมได้ตลอด ถ้าวันใดตลาดเปลี่ยนแล้วคุณไม่มีข้อมูลย้อนหลังให้ดู คุณก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้เลย
ถ้าคุณเทรดขาดทุนเรื่อย ๆ ยิ่งต้องมีไดอารี่เก็บสถิติไว้ เพื่อดูว่าอะไรผิดพลาดและจะแก้ไขอย่างไร เพราะการก้าว “ออกนอกทาง” แม้เพียงนิดเดียวในตลาดนี้อาจหมายถึงการเสียเงินก้อนใหญ่
สถิติการเทรดมีไว้ทำไม และควรทำอย่างไรกับข้อมูลเหล่านั้น
โดยสรุป สถิติการเทรดมีไว้ 2 อย่างหลัก ๆ:- หาสิ่งที่ทำงานได้ดี หรือปรับปรุงให้ดีขึ้น
- ค้นหาสิ่งที่ไม่ได้ผล และตัดทิ้ง
- สินทรัพย์ใดที่มักสร้างกำไรได้สูง (จะได้เน้นเทรด)
- ช่วงเวลาไหนที่เทรดแล้วได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
- ระดับความเสี่ยงแบบไหนเหมาะกับวิธีเทรดปัจจุบัน
- เราอาจต้องมีแผนเทรดแบบเฉพาะตัว
- เวลา expiration ที่ดีที่สุด
- ต้องมีตัวกรองสัญญาณเพิ่มไหม? ต้องใช้อินดิเคเตอร์เพิ่มหรือเปล่า?
- จำนวนออเดอร์ที่เหมาะสมต่อหนึ่งช่วงการเทรด
- ในสถานการณ์ไหนกลยุทธ์เริ่มให้ผลแย่
- สภาวะอารมณ์ระหว่างเทรดคงที่หรือไม่? ถ้าไม่คงที่ ต้องแก้ยังไง?
- ข่าวเศรษฐกิจแบบไหนที่ควรหลีกเลี่ยง?
- มีวันไหนของสัปดาห์ที่เทรดแล้วแย่ตลอด?
- กำไรสูงสุดและการขาดทุนสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อไร? เพราะอะไร? ปรับได้ไหม?
ไดอารี่เทรดเดอร์: อยู่ไม่ได้หากขาดมัน
เห็นไหมว่ามีหลายอย่างที่ต้องจดในไดอารี่เทรด—มันดูเยอะ น่าเบื่อ และเป็นงานซ้ำซาก แต่จำไว้ว่าคุณไม่สามารถลดขั้นตอนนี้ได้ ถ้าแค่อยากเสียเงินอย่างเดียว คุณไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าคุณไม่ได้มาที่ออปชั่นไบนารีเพื่อเสียเงินการเทรดก็เหมือนงานอย่างหนึ่ง มีส่วนที่สนุก และส่วนที่ซ้ำซาก ไดอารี่การเทรดจัดอยู่ในส่วนหลัง คุณจึงต้องสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองทำสิ่งที่ “ไม่ค่อยอยากทำ” แต่จำเป็นต้องทำ
ไดอารี่การเทรดเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ดีที่สุดของคุณ เคยลองกี่กลยุทธ์แล้ว? หลายคนลองมาจนจำไม่ได้ บ้างก็ไม่รู้ว่าที่ไม่มีกำไรเป็นเพราะกลยุทธ์มันไม่ดีจริง ๆ หรือใช้ไม่ถูกวิธี และถ้าคุณไม่มีไดอารี่ สุดท้ายก็อาจไม่รู้ว่า “พลาดตรงไหน” เพราะคุณไม่มีข้อมูลย้อนกลับให้ดู
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเขียนไดอารี่ยังไงให้ถูกต้องแน่นอน คุณสามารถเขียนในแบบของคุณ อาจใส่อารมณ์ เสียดสีตัวเองเวลาพลาด เยาะเย้ยตัวเองเวลาโง่ เพื่อกระตุ้นให้ครั้งหน้าระวังมากขึ้น บางคนดุว่าตัวเองในไดอารี่ จะได้ไม่อยากกลับไปเป็น “คนโง่คนเดิม” อีก มันเป็นวิธี “จิตวิทยา” แบบหนึ่งที่เห็นผลจริง
ที่สำคัญคือ คุณไม่จำเป็นต้องโชว์ไดอารี่ให้ใครดู จึงไม่ต้องเขินหรืออายใด ๆ เขียนไปตามความจริงให้มากที่สุด มันจะกลายเป็นกระจกสะท้อนตัวคุณในฐานะเทรดเดอร์ และยังเป็นผู้ช่วยและพี่เลี้ยงที่ดี ยิ่งคุณลงทุนเวลากับไดอารี่มากเท่าไร มันจะยิ่งให้ผลตอบแทนคืนมาในรูปของกำไรที่สม่ำเสมอ
ไดอารี่การเทรด: บทสรุปและข้อสรุปที่สำคัญ
การจดไดอารี่การเทรดถือเป็น “ข้อบังคับ” ที่เทรดเดอร์ทุกคนควรทำ—หวังว่าคุณคงเข้าใจหลังอ่านบทความนี้ การเทรดของคุณควรเริ่มต้นที่ไดอารี่ (วางแผนการเทรด) และจบลงที่ไดอารี่ (วิเคราะห์การเทรด)เมื่อไดอารี่กลายเป็นสิ่งจำเป็น จงพยายามเปลี่ยนมันให้เป็น “เกมส์” ที่สนุก และรางวัลคือการพัฒนาผลลัพธ์ของคุณ ถ้าทำได้ คุณจะได้ผลตอบแทนที่งดงาม แต่ถ้าทำไม่ได้ คุณจะเลิกจดไดอารี่ไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พลาดโอกาสเก็บข้อมูลสำคัญที่ช่วยเพิ่มกำไรได้อย่างมหาศาล
บทวิจารณ์และความคิดเห็น