ออปชั่นไบนารี: ประเภทและจุดเด่นสำคัญ (2025)
Updated: 06.05.2025
ออปชั่นไบนารีหลากหลายรูปแบบและลักษณะ: ประเภทและชนิดของออปชั่นจากแพลตฟอร์มต่างๆ (2025)
เมื่อออปชั่นไบนารี (Binary Options) ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรก มีเพียงรูปแบบเดียวคือออปชั่น “Up/Down” ซึ่งเทรดเดอร์จะได้รับกำไรหากทำนายทิศทางราคาได้ถูกต้อง
แต่ปัจจุบันมีออปชั่นอีกหลากหลายประเภทที่คุณจะพบเจอในโลกการเทรด การรู้จักและเข้าใจหลักการทำงานของแต่ละประเภทล่วงหน้าจะไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะมันเปิดโอกาสให้เรามีอิสระในการวางกลยุทธ์ได้อย่างเต็มที่
เมื่อจะเปิดออเดอร์ มีเพียงสองปุ่มคือ Up และ Down ให้เลือก ซึ่งบ่งบอกทิศทางที่คุณคาดว่าราคาจะไปหลัก ๆ คือการตัดสินใจว่าราคาจะอยู่สูงหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันเพียง 1 จุดหรือมากกว่า ณ เวลาหมดอายุ (expiration) หากเทรดเดอร์คาดว่าราคาจะ “ขึ้น” ก็เลือกเวลาดำเนินการ (expiration time) แล้วกดเปิดออเดอร์ Up ซึ่งเป็นการเปิดดีล ณ ราคาปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ดีลจะปิดและทำการคำนวณผลดังนี้:
หากดีลปิดที่ราคาเดียวกับตอนเปิด ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มเทรดออปชั่นไบนารีจะคืนเงินลงทุนให้ แต่บางรายอาจไม่มีกฎนี้ ควรตรวจสอบเงื่อนไขการเทรดกับผู้ให้บริการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
ออปชั่น Up/Down เองยืดหยุ่นในการเลือกเวลาหมดอายุ ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายเดือน ยิ่งหมดอายุนานเท่าไร ราคาก็ยิ่งมีโอกาสขยับไกลจากจุดเปิดมากขึ้น (หากคุณคาดการณ์ถูก ทิศทางก็เสี่ยงน้อยลง)
ตัวอย่างเช่น การเปิดออเดอร์ Down ในออปชั่น Up/Down ตามทิศทางเทรนด์:
กล่าวง่ายๆ คือ:
ช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญๆ ประกาศถือเป็นโอกาสที่ดี ราคามักเคลื่อนไหวแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทำให้ดีล High/Low สามารถสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง
เช่น ตัวอย่างการเปิด “Higher” เมื่อมีข่าวเศรษฐกิจหนุนให้ราคาพุ่ง: ต่างจาก Up/Down แบบทั่วไป ออปชั่น High/Low ส่วนใหญ่เน้นเวลาหมดอายุที่ยาวกว่า (เช่น 30-45 นาทีขึ้นไป) เพื่อให้ราคามีเวลาวิ่งผ่านระดับที่กำหนด
ช่วงที่ไม่น่าใช้ One Touch คือช่วงไซด์เวย์ เพราะราคาอาจไม่ไปแตะจุดที่ตั้งไว้
แนะนำให้เทรดเดอร์วิเคราะห์กราฟเป็น สามารถหาแนวรับ-แนวต้านได้ เพราะหากเป็นระดับแข็งแรง ราคาอาจทะลุได้ยาก และเสี่ยงปิดดีลขาดทุน
ตัวอย่างเช่น: โดยปกติจะนิยมใช้อายุสัญญาประมาณ 15 นาทีขึ้นไป หากยิ่งกำหนดเวลานาน จุดราคาที่ยังไม่ได้แตะจะยิ่งตั้งห่างขึ้น ทำให้การวิเคราะห์ยิ่งท้าทาย
ถ้าเป็นเทรนด์ ก็เน้นหาเวลาที่ราคาน่าจะวิ่งไปทางเดียวโดยไม่มีการย่อแรงหรือพักตัวลึกๆ เปิดดีลให้ระดับ No Touch อยู่คนละฝั่งกับทิศทางเทรนด์
ถ้าเป็นไซด์เวย์ ต้องวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้านและกรอบราคาออก เพื่อให้แน่ใจว่าระดับที่ตั้งไว้อยู่ “นอก” กรอบ จึงมีโอกาสน้อยที่ราคาจะกระโดดไปแตะจุดนั้น
ตัวอย่างช่วงไซด์เวย์: No Touch เลือกกำหนดเวลาหมดอายุได้หลากหลายเช่นกัน เวลาที่ยาวอาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะแม้ราคาจะมีเวลากลับตัวไปแตะระดับได้มากขึ้น แต่ถ้าราคายังวิ่งไปอีกทางก็จะเพิ่มโอกาสที่เราจะชนะได้เช่นกัน
หน้าที่ของเทรดเดอร์คือหาเวลาเมื่อราคากำลังเคลื่อนตัวในลักษณะไซด์เวย์ พร้อมกำหนดขอบเขตราคาปัจจุบัน แล้วเปรียบเทียบกับช่องราคาของออปชั่น “Border” หากเงื่อนไขตรงกัน ก็สามารถเปิดดีลได้ ในการใช้ออปชั่น “Range” ระยะเวลาหมดอายุ (expiration) จะมีผลโดยตรงต่อความกว้างของช่องราคา — ถ้ายิ่งกำหนดเวลายาว ช่องราคาจะยิ่งแคบลง และในทางกลับกัน
หน้าที่ของเทรดเดอร์คือมองหาเวลาที่ราคาจะเข้าสู่โหมดเทรนด์ หรือช่วงที่ไซด์เวย์สิ้นสุดและราคากำลังวิ่งเข้าสู่เทรนด์ ในตลาดไซด์เวย์ ออปชั่นชนิดนี้จะไม่ตอบโจทย์ ยิ่งเทรดเดอร์ตั้งเวลาหมดอายุ (expiration) นานขึ้น ช่องราคาก็จะกว้างขึ้นตาม
อย่างไรก็ดี การเทรด tick option คล้ายการเสี่ยงโชคหรือเล่นเกมมากกว่าจะเป็นการเทรดตามหลัก เพราะยากมากที่เทรดเดอร์—even มืออาชีพ—จะคาดเดาราคาภายในไม่กี่วินาทีได้แม่นยำ
ปกติแล้ว Ladder มักให้เงื่อนไขไม่เอื้อต่อเทรดเดอร์นัก บางกรณีอาจต้องเทรดสวนเทรนด์ หรือถ้าราคาอยู่ในไซด์เวย์ ระดับ Ladder ก็ตั้งไว้ไกลกว่าช่องราคาปกติมาก
เทรดเดอร์ต้องประเมินศักยภาพการเคลื่อนตัวของราคา กำหนดทิศทางและระดับที่เหมาะสม ออปชั่น Ladder มักใช้ได้ดีกับช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งราคามีแนวโน้มวิ่งแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น หาก Apple ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และหุ้นปรับตัวขึ้น ในขณะที่ Google ไม่มีข่าวใหญ่ใดๆ ราคาหุ้น Google เมื่อเทียบกับ Apple ก็จะดู “อ่อนตัว” ลง
พูดให้ง่ายขึ้น หลักการของ CFD คือ:
โดยทั่วไป เทรดเดอร์มักตั้งค่า CFD ให้กำไรที่เป็นไปได้ (potential profit) สูงกว่าการขาดทุน (loss) 4-5 เท่า เพื่อให้เป็นเช่นนั้นได้ ราคาต้องวิ่งตามเทรนด์เป็นเวลานาน
ช่วงที่ข่าวเศรษฐกิจสำคัญออกก็มักสร้างเงื่อนไขลักษณะนี้ แต่ถึงไม่มีข่าวก็ยังมีจุดเข้าเทรดมากมาย หากเทรดเดอร์มีความรู้วิเคราะห์กราฟด้านเทคนิคและประเมินแนวโน้มราคาได้ดี
วิธีการทำงานของ Forex option:
เทรดเดอร์ใช้ออปชั่น Forex คล้ายกับการเทรด CFD
ออปชั่นไบนารีที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) ก็มักมาพร้อมความเสี่ยงสูง ยกเว้นบางทีอาจเป็น CFD แต่ไม่ใช่ทุกคนจะถนัด เพราะมีความซับซ้อนกว่าออปชั่นทั่วไปหลายเท่า
ท้ายที่สุด การเลือกเครื่องมือเทรดเป็นการตัดสินใจของคุณ อาจลองได้ทุกแบบก็ไม่ผิด แต่จะคุ้มค่าจริงหรือ? สำหรับออปชั่นแปลกใหม่ (exotic) มักไม่ค่อยมีกลยุทธ์รองรับมากเท่าออปชั่นคลาสสิกอย่าง Up/Down ซึ่งมีเครื่องมือและแนวทางหลากหลายมาก
สำหรับมือใหม่ ขอแนะนำให้เริ่มต้นกับออปชั่นแบบคลาสสิกก่อน เพราะเข้าใจง่าย ช่วยให้เห็นภาพรวมการเทรดบนออปชั่นไบนารีได้ชัด และเปิดโอกาสให้ค่อยๆ พัฒนาทักษะ ส่วนเทรดเดอร์มากประสบการณ์อาจไม่ต้องการคำแนะนำ เพราะมักรู้ดีอยู่แล้วว่าควรเทรดอะไรและอย่างไรเพื่อให้ได้ผลกำไรสม่ำเสมอ
สุดท้ายนี้ “เนยฟรีมีในกับดักหนูเท่านั้น!” อย่าโลภจนเกินไป — คุณไม่สามารถกอบโกยเงินได้ทั้งหมด และกำไรก็ไม่ได้หนีคุณไปไหน!
แต่ปัจจุบันมีออปชั่นอีกหลากหลายประเภทที่คุณจะพบเจอในโลกการเทรด การรู้จักและเข้าใจหลักการทำงานของแต่ละประเภทล่วงหน้าจะไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะมันเปิดโอกาสให้เรามีอิสระในการวางกลยุทธ์ได้อย่างเต็มที่
เนื้อหา
- Up/Down Binary Option or Call/Put
- High/Low Binary Option
- One Touch Binary Option
- No Touch Binary Option
- Binary option Boundary, Channel, Range
- Binary Option "Out of Bound" หรือ "Out of Range"
- Turbo binary option หรือ tick option
- Spread binary option
- Binary Option Ladder
- Pair binary option
- CFD หรือ Contract For Difference options
- Digital binary option
- Forex หรือ CFD option บน Binary Options
- ควรเลือกออปชั่นชนิดไหนในการเทรด: อันไหนดีกว่ากัน?
Binary option Up/Down หรือ Call/Put
ออปชั่นไบนารีแบบ Up/Down คือรูปแบบที่ง่ายที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุด (มักเรียกอีกชื่อว่าออปชั่นแบบคลาสสิก) ซึ่งคุณอาจได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเทรดรูปแบบนี้เมื่อจะเปิดออเดอร์ มีเพียงสองปุ่มคือ Up และ Down ให้เลือก ซึ่งบ่งบอกทิศทางที่คุณคาดว่าราคาจะไปหลัก ๆ คือการตัดสินใจว่าราคาจะอยู่สูงหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบันเพียง 1 จุดหรือมากกว่า ณ เวลาหมดอายุ (expiration) หากเทรดเดอร์คาดว่าราคาจะ “ขึ้น” ก็เลือกเวลาดำเนินการ (expiration time) แล้วกดเปิดออเดอร์ Up ซึ่งเป็นการเปิดดีล ณ ราคาปัจจุบัน เมื่อถึงเวลาหมดอายุ ดีลจะปิดและทำการคำนวณผลดังนี้:
- ถ้าราคาปิด ณ เวลาหมดอายุอยู่สูงกว่าราคาเปิดแม้เพียง 1 จุด เทรดเดอร์จะได้รับผลตอบแทนคงที่ ซึ่งทราบล่วงหน้าก่อนเปิดดีล
- ถ้าราคา ณ เวลาหมดอายุต่ำกว่าราคาเปิด เทรดเดอร์จะสูญเงินลงทุนทั้งหมดในดีลนั้น
การใช้ Binary Option "Up/Down" ในการเทรด
ออปชั่นไบนารีแบบ “Up/Down” สามารถใช้ได้ทั้งตอนที่ราคาเป็นเทรนด์หรือแม้กระทั่งในภาวะไซด์เวย์ สิ่งเดียวที่สำคัญคือ ณ เวลาหมดอายุ ราคาต้องเคลื่อนไปในทิศทางที่เราคาดการณ์อย่างน้อย 1 จุดหากดีลปิดที่ราคาเดียวกับตอนเปิด ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มเทรดออปชั่นไบนารีจะคืนเงินลงทุนให้ แต่บางรายอาจไม่มีกฎนี้ ควรตรวจสอบเงื่อนไขการเทรดกับผู้ให้บริการเทรดออปชั่นไบนารีของคุณ
ออปชั่น Up/Down เองยืดหยุ่นในการเลือกเวลาหมดอายุ ตั้งแต่ไม่กี่วินาทีไปจนถึงหลายเดือน ยิ่งหมดอายุนานเท่าไร ราคาก็ยิ่งมีโอกาสขยับไกลจากจุดเปิดมากขึ้น (หากคุณคาดการณ์ถูก ทิศทางก็เสี่ยงน้อยลง)
ตัวอย่างเช่น การเปิดออเดอร์ Down ในออปชั่น Up/Down ตามทิศทางเทรนด์:
- หากเปิด Up จะกำไรถ้าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด
- หากเปิด Down จะกำไรถ้าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
High/Low binary option
ออปชั่น High/Low เป็นรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น และให้ผลตอบแทนมากกว่า Up/Down แบบปกติ แม้เทรดเดอร์ยังคงต้องทำนายทิศทางราคา แต่ในขณะเดียวกัน ออปชั่นนี้จะกำหนด “ระดับราคา” (สูงหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) เอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งราคาต้องผ่านเกณฑ์นั้น ณ เวลาหมดอายุ จึงจะถือว่าดีลนี้ทำกำไรกล่าวง่ายๆ คือ:
- สมมติคุณคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น จึงเปิดออเดอร์ “Higher”
- ดีลจะเปิดที่ราคาปัจจุบัน แต่ตอนเปิดจะถือว่าอยู่ในสถานะ “ขาดทุน” ก่อน เพราะเราจำเป็นต้องผ่านระดับราคาที่กำหนด
- หากเมื่อปิดดีล ราคาสูงกว่าระดับที่ตั้งไว้ คุณจะได้ผลตอบแทนที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดดีล
- แต่ถ้าปิดดีลแล้วราคาต่ำกว่าระดับนั้น ก็จะขาดทุนเท่าจำนวนเงินที่ลงทุนในดีลนั้น
การใช้ Binary Option High/Low ในการเทรด
ออปชั่น “Higher/Lower” เหมาะกับสภาวะที่ราคาเป็นเทรนด์ ช่วงไซด์เวย์มักไม่ตอบโจทย์ เพราะราคาค่อนข้างนิ่งและอาจไม่ผ่านระดับที่กำหนดช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญๆ ประกาศถือเป็นโอกาสที่ดี ราคามักเคลื่อนไหวแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ทำให้ดีล High/Low สามารถสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง
เช่น ตัวอย่างการเปิด “Higher” เมื่อมีข่าวเศรษฐกิจหนุนให้ราคาพุ่ง: ต่างจาก Up/Down แบบทั่วไป ออปชั่น High/Low ส่วนใหญ่เน้นเวลาหมดอายุที่ยาวกว่า (เช่น 30-45 นาทีขึ้นไป) เพื่อให้ราคามีเวลาวิ่งผ่านระดับที่กำหนด
One Touch Binary Option
ออปชั่นไบนารีแบบ One Touch หมายถึง เมื่อราคา “แตะ” ระดับที่กำหนดไว้เพียงครั้งเดียวก่อนหมดอายุ ดีลจะปิดด้วยกำไรทันที กลไกของ “One Touch” คือ:- เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางราคา (เช่น ลง) แล้วเปิดออเดอร์
- จะมีการกำหนด “ระดับราคา” ไว้ใต้ราคาปัจจุบัน ซึ่งทราบก่อนเปิดดีล
- ถ้าราคาสามารถแตะระดับที่กำหนดได้แม้ครั้งเดียวก่อนหมดอายุ ดีลจะปิดทันทีพร้อมผลกำไร
- แต่ถ้าหมดอายุแล้วราคายังไม่แตะระดับนั้น ดีลจะแพ้และสูญเงินลงทุน
การใช้ One Touch Binary Option ในการเทรด
ออปชั่นนี้จะทำกำไรได้ดีในช่วงที่เกิดแรงส่งของราคา (trend impulse) หรือเทรนด์แข็งแรง เช่น ตอนราคาย่อหรือตอนราคาทะลุระดับแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญช่วงที่ไม่น่าใช้ One Touch คือช่วงไซด์เวย์ เพราะราคาอาจไม่ไปแตะจุดที่ตั้งไว้
แนะนำให้เทรดเดอร์วิเคราะห์กราฟเป็น สามารถหาแนวรับ-แนวต้านได้ เพราะหากเป็นระดับแข็งแรง ราคาอาจทะลุได้ยาก และเสี่ยงปิดดีลขาดทุน
ตัวอย่างเช่น: โดยปกติจะนิยมใช้อายุสัญญาประมาณ 15 นาทีขึ้นไป หากยิ่งกำหนดเวลานาน จุดราคาที่ยังไม่ได้แตะจะยิ่งตั้งห่างขึ้น ทำให้การวิเคราะห์ยิ่งท้าทาย
Binary option No Touch
No Touch เป็นรูปแบบตรงข้ามกับ One Touch อย่างสิ้นเชิง จุดมุ่งหมายคือต้องการทำนายว่าราคาจะ “ไม่แตะ” ระดับใดระดับหนึ่ง หลักการของ No Touch:- เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางราคา (เช่น ขึ้น) พร้อมเปิดดีล
- ระบบกำหนด “ระดับราคา” ที่อยู่ใต้ราคาปัจจุบันซึ่งห้ามราคาแตะจนกว่าจะหมดอายุ
- ถ้าราคาแตะระดับนั้นก่อนหมดอายุ ดีลจะปิดทันทีและขาดทุน
- ถ้าหมดอายุแล้วราคาไม่แตะระดับดังกล่าว ถือว่าดีลชนะและเทรดเดอร์ได้กำไรคงที่
การใช้ No Touch Binary Option ในการเทรด
“No Touch” ใช้ได้ทั้งช่วงไซด์เวย์และช่วงราคาวิ่งเป็นเทรนด์ แนวคิดคือต้องคาดการณ์ให้ได้ว่าราคาจะ “ไม่ไปถึง” จุดหนึ่งถ้าเป็นเทรนด์ ก็เน้นหาเวลาที่ราคาน่าจะวิ่งไปทางเดียวโดยไม่มีการย่อแรงหรือพักตัวลึกๆ เปิดดีลให้ระดับ No Touch อยู่คนละฝั่งกับทิศทางเทรนด์
ถ้าเป็นไซด์เวย์ ต้องวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้านและกรอบราคาออก เพื่อให้แน่ใจว่าระดับที่ตั้งไว้อยู่ “นอก” กรอบ จึงมีโอกาสน้อยที่ราคาจะกระโดดไปแตะจุดนั้น
ตัวอย่างช่วงไซด์เวย์: No Touch เลือกกำหนดเวลาหมดอายุได้หลากหลายเช่นกัน เวลาที่ยาวอาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะแม้ราคาจะมีเวลากลับตัวไปแตะระดับได้มากขึ้น แต่ถ้าราคายังวิ่งไปอีกทางก็จะเพิ่มโอกาสที่เราจะชนะได้เช่นกัน
Binary option Boundary, Channel, Range
ออปชั่นไบนารี “Border” หรือ “Range” คือออปชั่นที่ให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้ หากราคาขณะปิดออเดอร์ยังคงอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ระหว่างสองขอบเขต หลักการทำงานของออปชั่นไบนารี “Border”, “Channel” หรือ “Range”:- เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์ในอนาคตอันใกล้ — จะไม่มีการเคลื่อนตัวในลักษณะเทรนด์
- ออปชั่น “Border” หรือ “Range” จะตั้งขอบเขตราคาสูงและต่ำกว่าราคาปัจจุบัน (ขอบเขตทราบล่วงหน้าก่อนเปิดดีล)
- ถ้าราคาขณะปิดออเดอร์ยังอยู่ในช่องราคา (price channel) ที่กำหนด เทรดเดอร์จะได้รับกำไรในอัตราที่ทราบตั้งแต่ก่อนเปิดดีล
- ถ้าราคาขณะปิดออเดอร์อยู่นอกช่องราคา ออเดอร์จะขาดทุนและเทรดเดอร์จะสูญเงินที่ลงทุนในดีลนั้น
การใช้ออปชั่นไบนารี “Border”, “Channel” หรือ “Range” ในการเทรด
อย่างที่คาดได้ ออปชั่น “Border” หรือ “Range” ใช้ในช่วงที่ราคาค่อนข้างนิ่งหรือเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์หรือเทรนด์อ่อนๆ การใช้งานในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญจึงอาจไม่เกิดประโยชน์มากนักหน้าที่ของเทรดเดอร์คือหาเวลาเมื่อราคากำลังเคลื่อนตัวในลักษณะไซด์เวย์ พร้อมกำหนดขอบเขตราคาปัจจุบัน แล้วเปรียบเทียบกับช่องราคาของออปชั่น “Border” หากเงื่อนไขตรงกัน ก็สามารถเปิดดีลได้ ในการใช้ออปชั่น “Range” ระยะเวลาหมดอายุ (expiration) จะมีผลโดยตรงต่อความกว้างของช่องราคา — ถ้ายิ่งกำหนดเวลายาว ช่องราคาจะยิ่งแคบลง และในทางกลับกัน
Binary option "Out of bound" หรือ "Out of range"
ออปชั่นไบนารี “Out of bounds” หรือ “Out of range” เป็นออปชั่นที่เปิดโอกาสให้ทำกำไรได้ หากราคาขณะปิดออเดอร์อยู่ “นอก” ช่วงที่กำหนด กล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบตรงข้ามกับ “Border” หลักการทำงานของออปชั่นไบนารี “Out of Boundary” หรือ “Out of Range”:- เทรดเดอร์คาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ ราคาจะเคลื่อนที่ในลักษณะเทรนด์ — ไม่มีการแกว่งตัวด้านข้างยาวๆ หรือการเคลื่อนตัวแบบไซด์เวย์
- ออปชั่น “Out of bound” หรือ “Out of range” จะตั้งขอบเขตราคาสูงและต่ำจากราคาปัจจุบัน (ทราบล่วงหน้าก่อนเปิดดีล)
- หากขณะปิดออเดอร์ ราคายังคงอยู่ภายในช่องราคานี้ ดีลจะขาดทุน และเทรดเดอร์สูญเงินลงทุน
- หากขณะปิดออเดอร์ ราคาหลุดออกนอกช่องราคา เทรดเดอร์จะได้รับกำไรที่ทราบก่อนเปิดดีล
การใช้ออปชั่นไบนารี “Out of Boundary” หรือ “Out of Range”
ออปชั่นไบนารี “Out of bounds” หรือ “Out of range” เหมาะกับการเทรดในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวแบบเทรนด์ชัดเจน หรือช่วงที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญหน้าที่ของเทรดเดอร์คือมองหาเวลาที่ราคาจะเข้าสู่โหมดเทรนด์ หรือช่วงที่ไซด์เวย์สิ้นสุดและราคากำลังวิ่งเข้าสู่เทรนด์ ในตลาดไซด์เวย์ ออปชั่นชนิดนี้จะไม่ตอบโจทย์ ยิ่งเทรดเดอร์ตั้งเวลาหมดอายุ (expiration) นานขึ้น ช่องราคาก็จะกว้างขึ้นตาม
Turbo binary option หรือ tick option
ออปชั่นไบนารี “Turbo” หรือ tick option เป็นออปชั่นระยะสั้นที่ใช้การเปลี่ยนแปลงของราคาจำนวนเล็กน้อย หลักการทำงานเหมือนกับออปชั่น Up/Down:- เทรดเดอร์คาดการณ์ทิศทางราคา (เช่น ขึ้น) แล้วเปิดดีล “Higher”
- ดีลจะเปิด ณ ราคาปัจจุบัน จากนั้นเริ่มนับ tick
- หากขณะปิดดีล ราคาสูงกว่าราคาเปิดแม้เพียงเล็กน้อย เทรดเดอร์จะได้กำไรตามอัตราที่ทราบก่อนเปิดดีล
- หากขณะปิดดีล ราคาต่ำกว่าราคาเปิด ดีลจะขาดทุนและสูญเงินที่ลงทุน
การใช้ออปชั่นไบนารี “Turbo” หรือ tick option ในการเทรด
ออปชั่นนี้ใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด: เทรนด์ขาขึ้น, ขาลง, ไซด์เวย์ หรือแม้ในช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญอย่างไรก็ดี การเทรด tick option คล้ายการเสี่ยงโชคหรือเล่นเกมมากกว่าจะเป็นการเทรดตามหลัก เพราะยากมากที่เทรดเดอร์—even มืออาชีพ—จะคาดเดาราคาภายในไม่กี่วินาทีได้แม่นยำ
Binary option Spread
ออปชั่นไบนารี “Spread” มีหลักการคล้ายกับออปชั่น “Higher/Lower” โดยต้องคาดการณ์ทิศทางของราคา แต่สิ่งสำคัญคือการประมาณ “ระยะ” หรือ “ความแรง” ของการเคลื่อนที่ด้วย เช่น ต้องให้ราคาตอนปิดดีลสูงขึ้น 20 จุดจากจุดเปิด หลักการทำงานและคำแนะนำในการใช้ Spread จะใกล้เคียงกับ High/Low จึงขอไม่อธิบายซ้ำ ท่านสามารถย้อนดูรายละเอียดในช่วงต้นบทความได้Binary option “Ladder” หรือ Ladder
ออปชั่นไบนารี “Ladder” หรือ “บันได” เป็นออปชั่นที่มีโอกาสทำกำไรสูงมาก แต่ก็ยากต่อการเทรดไปพร้อมกัน ผลตอบแทนบางครั้งอาจพุ่งไปถึง 1000-2000% แต่หากกำไรสูง ความเสี่ยงก็มักสูงตาม หลักการทำงานของออปชั่นไบนารี Ladder:- เทรดเดอร์เลือกหนึ่งในระดับราคาของออปชั่น Ladder ซึ่งยิ่งระดับนั้นอยู่ไกลจากราคาปัจจุบันเท่าไร ศักยภาพกำไรก็จะสูงขึ้น
- ราคาจะต้องไปถึง (หรือ “แตะ”) ระดับที่เลือกไว้ก่อนหมดเวลาการเทรด
- ถ้าราคาแตะระดับที่ตั้งไว้ก่อนหมดอายุ ดีลจะปิดด้วยกำไรที่ทราบล่วงหน้า
- ถ้าราคาไม่แตะระดับดังกล่าวเมื่อถึงเวลา ดีลจะแพ้และสูญเงินลงทุน
การใช้ออปชั่นไบนารี Ladder ในการเทรด
ออปชั่น Ladder อาจให้ผลตอบแทนสูงมากจากดีลที่คาดการณ์ถูกเพียงครั้งเดียว เพราะกำไรอาจแตะ 2000% (เงินลงทุนคูณ 20) อย่างไรก็ดี แพลตฟอร์มเทรดออปชั่นไบนารีย่อมไม่แจกจ่ายผลตอบแทนให้ใครง่ายๆปกติแล้ว Ladder มักให้เงื่อนไขไม่เอื้อต่อเทรดเดอร์นัก บางกรณีอาจต้องเทรดสวนเทรนด์ หรือถ้าราคาอยู่ในไซด์เวย์ ระดับ Ladder ก็ตั้งไว้ไกลกว่าช่องราคาปกติมาก
เทรดเดอร์ต้องประเมินศักยภาพการเคลื่อนตัวของราคา กำหนดทิศทางและระดับที่เหมาะสม ออปชั่น Ladder มักใช้ได้ดีกับช่วงที่มีข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งราคามีแนวโน้มวิ่งแรงในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง
Pairs binary option
ออปชั่นไบนารีแบบจับคู่ หรือ “Pairs” เป็นออปชั่นที่นำราคาสินทรัพย์สองตัวมาวัดกัน (โดยมากเป็นหุ้นหรือดัชนี) เช่นคู่ Apple/Googleตัวอย่างเช่น หาก Apple ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และหุ้นปรับตัวขึ้น ในขณะที่ Google ไม่มีข่าวใหญ่ใดๆ ราคาหุ้น Google เมื่อเทียบกับ Apple ก็จะดู “อ่อนตัว” ลง
Options CFD หรือ Contract For Difference
ออปชั่น CFD หรือ Contract For Difference คือออปชั่นที่แพลตฟอร์มเทรดออปชั่นไบนารีสร้างสรรค์ขึ้นโดยผสานออปชั่นไบนารีเข้ากับ Forex สัญญา CFD เป็นเครื่องมือเทรดที่เทรดเดอร์ทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการเทรดออปชั่นไบนารี โดยกำหนดให้มีการจ่ายส่วนต่างของราคา (ระหว่างการเปิดกับปิด) ให้ฝ่ายที่คาดการณ์ถูกต้องพูดให้ง่ายขึ้น หลักการของ CFD คือ:
- เทรดเดอร์เปิดดีลพร้อมตั้งค่าจำเป็น และเลือกทิศทาง (ขึ้นหรือลง)
- ถ้าราคาเคลื่อนตามที่คาดการณ์ ในแต่ละจุดของการขยับราคา เทรดเดอร์จะได้รับผลตอบแทนตามเลเวอเรจที่ตั้ง
- ถ้าราคาเคลื่อนสวนทาง เทรดเดอร์จะขาดทุนเท่าอัตราเดียวกับตอนทำกำไร ยิ่งราคาขยับออกห่างจุดเข้าเท่าไร ยิ่งขาดทุนมากขึ้น
- เทรดเดอร์สามารถปิดดีลเพื่อรับกำไรหรือขาดทุนได้ทุกเมื่อ
การใช้ออปชั่นไบนารี CFD หรือ Contract For Difference ในการเทรด
CFD หรือ Contract For Difference มักให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงเทรนด์แข็งแรง ถ้าตั้งค่าถูกต้องและคาดการณ์ทิศทางถูกต้องก็อาจทำกำไรได้รวดเร็ว ในอีกด้านหนึ่ง หากการวิเคราะห์ผิดพลาดก็อาจสูญเงินได้เร็วเช่นกันโดยทั่วไป เทรดเดอร์มักตั้งค่า CFD ให้กำไรที่เป็นไปได้ (potential profit) สูงกว่าการขาดทุน (loss) 4-5 เท่า เพื่อให้เป็นเช่นนั้นได้ ราคาต้องวิ่งตามเทรนด์เป็นเวลานาน
ช่วงที่ข่าวเศรษฐกิจสำคัญออกก็มักสร้างเงื่อนไขลักษณะนี้ แต่ถึงไม่มีข่าวก็ยังมีจุดเข้าเทรดมากมาย หากเทรดเดอร์มีความรู้วิเคราะห์กราฟด้านเทคนิคและประเมินแนวโน้มราคาได้ดี
Digital binary option
ออปชั่นไบนารี “Digital” เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเทรดที่มีโอกาสทำกำไรสูงในเวลาสั้น ออปชั่น Digital ทำงานดังนี้:- เทรดเดอร์เลือกหนึ่งในระดับราคา (สูงหรือต่ำกว่าราคาปัจจุบัน) ซึ่งราคาควรจะอยู่เลยระดับนั้นเมื่อปิดออเดอร์ และเลือกทิศทางดีล
- ยิ่งระดับที่เลือกอยู่ไกลจากราคาปัจจุบันมากเท่าไร โอกาสกำไรก็สูงขึ้น
- ถ้าราคาปิดอยู่ด้านที่ถูกต้อง ณ เวลาหมดอายุ เทรดเดอร์จะได้กำไรที่รู้ล่วงหน้าก่อนเปิดดีล
- หากไม่เป็นไปตามคาด ราคาปิดอยู่ด้านตรงข้ามของระดับนั้น เทรดเดอร์จะสูญเงินลงทุน
Forex หรือ CFD option บนออปชั่นไบนารี
Forex option คือการเทรดสัญญา Forex ที่ปรับรูปแบบให้คล้ายกับออปชั่นไบนารี เช่นเดียวกับสัญญา CFD ในออปชั่น Forex เทรดเดอร์จะกำหนด Stop Loss (เงินลงทุนในดีล) และ Take Profit (กำไรเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ปิดออเดอร์อัตโนมัติ) ไว้วิธีการทำงานของ Forex option:
- เทรดเดอร์เปิดออเดอร์ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง (ขึ้นหรือลง)
- ถ้าราคาเคลื่อนไปตามที่คาด เทรดเดอร์จะได้รับกำไรตามจำนวนจุด (pips) ที่เคลื่อน
- ถ้าราคาเคลื่อนไปสวนทาง เทรดเดอร์จะค่อยๆ ขาดทุนตามจำนวน pips เช่นกัน
- ออเดอร์จะปิดเมื่อถึง Stop Loss หรือ Take Profit หรือเทรดเดอร์อาจปิดเองก่อนเวลาก็ได้
เทรดเดอร์ใช้ออปชั่น Forex คล้ายกับการเทรด CFD
ควรเลือกออปชั่นไหนสำหรับเทรด: แบบใดดีกว่ากัน?
อย่างที่เห็น มีออปชั่นไบนารีหลากหลายชนิด โดยแต่ละแบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกัน อัตราผลตอบแทนเมื่อทำนายถูกก็แตกต่างอย่างมาก แล้วควรเลือกแบบใดในการเทรด?ออปชั่นไบนารีที่ให้ผลตอบแทนสูง (High Yield) ก็มักมาพร้อมความเสี่ยงสูง ยกเว้นบางทีอาจเป็น CFD แต่ไม่ใช่ทุกคนจะถนัด เพราะมีความซับซ้อนกว่าออปชั่นทั่วไปหลายเท่า
ท้ายที่สุด การเลือกเครื่องมือเทรดเป็นการตัดสินใจของคุณ อาจลองได้ทุกแบบก็ไม่ผิด แต่จะคุ้มค่าจริงหรือ? สำหรับออปชั่นแปลกใหม่ (exotic) มักไม่ค่อยมีกลยุทธ์รองรับมากเท่าออปชั่นคลาสสิกอย่าง Up/Down ซึ่งมีเครื่องมือและแนวทางหลากหลายมาก
สำหรับมือใหม่ ขอแนะนำให้เริ่มต้นกับออปชั่นแบบคลาสสิกก่อน เพราะเข้าใจง่าย ช่วยให้เห็นภาพรวมการเทรดบนออปชั่นไบนารีได้ชัด และเปิดโอกาสให้ค่อยๆ พัฒนาทักษะ ส่วนเทรดเดอร์มากประสบการณ์อาจไม่ต้องการคำแนะนำ เพราะมักรู้ดีอยู่แล้วว่าควรเทรดอะไรและอย่างไรเพื่อให้ได้ผลกำไรสม่ำเสมอ
สุดท้ายนี้ “เนยฟรีมีในกับดักหนูเท่านั้น!” อย่าโลภจนเกินไป — คุณไม่สามารถกอบโกยเงินได้ทั้งหมด และกำไรก็ไม่ได้หนีคุณไปไหน!
บทวิจารณ์และความคิดเห็น