วิธีเทรดแนวโน้ม จุดพักตัว และตลาดไซด์เวย์ (2025)
Updated: 06.05.2025
วิธีเทรดอย่างถูกต้องในช่วงแนวโน้ม จุดพักตัว และการเคลื่อนไหวไซด์เวย์ (Consolidation) + เรียนรู้การระบุการกลับตัวของเทรนด์ (2025)
ราคาทั้งหมดในตลาดสามารถอธิบายได้ด้วย 3 สภาวะหลัก:
ขาขึ้น (Uptrend) หมายถึงการสร้างจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ใหม่ที่สูงขึ้นกว่าของเดิมเรื่อยๆ: ขาลง (Downtrend) หมายถึงการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลงกว่าของเดิมเรื่อยๆ: จะเห็นได้ว่าระหว่างการเคลื่อนไหวของแนวโน้ม ราคาเคลื่อนที่เป็นคลื่น: หลังจากมีการเคลื่อนที่แรงๆ ไปตามทิศทางของแนวโน้มหลัก ก็มักจะตามมาด้วยการปรับตัวสั้นๆ ตรงข้ามเทรนด์ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปยังทิศทางเดิม
ถ้าให้ดูภาพเชิงโครงสร้าง ขาขึ้นจะเป็นดังนี้:
หลักการใช้งาน ADX ง่ายๆ:
อีกวิธีคือใช้ Bollinger Bands สองชุด:
ตัวอย่างสัญญาณในเทรนด์ขาขึ้น: ตัวอย่างสัญญาณในเทรนด์ขาลง: อย่าลืมตรวจดูว่า High และ Low มีการอัปเดตตามเทรนด์หรือเปล่า เพื่อไม่ให้เข้าไปเจอภาวะไซด์เวย์
สัญญาณขาขึ้นจะเป็นดังนี้: สัญญาณขาลง (ในเทรนด์ขาลง): ข้อเสียของกลยุทธ์นี้คือ บางครั้งราคาอาจไม่ย้อนกลับมาที่แนวรับหรือต้านที่เพิ่งเบรก ทำให้เราพลาดโอกาสเปิดออเดอร์
ข้อสังเกตคือ ราคามักดีดตัวลงเมื่อชนขอบบนของกรอบ และดีดขึ้นเมื่อชนขอบล่าง ถ้าเราระบุกรอบนี้ได้ถูกต้อง ก็สามารถเทรดให้ได้กำไรในช่วงเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามต้องระวัง เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อไรกรอบนี้จะถูกเบรกออกไปเป็นเทรนด์
ทุกอย่างที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ “ในกรอบ” ของ BB ที่ตั้ง Deviation 1 มักบอกถึง Consolidation: ถ้าส่วนใหญ่ของแท่งเทียนอยู่ “นอก” ช่องดังกล่าว นั่นคือช่วงมีเทรนด์ นอกจากนี้ถ้าเราสังเกตความกว้างของ Bollinger Bands ขณะไซด์เวย์ จะแคบลงและวิ่งขนานไปกับแกนเวลา
แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ สามารถใช้ RSI ช่วยเพื่อวัดโซน Overbought และ Oversold (ตั้ง Period เล็กๆ เช่น 4) โดยดูให้ราคาขึ้นหรือแตะขอบกรอบพอดี: หรือต้องการเทรดในกรอบด้วย Bollinger Bands ก็ทำได้ง่ายๆ แค่ปรับ Bollinger Bands ตามค่าเริ่มต้น (Period 20, Deviation 2) แล้วรอจนกว่าราคาจะเลยขอบบนหรือขอบล่างของแถบ แล้วเปิดออเดอร์สวนกลับเข้าในกรอบ: สำคัญคือต้องเข้าใจลักษณะของอินดิเคเตอร์ให้ดีและคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงเป็นเทรนด์
ตัวอย่าง: ราคาเคลื่อนไหวในขาขึ้น จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดถูกยกระดับเรื่อยๆ: ระหว่างที่ High และ Low ยังปรับขึ้นต่อ การพักตัวใดๆ ตรงข้ามเทรนด์ก็คือ Pullback: แต่เมื่อถึงจุดที่ High และ Low หยุดปรับขึ้น เทรนด์นั้นสิ้นสุด: หลังช่วง Consolidation ราคากลับมาอัปเดต High และ Low ในทางตรงข้าม ทำให้เกิดการกลับตัวเป็นเทรนด์ขาลง: การเปลี่ยนทิศทางของจุดสูงสุดและต่ำสุดเป็นสัญญาณชัดเจนของการกลับตัว ดูอีกตัวอย่าง: นี่คือลักษณะของการเปลี่ยนเทรนด์: บางครั้งหลังจบเทรนด์เดิม ราคาอาจเข้า Consolidation ก่อนแล้วจึงกลับเทรนด์ใหม่ ในบางกรณีราคาอาจกลับตัวทันที
เราขีดเส้นเทรนด์ไลน์ในกราฟ แล้วสังเกตว่าราคาทะลุหรือไม่: ถ้าราคาเบรกเทรนด์ไลน์และมีการสร้างจุดสูงสุด-ต่ำสุดฝั่งตรงกันข้ามต่อ ถือว่าราคาเปลี่ยนทิศแน่นอน รอ Consolidation หรือรอเทรนด์ใหม่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่เบรก และเพียงแค่จุดสูงสุด-ต่ำสุดหยุดอัปเดต อาจเป็นเพียงการพักตัวที่ยาวขึ้น
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าควรเทรดในช่วงเทรนด์และช่วงไซด์เวย์อย่างไร เหลือแค่ดูให้ออกว่าตลาดอยู่ในสภาวะไหน แล้วลงมือเทรดตามแผนที่วางไว้เพื่อทำกำไร
เมื่อคุณฝึกการอ่านตลาดจนชำนาญ ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและหาจุดทำกำไรได้แบบไม่ต้องเสียเวลา ความรู้เรื่องพฤติกรรมราคาจะไม่มีความหมาย ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นกำไรได้ เปรียบเหมือนคุณเปิดร้านขายของชำกลางทะเลทราย—ถึงจะไม่มีคู่แข่งเลย แต่แม่งเอ๊ย ยังขาดอะไรบางอย่างอยู่ดี
- แนวโน้ม (Trend)
- การพักตัวระหว่างแนวโน้ม (Pulseback/Pullback)
- Consolidation หรือการเคลื่อนไหวราคาในกรอบ (Sideways)
เนื้อหา
- แนวโน้มในการเทรดออปชั่นไบนารี: วิธีเทรดในช่วงที่ราคากำลังเป็นเทรนด์
- การระบุแนวโน้มด้วย ADX (Average Directional Movement Index)
- การระบุแนวโน้มด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
- การระบุแนวโน้มด้วย Bollinger Bands
- เทรดออปชั่นไบนารีตามแนวโน้ม: กลยุทธ์เทรดเมื่อราคากำลังเป็นเทรนด์
- Price Action รูปแบบ 1-2-3 – กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม
- การกลับมาของราคาไปยังระดับแนวรับและแนวต้านที่ถูกเบรก – กลยุทธ์เทรนด์
- Consolidation หรือการเคลื่อนไหวราคาในกรอบ: วิธีเทรดในช่วงไซด์เวย์
- การระบุการเคลื่อนไหวราคาที่เป็น Consolidation ด้วย ADX (Average Directional Movement Index)
- การตรวจจับการเคลื่อนไหวไซด์เวย์ด้วย Bollinger Bands
- วิธีเทรดในช่วงไซด์เวย์ – ทำกำไรจาก Consolidation
- วิธีแยกแยะการพักตัวระหว่างแนวโน้มออกจากการกลับตัวของราคา
- วิธีระบุการกลับตัวของราคา
- ตลาดที่หลากหลายหรือจะทำอย่างไรให้เห็นความเป็นระเบียบในความสับสน
แนวโน้มในการเทรดออปชั่นไบนารี: วิธีเทรดในช่วงที่ราคากำลังเป็นเทรนด์
“แนวโน้ม” คือการเคลื่อนไหวของราคาไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งเป็นระยะเวลานาน โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลัก:- ขาขึ้น (Uptrend)
- ขาลง (Downtrend)
ขาขึ้น (Uptrend) หมายถึงการสร้างจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ใหม่ที่สูงขึ้นกว่าของเดิมเรื่อยๆ: ขาลง (Downtrend) หมายถึงการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลงกว่าของเดิมเรื่อยๆ: จะเห็นได้ว่าระหว่างการเคลื่อนไหวของแนวโน้ม ราคาเคลื่อนที่เป็นคลื่น: หลังจากมีการเคลื่อนที่แรงๆ ไปตามทิศทางของแนวโน้มหลัก ก็มักจะตามมาด้วยการปรับตัวสั้นๆ ตรงข้ามเทรนด์ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปยังทิศทางเดิม
ถ้าให้ดูภาพเชิงโครงสร้าง ขาขึ้นจะเป็นดังนี้:
- ช่วง 1-2, 3-4, 5-6 คือช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวตามแนวโน้มขาขึ้น
- ช่วง 2-3, 4-5 คือการพักตัวหรือการย่อของราคาในระหว่างเทรนด์ (ตรงข้ามทิศทางหลัก)
- จุด 2, 4, 6 คือจุดสูงสุดที่ถูกทำใหม่ให้สูงกว่าเดิม
- จุด 1, 3, 5 คือจุดต่ำสุดที่ถูกปรับตัวสูงขึ้น
- ช่วง 1-2, 3-4, 5-6 คือช่วงที่ราคาเคลื่อนไหวตามแนวโน้มขาลง
- ช่วง 2-3, 4-5 คือการพักตัวของราคา (ตรงข้ามทิศทางหลัก)
- จุด 2, 4, 6 คือจุดสูงสุดที่ถูกปรับลดลงเรื่อยๆ
- จุด 1, 3, 5 คือจุดต่ำสุดที่ถูกทำใหม่ให้ต่ำลง
การระบุแนวโน้มด้วย ADX (Average Directional Movement Index)
ADX เป็นอินดิเคเตอร์วิเคราะห์ทางเทคนิคที่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าตอนนี้ตลาดมีเทรนด์หรือไม่ ซึ่งสามารถบอกได้อย่างแม่นยำมากหลักการใช้งาน ADX ง่ายๆ:
- ถ้าเส้น ADX อยู่เหนือระดับ “25” แสดงว่าราคาอยู่ในช่วงมีแนวโน้ม
- ถ้าเส้น ADX อยู่ต่ำกว่าระดับ “25” แสดงว่าตลาดกำลังไซด์เวย์หรือ Consolidation
การระบุแนวโน้มด้วยเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)
การระบุแนวโน้มไม่ใช่เรื่องยาก (ถ้าเราเข้าใจวิธีการ) อีกวิธีหนึ่งคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หลายเส้น โดยตัวอย่างเช่น:- Exponential Moving Average (EMA) Period “10”
- Exponential Moving Average (EMA) Period “30”
- Exponential Moving Average (EMA) Period “60”
- EMA “10” จะอยู่ใกล้กราฟราคาที่สุด
- EMA “30” จะอยู่ถัดมา
- EMA “60” จะอยู่ไกลจากราคามากที่สุด
การระบุแนวโน้มด้วย Bollinger Bands
สำหรับ Bollinger Bands (BB) มีหลายวิธีที่จะใช้บอกแนวโน้ม ตัวอย่างการตั้งค่าแบบมาตรฐาน:- ถ้าช่อง (Channel) และเส้นกลางของ BB มีทิศทางขึ้น ถือเป็นขาขึ้น
- ถ้าช่องและเส้นกลางของ BB มีทิศทางลง ถือเป็นขาลง
- ถ้าเส้นกลางค่อนข้างขนานกับแกนเวลาและช่อง BB แคบ แสดงถึงภาวะไซด์เวย์
อีกวิธีคือใช้ Bollinger Bands สองชุด:
- BB Period “20” Deviation “2” (ค่าเริ่มต้น)
- BB Period “20” Deviation “1”
เทรดออปชั่นไบนารีตามแนวโน้ม: กลยุทธ์เทรดเมื่อราคากำลังเป็นเทรนด์
กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้มมีมากมายจนไม่อาจนับได้หมด ยกตัวอย่างบางกลยุทธ์ที่คุณสามารถนำไปใช้ทำกำไรได้ดังนี้Price Action รูปแบบ 1-2-3 – กลยุทธ์เทรดตามแนวโน้ม
Price Action รูปแบบ 1-2-3 เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ดักการต่อเนื่องของเทรนด์หลังจากการพักตัวของราคา วิธีการคือ หาจุด 3 จุดในกราฟ:- จุดเริ่มต้นของแนวโน้ม
- จุดสูงสุด (ถ้าเป็นขาขึ้น) หรือจุดต่ำสุด (ถ้าเป็นขาลง)
- จุดสูงสุดหรือต่ำสุดของการพักตัว (Pullback)
ตัวอย่างสัญญาณในเทรนด์ขาขึ้น: ตัวอย่างสัญญาณในเทรนด์ขาลง: อย่าลืมตรวจดูว่า High และ Low มีการอัปเดตตามเทรนด์หรือเปล่า เพื่อไม่ให้เข้าไปเจอภาวะไซด์เวย์
การกลับมาของราคาไปยังระดับแนวรับและแนวต้านที่ถูกเบรก – กลยุทธ์เทรนด์
กลยุทธ์นี้อาศัยการที่ราคาในเทรนด์เคลื่อนที่เป็นคลื่น หมายความว่าราคาจะย้อนกลับมาที่ระดับแนวรับ (Support) หรือแนวต้าน (Resistance) ที่เพิ่งถูกเบรก แล้วดีดตัวตามแนวโน้มหลัก เราเลือกเวลาหมดอายุสัก 3-5 แท่งเทียนสัญญาณขาขึ้นจะเป็นดังนี้: สัญญาณขาลง (ในเทรนด์ขาลง): ข้อเสียของกลยุทธ์นี้คือ บางครั้งราคาอาจไม่ย้อนกลับมาที่แนวรับหรือต้านที่เพิ่งเบรก ทำให้เราพลาดโอกาสเปิดออเดอร์
Consolidation หรือการเคลื่อนไหวราคาในกรอบ: วิธีเทรดในช่วงไซด์เวย์
Consolidation หรือการเคลื่อนไหวไซด์เวย์คือสภาวะตลาดที่ราคาเคลื่อนอยู่ในกรอบแนวรับ (ด้านล่าง) และแนวต้าน (ด้านบน) แบบไม่ไปไหนไกล: ในช่วงไซด์เวย์นี้ ราคากำลัง “สะสมพลัง” ก่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นเทรนด์ใหม่ หากเป็นกรอบแคบๆ ที่อยู่นานๆ เราอาจคาดหวังว่าหลังจากนั้นจะเกิดเทรนด์ที่รุนแรงข้อสังเกตคือ ราคามักดีดตัวลงเมื่อชนขอบบนของกรอบ และดีดขึ้นเมื่อชนขอบล่าง ถ้าเราระบุกรอบนี้ได้ถูกต้อง ก็สามารถเทรดให้ได้กำไรในช่วงเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตามต้องระวัง เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อไรกรอบนี้จะถูกเบรกออกไปเป็นเทรนด์
การระบุการเคลื่อนไหวราคาที่เป็น Consolidation ด้วย ADX (Average Directional Movement Index)
เราเคยใช้ ADX เพื่อดูว่าตลาดเป็นเทรนด์หรือไม่ แต่ก็สามารถใช้ดูภาวะไซด์เวย์หรือ Consolidation ได้ด้วย กฎเดียวกันคือ:- ถ้าเส้น ADX อยู่เหนือ 25 ⇒ มีแนวโน้ม
- ถ้าเส้น ADX อยู่ใต้ 25 ⇒ ราคากำลังไซด์เวย์ (Consolidation)
การตรวจจับการเคลื่อนไหวไซด์เวย์ด้วย Bollinger Bands
อ้างอิงจากวิธีระบุแนวโน้มด้วย Bollinger Bands หากเราใช้ Bollinger Bands ค่า Period “20” และ Deviation “1” เราก็จะเห็นว่า:ทุกอย่างที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ “ในกรอบ” ของ BB ที่ตั้ง Deviation 1 มักบอกถึง Consolidation: ถ้าส่วนใหญ่ของแท่งเทียนอยู่ “นอก” ช่องดังกล่าว นั่นคือช่วงมีเทรนด์ นอกจากนี้ถ้าเราสังเกตความกว้างของ Bollinger Bands ขณะไซด์เวย์ จะแคบลงและวิ่งขนานไปกับแกนเวลา
วิธีเทรดในช่วงไซด์เวย์ – ทำกำไรจาก Consolidation
การเทรดในกรอบไซด์เวย์ถือเป็นเรื่องสนุกสำหรับมือใหม่ เพราะทำความเข้าใจได้ง่าย สิ่งที่ต้องทำก็แค่:- เปิดออเดอร์ Sell เมื่อราคาวิ่งใกล้ขอบบนของกรอบ
- เปิดออเดอร์ Buy เมื่อราคาวิ่งใกล้ขอบล่างของกรอบ
แต่ถ้ายังไม่มั่นใจ สามารถใช้ RSI ช่วยเพื่อวัดโซน Overbought และ Oversold (ตั้ง Period เล็กๆ เช่น 4) โดยดูให้ราคาขึ้นหรือแตะขอบกรอบพอดี: หรือต้องการเทรดในกรอบด้วย Bollinger Bands ก็ทำได้ง่ายๆ แค่ปรับ Bollinger Bands ตามค่าเริ่มต้น (Period 20, Deviation 2) แล้วรอจนกว่าราคาจะเลยขอบบนหรือขอบล่างของแถบ แล้วเปิดออเดอร์สวนกลับเข้าในกรอบ: สำคัญคือต้องเข้าใจลักษณะของอินดิเคเตอร์ให้ดีและคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงเป็นเทรนด์
วิธีแยกแยะการพักตัวระหว่างแนวโน้มออกจากการกลับตัวของราคา
นี่เป็นคำถามเบสิกสำหรับมือใหม่หลายคน แต่ความจริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิด เราแค่ต้องเข้าใจภาพรวมของตลาด:- ถ้าราคาขยับขึ้นและจุดสูงสุด-ต่ำสุดถูกปรับขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือขาขึ้น
- ถ้าราคาขยับลงและจุดสูงสุด-ต่ำสุดถูกปรับลดลงเรื่อยๆ นั่นคือขาลง
ตัวอย่าง: ราคาเคลื่อนไหวในขาขึ้น จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดถูกยกระดับเรื่อยๆ: ระหว่างที่ High และ Low ยังปรับขึ้นต่อ การพักตัวใดๆ ตรงข้ามเทรนด์ก็คือ Pullback: แต่เมื่อถึงจุดที่ High และ Low หยุดปรับขึ้น เทรนด์นั้นสิ้นสุด: หลังช่วง Consolidation ราคากลับมาอัปเดต High และ Low ในทางตรงข้าม ทำให้เกิดการกลับตัวเป็นเทรนด์ขาลง: การเปลี่ยนทิศทางของจุดสูงสุดและต่ำสุดเป็นสัญญาณชัดเจนของการกลับตัว ดูอีกตัวอย่าง: นี่คือลักษณะของการเปลี่ยนเทรนด์: บางครั้งหลังจบเทรนด์เดิม ราคาอาจเข้า Consolidation ก่อนแล้วจึงกลับเทรนด์ใหม่ ในบางกรณีราคาอาจกลับตัวทันที
วิธีระบุการกลับตัวของราคา
มาดูสรุปกันหน่อยว่าการพักตัว (Pullback) กับการกลับตัว (Reversal) ต่างกันอย่างไร Pullback:- มักเกิดหลังมีการเคลื่อนที่แรงๆ ในทิศทางของเทรนด์
- กินระยะเวลาสั้น
- บางครั้งอาจเป็นรูปแบบซับซ้อนหรือเกิดเป็น Consolidation สั้นๆ ได้
- ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขการอัปเดตจุดสูงสุด-ต่ำสุดในทิศทางเดิม
- อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
- อาจกลายเป็นเทรนด์ยาวนาน
- เปลี่ยน “ขั้ว” ของการสร้างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด
การใช้ Fibonacci เพื่อระบุการกลับตัวของราคา
Fibonacci Retracement เป็นเครื่องมือช่วยบอกจุดที่ราคาอาจกลับตัวหลังเกิดเทรนด์ ถ้าเราขีด Fibonacci จากจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม (Impulse) ไปยังจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด (แล้วแต่กรณี) เราจะได้ระดับที่อาจเป็นจุดกลับตัว: ในตัวอย่างนี้ ราคาย่อถึงระดับ 38.2% แล้วกลับไปต่อ แต่ถ้าราคาหลุดลงไปต่ำกว่าระดับ 100% ก็ถือเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มก่อนหน้าอาจจบลงและอาจกำลังเริ่มขยับเข้าสู่ขาลง:การระบุการกลับตัวของราคาโดยใช้เทรนด์ไลน์
หลักการจริงๆ คล้ายกับการดูจุดสูงสุดและต่ำสุด เพียงแต่มองผ่านมุม “เส้นเทรนด์ไลน์”:เราขีดเส้นเทรนด์ไลน์ในกราฟ แล้วสังเกตว่าราคาทะลุหรือไม่: ถ้าราคาเบรกเทรนด์ไลน์และมีการสร้างจุดสูงสุด-ต่ำสุดฝั่งตรงกันข้ามต่อ ถือว่าราคาเปลี่ยนทิศแน่นอน รอ Consolidation หรือรอเทรนด์ใหม่ได้เลย แต่ถ้ายังไม่เบรก และเพียงแค่จุดสูงสุด-ต่ำสุดหยุดอัปเดต อาจเป็นเพียงการพักตัวที่ยาวขึ้น
ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าควรเทรดในช่วงเทรนด์และช่วงไซด์เวย์อย่างไร เหลือแค่ดูให้ออกว่าตลาดอยู่ในสภาวะไหน แล้วลงมือเทรดตามแผนที่วางไว้เพื่อทำกำไร
ตลาดที่หลากหลายหรือจะทำอย่างไรให้เห็นความเป็นระเบียบในความสับสน
ตลาดสามารถเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ แต่เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะเห็นภาพได้ชัดว่า ตอนนี้ตลาดเป็นแนวโน้มไหนหรือไซด์เวย์เพียงแค่ดูแวบเดียว ฝึกฝนสักพักแล้วคุณจะทราบว่ามันไม่ได้ยากเย็นเลย สมองจะประมวลและสรุปทันทีเมื่อคุณฝึกการอ่านตลาดจนชำนาญ ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและหาจุดทำกำไรได้แบบไม่ต้องเสียเวลา ความรู้เรื่องพฤติกรรมราคาจะไม่มีความหมาย ถ้าคุณไม่สามารถเปลี่ยนมันให้เป็นกำไรได้ เปรียบเหมือนคุณเปิดร้านขายของชำกลางทะเลทราย—ถึงจะไม่มีคู่แข่งเลย แต่แม่งเอ๊ย ยังขาดอะไรบางอย่างอยู่ดี
บทวิจารณ์และความคิดเห็น